หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 431 โรคร้าย
ตอนที่ 431 โรคร้าย
“นอกเสียจากไปรับโอสถของตระกูลมู่หรงหรีอมัดนางไว้เช่นนี้ข้าไม่เห็นทางเลือกอื่นใด…..”
ประหนึ่งหมายยืนยันคํากล่าวของกู้หลิวเพิ่ง เพียงสิ้นสุดประโยค ร่างที่นอนนิ่งสงบด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสพลันดิ้นทุรนทุรายสุดแรงเกิดอย่างไม่อาจจินตนาการได้ว่านางไปหอบเอาเรียวแรงมากมายเพียงนี้มาจากที่ใด
เห็นได้ชัดว่านางถูกเส้นเชือกผูกมัดตรึงไว้กับเตียงนอนที่แข็งแรงอย่างแน่นหนา กระนั้นทั้งร่างของนางยังสามารถดีดตัวอย่างรุนแรงราวกุ้งแม่น้ําถูกเผาไฟกระทั่งเตียงไม้หนายังโยกสั่นดังเอี๊ยดอ๊าด
นางกรีดร้องส่งเสียงโหยหวนราวสัตว์ป่าที่ได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส
กู้หลิวเพิ่งทําได้เพียงยืนมองก้อวหลานผู้เป็นมารดาคลุ้มคลั่งด้วยความทุกข์ระทม น้ําเสียงของเขาแผ่วเบาราวเดินทางมาจากที่อันแสนไกล
“นับแต่ข้าจดจําความได้ ท่านแม่ก็มีอาการเช่นนี้แล้วในครานั้นท่านแม่อุ้มข้าขึ้นนั่งบนตักพร้อมกับป้อนขนมนึ่งให้ข้า ทว่าจู่ ๆ ท่านแม่ก็ล้มตัวลงไปนอนกลิ้งเกลือกร้องคร่ําครวญอยู่กับพื้นคล้ายกําลังเจ็บปวดทรมานอย่างหนัก”
“จากนั้นท่านแม่ก็มีอาการคลุ้มคลั่งไม่อาจควบคุมตนเองได้ดังเช่นในยามนี้ นางจดจําผู้ใดไม่ได้ทว่าเพียงหากพบเจอมู่หรงฟง นางจะซมซานเข้าไปคุกเข่าร่ําร้องขอโอสถจากมัน”
“ข้าต้องทนดูพวกคนในตระกูลมู่หรง กับทั้งมู่หรงฟังเจ้าเดรัจฉานพวกนั้นทุบตีดูถูกเหยียดหยามสร้างความอัปยศอดสูให้แก่ท่านแม่ทนฟังเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของพวกมัน รอกระทั่งพวกมันกระทําทารุณท่านแม่จนสาแก่ใจแล้วพวกมันจึงจะยอมมอบโอสถให้แก่ท่านแม่”
“ในตอนนั้นข้ายังอ่อนแอและขลาดกลัวจึงทําได้เพียงยืนหลบอยู่ด้านข้างร่ําไห้อ้อนวอนขอให้
พวกมันหยุดทุบตีทําร้ายท่านแม่ของข้านอกไปเสียจากนั้นข้าล้วนไร้สามารถกระทําสิ่งใดอื่น”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดคราบน้ําตาบนดวงหน้าก่อนหันมาสบตาเกอซีผู้กําลังรับฟังด้วยความตั้งใจความหวาดกลัวสิ้นหวังในแววตาค่อย ๆ จางคลาย น้ําเสียงของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
“ทว่า ในคราแรกอาการเจ็บป่วยของท่านแม่ไม่นับว่าร้ายแรง ทุกคราที่อาการกําเริบหากได้รับโอสถจากตระกูลมู่หรงเพียงหนึ่งเม็ด อาการของท่านแม่ก็จะทุเลาทั้งยังไม่กําเริบนานพอควร”
“หากแต่ยิ่งข้าเจริญวัยอาการของท่านแม่กลับยิ่งทรุดหนักอาการคลุ้มคลั่งเริ่มถี่ขึ้นทีละน้อย จากเดิมที่อาการจะกําเริบทุกช่วงระยะสามวันเริ่มกลับกลายเป็นวันเว้นวัน กระทั่งถี่หนักถึงสี่หรือห้าครั้งต่อวัน ท้ายสุดยิ่งท่านแม่ได้รับโอสถกลับยิ่งอยู่ในสภาพหลับใหลแทบไม่รู้สึกตัวมากขึ้นทุกครา….”
ครั้นได้ฟังคําบรรยายอาการเจ็บป่วยจากปากของกู้หลิวเฟิงเกอซีถึงกับขมวดคิ้วมุ่น นางเบี่ยงสายตามองผู้นอนร้องโอดครวญทุรนทุราย กระทั่งพยายามฉีกกัดผ้าปูบนเตียงจนกระเจิดกระเจิง
ไม่แต่แค่เพียงนั้น หากตั้งใจเงี่ยหูฟังให้ดีย่อมสามารถได้ยินเสียงนางพร่ําร่าร้องในลําคอ “ขอโอสถให้ข้า…..ได้โปรด….มอบโอสถสํารับเย็นแก่ข้าเถิด….ไอ้พวกเดรัจฉาน….ไอ้เดรัจฉาน…”
เกอซีทอดถอนใจยาว “โอสถที่พวกมู่หรงมอบให้ท่านแม่ของเจ้ายังมีอยู่หรือไม่?”
อีกฝ่ายส่ายหน้า “นับแต่ข้าอายุได้สิบแปดปี ข้าก็ทําลายโฉมหน้าของตนเองพยายามแปรเปลี่ยนสถานภาพเพื่อหลบหนีให้พ้นจากเงื้อมมือของสกุลมู่หรงเดิมที่ยังคิดหมายพาท่านแม่หลบหนีมาด้วยกัน ทว่าอาการเจ็บป่วยแปลกประหลาดที่ติดตัวมากับท่านแม่ทําให้ข้าอับจนสิ้นหนทาง”
“ข้าจินตนาการไม่ออกจริง ๆ ว่าหากข้าพาท่านแม่หลบหนีไปไกลจากเงื้อมมือพวกมันได้จริง ท่านแม่จะเจ็บปวดทรมานสักเพียงไร จะต้องอยู่ในสภาพทุกข์ทนเช่นนี้อีกเนิ่นนานเพียงไร”
“เมื่อสองปีก่อน ข้าพยายามหาทางลอบเข้าขโมยโอสถถึงในเรือนมู่หรง ทว่าแม้สกุลมู่หรงจะไม่ค่อยปรากฏยอดฝีมือหากแต่การป้องกันของที่นั่นแน่นหนาเข้มงวด กระทั่งข้าก็ไม่อาจเข้าถึง ทุกวันนี้ยังไม่อาจรู้ได้ว่าโอสถชุดนั้นอยู่ที่ใดไม่รู้กระทั่งหน้าตาของมันเป็นเช่นไรแม้ข้าสามารถลอบเข้าถึงเรือนมู่หรงเกรงว่าจะไม่อาจพบเจอโอสถชุดนี้”
“ภายหลัง ท่านลุงวางแผนให้ข้าลอบแฝงตัวเป็นอารักขาเข้าเรือนมู่หรง แม้นข้าจะควานหาโอสถชุดนี้จนทั่วเรือนยังกลับต้องคว้าน้ําเหลว”
กู้หลิวเพิ่งหันมาสบตาเกอซีด้วยแววตาหนักแน่น “ชีเยว่ ยามนี้เจ้าเป็นเพียงความหวังหนึ่งเดียวของข้า หากเจ้าไม่อาจเยียวยารักษาท่านแม่ข้า…ข้าคงไม่ปรารถนาจะเห็นท่านแม่มีชีวิตอย่างอัปยศไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้อีกต่อไป”
***จบตอนโรคร้าย***