หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 490 กระเด็นไกล
ตอนที่ 490 กระเด็นไกล ?
สองอาจารย์-ศิษย์ยังต่อรองกันไม่จบ สุ่มเสียงหมดความอดทนของบุรุษในชุดคลุมพลันดังแทรก “กล้าดูแคลนข้ากระนั้น เจ้าจะได้ตายในมือข้าแน่ !”
เพียงสิ้นเสียงพายุลมที่กรรโชกแรงพร้อมเสียงบาดโสตประสาทแหวกแทรกชั้นบรรยากาศพลันถาโถมเข้าใส่เกอซี
ขวดน้ำเต้าที่ว่างเปล่าในมือผู้เฒ่าถูกเขวี่ยงกระเด็น ก่อนร่างของเขาจะเลือนหายไปจากตำแหน่งเดิมที่หยุดยืน
ยังไม่ทันได้รู้เห็นสิ่งใดหญิงสาวพลันได้ยินเสียงดัง “ตูม” คลื่นพายุลูกโตพลันหยุดพัดฟังกระจายหมอกควันม่านดําเลือนสลายเบื้องหน้าไม่เหลือร่องรอยสิ่งใด
ถูกต้อง….ถูกแล้ว….ไม่เหลือสิ่งใดจริงๆ บุรุษในชุดคลุมผู้นั้นหายไปจากที่นั้นอย่างแท้จริง
ผู้เฒ่ายกมือขึ้นเกาหัวแกรก ๆ ส่งเสียงหัวเราะแหะ ๆ “ไอหย่า ดันเผลอตั้งมือไม่ทันเห็นที่มันคงกระเด็นลิ่วไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้วกระมัง”
เกอซีขมวดคิ้วมั่น “กระเด็นไปไกล ? ไกลถึงไหนหรือ ?”
“เอ่อ….เรื่องนี้…มันก็…” ชายชราแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า “เอ…ข้าก็ไม่เห็นเหมือนกัน ไม่รู้มันกระเด็นไปถึงไหนแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า….แม้ไม่ได้กระทืบมันให้จมธรณีทว่าอาจารย์ก็ตะเพิดมันไปไกลแล้วนา…นังหนู”
“กว่ามันจะโหม่งพื้นคืบคลานขึ้นมาได้คงกินเวลากว่าสามชั่วยาม เช่นนั้น…..สุราของข้า……”
เกอซียืนกระพริบตาปริบ ๆ จ้องชายชราเบื้องหน้า
นางมั่นใจเต็มร้อยว่าผู้เฒ่าท่านนี้มิได้มีใจจะหนักมือกับบุรุษในชุดคลุมสีเทาผู้นั้น
ที่สุด เกอซีต้องยกมือขึ้นเกาหัวแกรก ๆ ยกยิ้มบางด้วยความคลายใจ “ไม่ต้องห่วง ท่านจะได้ชิมสุรารสเลิศอย่างแน่นอนไม่ว่าอย่างไร ข้าต้องขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่ช่วยเหลือพวกเรา”
“ไอหย่า เจ้าศิษย์รัก มันต้องให้ได้อย่างนี้สิ ! เจ้านี่มันช่างรู้จักเอาอกเอาใจ รู้จักกตัญญเสียจริงถูกใจข้าเป็นที่สุด…..”
“ตัวท่านทั้งเหม็นทั้งมีแต่กลิ่นสุรา ปล่อยข้าเสียทีเถิด !”
“อพิโธ่ ! อย่าพูดเช่นนั้นสิ อาจารย์แสนรักแสนเอ็นดูเจ้ามันต้องแสดงความรักด้วยการกอดให้ แน่นเจ้ากล่าวเช่นนี้ได้เยี่ยงไร !”
“เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถเขวี่ยงไหสุราให้แตกหกหมดต่อหน้าท่านให้ด”
“เอ้อ…อ้า….แหม ! ศิษย์รัก…เจ้าศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของข้า….อาจารย์ผิดไปแล้ว ! สุราชั้น ดีมันต้องเก็บไว้คารวะอาจารย์ส์เจ้าศิษย์รัก”
การต่อสู้ที่ยืดเยื้อยาวนานระหว่างเกอซ์กับบุรุษในชุดคลุมพลันสิ้นสุดอย่างรวดเร็วเหนือความคาดหมาย ทว่าจะอย่างไรล้วนเป็นบทลงเอยที่ยอดเยี่ยม
การต่อสู้ที่ดุเดือดส่งผลให้เรือนมู่หรงสั่นสะเทือนคล้ายสามารถจะพังทลายลงได้หลายต่อหลายคราเหล่าเด็กน้อยที่ถูกจับตัวกักขังไว้ในห้องใต้ดินทําได้เพียงกอดกันตัวสั่นทุกคราที่แผ่น ดินไหวสะท้าน เหล่าเด็กน้อยทั้งหลายต่างไม่กล้าหนีออกนอกตัวเรือน
เหล่าทหารรักษาการประจําเมืองจินหลิงต่างรีบรุดมายังที่เกิดเหตุ ทว่าภาพเหตุการณ์การต่อสู้ที่บ้าระห่ส่งผลให้พวกเขาทั้งหมดทําได้เพียงยืนอึ้งนิ่งตะลึงไม่กล้าขยับแม้เพียงก้าวที่ปรากฏ หาใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถยื่นมือเข้าก้าวก่ายหากยังรักยังหวงแหนชีวิตตน
เพียงแต่จะมีผู้ใดคาดคิดว่า แค่สามวันให้หลังเรือนมู่หรงกลับล่องหนหายลับในชั่วข้ามคืน
เพียงข้ามราตรีเดียว ทั้งผู้ตรวจเวรยามประจําเดือนมู่หรง ทั้งคนรับใช้ภายในเรือน บ่าวไพร่ตลอดถึงเด็กน้อยทุกชีวิตในตระกูลมู่หรงล้วนหายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอยกระทั่งซากกองกระดูกยังไม่มีเหลือให้ได้แลเห็น
ทว่าที่น่าตื่นตระหนกอย่างที่สุดนั้น ก็คือเรือนมู่หรงทั้งหลังกลับดูคล้ายถูกเปลวเพลิงประหลาดแผดเผาให้วอดวายไม่เหลือซากเว้นไว้ให้ดูต่างหน้าคงมีเพียงแนวกําแพงหักพังสีเทาที่ขมุกขมัว
นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง
ตระกูลมู่หรง หนึ่งในสี่ตระกูลผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดแห่งเมืองเหยียนจึง ยามนี้ได้หายสาบสูญไม่เหลือแม้เพียงผู้เดียวไม่เหลือทิ้งแม้เพียงร่องรอยน้อยนิดให้สามารถสืบเสาะติดตาม
เหตุอุบัติที่ไม่คาดฝันครานี้สะเทือนขวัญกําลังใจของชาวเมืองเหยียนจิงอย่างถึงที่สุด ยิ่งโดยเฉพาะสามตระกูลใหญ่ที่เหลือแม้นพวกเขาจะคอยฉวยโอกาสริดรอนอํานาจอิทธิพลของตระกูลมู่หรงเสมอมาทว่าเมื่อตระกูลใหญ่เยี่ยงมู่หรงถึงคราล่มสลาย ย่อมนําพามาซึ่งความตื่นตระหนกหวาดกลัวให้แก่ตระกูลใหญ่ที่เหลือเป็นธรรมดา
ศัตรูตัวฉกาจผู้นี้น่ากลัวยิ่งนักสามารถถล่มตระกูลมู่หรงให้พินาศสิ้นเพียงชั่วข้ามคืน ท่ามกลางสายตาทหารรักษาการอย่างไม่หวั่นเกรงใด ๆ !
***จบตอน กระเด็นไกล ?***