หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 563 ร่างจําแลง
ตอนที่ 563 ร่างจําแลง
ต้านต้านก้มหน้างุด ๆ ส่งเสียงงุ้งงิ้ง
“ท่านพ่อเป็นผู้สอนต้านต้าน”
เขาสอน ? เจ้ากลับกระทําตามโดยไม่นึกคลางแคลงใจแม้สักนิดกระนั้นหรือ ? ไม่เพียงแค่นั้นนับแต่แรก เจ้าตัวน้อยก็เรียกขานเขาว่าพี่ชายคนงามอย่างหน้าชื่นตาบานเสียด้วย
หนานกงยี่ขยับกายแนบชิดใกล้ ส่งเสียงเบากระซิบข้างหูเกอซี
“เป็นหวางยังมิได้ถามซีเอ๋อเลย พี่ชายคนงามกระนั้นหรือ ? อืม ? เห็นทีซีเอ๋อจะชื่นชมใบหน้าอันหล่อเหลาของเป็นหวางอยู่มน้อย นับเป็นเกียรติยิ่งนัก
“หลงตัวเอง !”
หญิงสาวผลักเขาออกขณะส่งเสียงหัวเราะร่วน
“ท่านพ่ออะไรกัน ? เจ้านี่คิดรวบยึดกระทั่งต้านต้านก็ไม่ละเว้นเชียวหรือ ?” อีกฝ่ายยกมือขึ้นเขี่ยจมูกเล็กน้อยก่อนปั้นน้ําเสียงจริงจัง
“เป็นหวางสมควรสร้างความคุ้นเคยกับการถูกเรียกขานว่าท่านพ่อไว้เสียแต่เนิ่น ๆ ภายหลัง เมื่อซีเอ๋อแต่งเข้าตําหนักราชันมัจจุราชให้กําเนิดทายาท เป็นหวางจะได้คุ้นชินกับการดูแลลูกน้อยของเราอย่างไรเล่า”
“ฝันไปเถิด ! ผู้ใด…ผู้ใดจะให้กําเนิดทายาทของเจ้ากัน !” เกอซีใบหน้าแดงกําด้วยความกระดากอาย
ครั้นกําลังจะต่อบทสนทนา นางกลับเห็นอีกฝ่ายมีใบหน้าซีดเซียว กระทั่งเกือบจะซีดขาว
นางรีบกุมกระชับฝ่ามืออีกฝ่ายด้วยความตื่นตระหนกร้อนใจ
“หนานกงยวี่ เกิดอะไรขึ้น ? เจ้าได้รับบาดเจ็บที่ใดกระนั้นหรือ ?”
“ข้าไม่เป็นไร
เขาโบกมือปัด
“ไม่ต้องห่วง เพียงผลกระทบจากการฉีกฝ่ามิติเท่านั้น”
เกอซีนทิพย์ธาราแห่งความสันโดษชั้นเก้าส่งให้หนานกงยวได้ดื่มกิน ทว่าภายในใจยังคงนึกกังขา
ฉีกฝ่ามิติ ? จดจําได้ว่าตลอดแถบทวีปหมีหลัวแห่งนี้ แทบไม่ปรากฏผู้ใดที่สามารถกระทําสิ่งนี้ได้
ทั้งยิ่งยามนี้ที่นางตกอยู่ในข่ายอาคมโอบล้อมเหนือเทือกเขาสลายวิญญาณ ซึ่งแม้กระทั่งยอดฝีมือขั้นหาย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณที่ไร้ป้ายส่งตัวล้วนไม่สามารถล่วงผ่านข่ายอาคมเข้ามาได้
หากแต่หนานกงยวเข้ามาได้อย่างไร ?
ยิ่งคิด หญิงสาวก็ยิ่งกระวนกระวายใจ สองคิ้วของนางขมวดมุ่น “เจ้า…เจ้าใช้เคล็ดวิชาลับใช่หรือไม่ ? การปรากฏกายในที่นี้ย่อมต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนอันสูงลิ่วใช่หรือไม่ ?”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบคลายเรียวคิ้วที่จิกเข้าหากันแน่นของเกอซี จ้องประสานนัยน์ตาที่สะท้อนภาพของเขา อดมิได้ที่จะก้มลงประทับจุมพิตลงบนเปลือกตาคู่นั้นพลางกล่าวด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน
“ซีเอ่อคลายใจได้ บุรุษของเจ้าหาได้อ่อนแอถึงเพียงนั้นไม่ แม้นการฉีกฝ่ามิตินั้นย่อมต้องจ่ายค่าตอบแทน ทว่าสําหรับข้าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย”
“เพียง เพียงร่างจําแลงของข้า กําลังจะเลื่อนสลายคืนกลับสู่ร่างแท้จริง”
“ร่างจําแลง ?”
ยิ่งได้ฟัง ผู้ฟังก็ยิ่งสับสน ยิ่งรู้สึกว่าชายหนุ่มผู้อยู่เบื้องหน้านางเต็มไปด้วยความลึกลับน่าอัศจรรย์
สามารถกล่าวได้ว่าตลอดทั่วทั้งทวีปหมีหลัวไม่เคยปรากฏผู้ฝึกยุทธที่สามารถบรรลุเคล็ดวิชาฉีกฝ่ามิติ ขณะร่างจําแลงก็เป็นเพียงตัวช่วยในการสร้างความสับสนให้คู่ต่อสู้ยามประพลังฝีมือ ไม่อาจกระทําสิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากแยกร่างหลอกตา หากแต่ร่างจําแลงของหนานกงยวสามารถข้ามฝ่ามิติ ต่อสู้ด้วยพลังฝีมืออันเก่งฉกาจ ทั้งยังสามารถกลับคืนสู่ร่างจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบช่างเป็นพลังฝีมือที่น่าตื่นตาอะไรปานนี้ !
หนานกงยผู้อยู่เบื้องหน้านางนี้ คือผู้มีพลังฝีมือเพียงขั้นห้า ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณดั่งที่ทุกคนเข้าใจจริงกระนั้นหรือ ?
ชายหนุ่มรั้งร่างบางของสาวน้อยผู้ยังอยู่ในอาการสับสนงงงวยเข้ามากอด อดมิได้จริง ๆ ที่จะก้มลงจุมพิตพวงแก้มนิ่มของนางอีกครา
“ซีเอ่อ พวกเราหาได้มีเวลาอยู่ด้วยกันยืดยาวนัก ไม่สมควรปล่อยให้จิตใจวอกแวกพะวงถึงเรื่องอื่น หากสมควรเอาอกเอาใจดูแลข้ามิใช่หรือ ?”
น้ําเสียงของเขาอ่อนบางหม่นมัว ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อยคละเคล้าความออดอ่อนอยู่ในที ยิ่งเมื่อผนวกเข้ากับใบหน้าที่หล่อเหลาหาใดเปรียบนั่นแล้ว ย่อมสามารถละลายหัวใจที่แข็งแกร่งราวศิลาให้อ่อนระทวยภายใต้ความนุ่มนวลอ่อนโยนอย่างแท้จริง
ยามนี้ชายหนุ่มหงุดหงิดยิ่งนักที่ร่างจําแลงซึ่งฝ่ามิติข้ามมาสามารถรั้งเวลาอยู่ได้เพียงไม่นาน
ยามนี้เกอซีเริ่มมีจิตใจหวั่นไหวเอนเอียง นี่คือช่วงเวลาแห่งความสุขอันหวานชื่น เขายังอยากดื่มด่ำความหอมหวานจากริมฝีปากของนาง ยังอยากนั่งตระกองกอดนางไว้เช่นนี้ไม่พรากจาก
เกอซี่รับรู้ได้ถึงเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ร้อนผ่าวอยู่ข้างหู ทั้งร่างของนางอ่อนระทวยสิ้นแรงภายในใจรับรู้ได้ถึงความหวานที่ยิ่งเสริมส่งให้นางรู้สึกขัดเขินเอียงอาย
***จบตอน ร่างจําแลง***