หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 454 ช่างน่าผิดหวัง
ตอนที่ 454 ช่างน่าผิดหวัง
เพียงสิ้นคํากล่าว สายเถาวัลย์สีม่วงพลันแตกแยกแขนงออกเป็นห้า ปลายสายแต่ละเส้นล้วนพุ่งตรงเข้าโจมตียอดฝีมือทั้งห้า “อย่ามัวอืดอาด พวกเจ้าทั้งห้าเข้ามาเสียพร้อม ๆ กันอย่ามัวเรียงกันทีละคนเสียเวลาข้า !”
ครั้นได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของยอดฝีมือทั้งห้ากลับยิ่งน่าเกลียดน่ากลัว
ความหยิ่งยโสของหนุ่มน้อยผู้นี้หาใช่ธรรมดาคนผู้นี้ดูแคลนฝีมือ ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา
เฉินไปหันไปสบตาเม่ยหรูเยียน ก่อนจะส่งเสียงคํารามสนั่นน่าครั่นคร้าม ในฝ่ามือคือดาบต้าฮวานด้ามทองขนาดใหญ่
ผืนผ้าไหมส์สดในมือของเม่ยหรูเยียนพุ่งทะยานปกคลุมแผ่นฟ้าพร้อมกันในทันที
ดาบขนาดยักษ์พุ่งเสียดอากาศพร้อมอายเย็นยะเยียบ ความคมกริบถูกซุกซ่อนภายใต้ผืนผ้าสีสดที่งดงาม
ทั้งเว่ยต้าเสากับจางเต๋อเซิ่ง ต่างทุ่มเทงัดอาวุธเวทขึ้นพร้อมกัน รอเพียงเฉินไปส่งสัญญาณทั้งคู่ล้วนพร้อมเข้าโจมตี
เมื่อได้เห็นปลายดาบคมกริบอํามหิต พุ่งติดตามภายใต้ผืนผ้า รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนดวงหน้าของเกอซี
ปลายเท้าของนางดีดผืนดินเพียงแผ่วเบาเท่านั้น ร่างบอบบางพลันกระโจนขึ้นกลางห้วงนภากาศ
สายเถาวัลย์สีม่วงตวัดล้อมรอบเรือนกาย เพียงเสียงแหวกอากาศดังขึ้นสองครา ผืนผ้าสีสดงามตาพลันฉีกขาดจากกันในทันที
ประกายแสงอันอบอุ่นจากดวงตะวันส่องกระทบใบหน้าเนียนขาวบริสุทธิ์ดั้งเนื้อหยกดวงตาหงส์เรียวงามทอประกายเรืองรองผืนผ้าบางเบาพริ้วไสวล้อไปกับสายลมประหนึ่งเทพธิดาผู้จําแลงร่างปรากฏบนแดนมนุษย์
คมดาบยักษ์น่าเกรงขามของเฉินไปพุ่งตรงเข้าหาหญิงสาวอย่างไร้ความปรานี ทว่าเฉินไปเจ้าของดาบกลับอยู่ในอาการตกตะลึง
มิรู้เมื่อไร ที่ร่างของหนุ่มน้อยเบื้องหน้าเลือนหายจากสายตาของเขา หลงเหลือไว้เพียงเศษผืนผ้าบางเบาที่ปลิวไสวอย่างงดงามจับตา
ส่วนหนุ่มน้อยผู้ตกเป็นเป้าของเขายามนี้กลับจรดปลายเท้าอย่างแผ่วเบาลงเหนือคมดาบดั่งเทพอัปสรจากแดนสรวง
เรือนร่างบอบบางงามระหงยืนโดดเด่นเป็นสง่า ประกายตาที่คงความหยิ่งยโสเย็นชาทอดมองผู้อยู่เบื้องล่างราวมองมดแมลงตัวน้อยที่ไร้สามารถขัดขืนต้านทาน
เว่ยต้าเสาและจางเต๋อเพิ่งต่างยืนกุมอาวุธเวทด้วยอาการที่มซื้อ มิอาจแม้กระถดถอยคล้ายทั้งคู่กําลังตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งการถูกครอบงํา
น้ําเสียงหนักแน่นหลุดออกจากปากของเกอซีผู้ยืนจรดปลายเท้าเหนือปลายกระบี่ของเฉินไปด้วยท่วงท่างดงามอ่อนโยนประดุจสายลมแผ่วเบาที่พริ้วไหว “ข้ารู้สึกผิดหวังในตัวพวกเจ้ายิ่งนักหากนี่คือการต่อสู้ที่แท้จริง พวกเจ้าทั้งหมดล้วนต้องพ่ายแพ้ให้แก่ข้าพวกเจ้าคงได้พบกับความตาย กระทั่งมิรู้จะตายเช่นไรได้อีกแล้ว”
“กระทั่งได้กลายเป็นวิญญาณไปเยือนถึงหน้าประตูเมืองผีก็ยังไม่อาจตระหนักรู้
จบสิ้นประโยค ร่างของนางทะยานสูงขึ้นกลางเวหา ก่อนจะจรดลงสู่พื้นพสุธาอย่างมั่นคง
เรือนผมที่อ่อนนุ่มดําขลับราวแพรไหมสยายร่วงลงระแผ่นหลังบอบบาง ผืนอาภรณ์สะบัดพรวอ่อนละมุนกรุ่นกลิ่นอายหอมอ่อนบางคละเคล้ากับบรรยากาศเย็นยะเยียบที่แผ่ซ่านอบอวลไปทั่วอาณาบริเวณความงดงามที่ปรากฏเบื้องหน้าดึงดูดทุกสายตาให้ติดตรึงลุ่มหลงราวต้องมนตร์สะกด
กู้หลิวเพิ่งผู้ยืนอยู่ด้านข้าง รีบเบือนหน้าหนี้เพื่อหักห้ามข่มอารมณ์ ด้วยเกรงว่าหากเขายังคงจ้องมองนางอยู่เช่นนี้เขาอาจไม่สามารถข่มห้ามจิตใจ….อาจไม่สามารถบังคับตนให้เป็นเพียงเงาที่คอยประกบอยู่เบื้องหลังอาจไม่สามารถหักห้ามใจยอมปล่อยนางไปอาจไม่สามารถข่มห้ามความรู้สึกปรารถนาจะเหนี่ยวรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอดของตน
ไร้หญิงใดสามารถเทียบเปรียบได้ นางคือสตรีผู้งดงามสะกดทุกสายตาให้ลุ่มหลงมัวเมาอย่างไร้หนทางหลีกหนี ไม่สงสัยเลยว่าเหตุใด กระทั่งองค์ราชันมัจจุราชผู้เย็นชายังเฝ้าฝันพร่ําเพ้อถึงเพียงนางอย่างมิอาจถอนตน
ทันที่ที่ปลายเท้าของหญิงสาวจรดลงสู่แผ่นพื้นนัยน์ตาเย็นชาราวแท่งน้ําแข็งก็ถูกส่งผ่านไปบนแผ่นอกของพวกเฉินไป
หัวหน้ายอดฝีมือทั้งห้าพลันคืนสติในทันที เพียงก้มลงมองร่างของตน ใบหน้านั้นกลับซีดเผือด
ริ้วรอยเส้นสายสีม่วงถูกทิ้งไว้บนแผ่นอกข้างซ้ายของพวกเขาทุกคน แน่ชัดว่านี่คือรอยตวัดจากสายเถาวัลย์สีม่วงในมือของอีกฝ่าย
สามารถกล่าวได้ว่า หากนี่คือการต่อสู้ที่แท้จริง หากเกอซีมีใจหมายเอาชีวิต พวกเขาทุกคนล้วนต้องถูกปลายแส้ฟาดใส่แผ่นอกจนแหลกราญถึงแก่ความตายอย่างไร้สิ้นโอกาสแม้เพียงขยับเคลื่อน
***จบตอน ช่างน่าผิดหวัง***