หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 401
ตอนที่ 401 ตระกูลเฟิง
ขุมพลังเพลิงถูกรวบรวมในฝ่ามือ ก่อนบุรุษในชุดขาวจะซัดมันใส่สัตว์ประหลาดไร้แขนขาตัวนั้น )
ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้ยินมีเพียงเสียงดัง จ่า ก่อนตัวประหลาดที่พยายามยกแย่ยักยันตนเข้า มาจะแปรสภาพเปลี่ยนเป็นถ่านเถ้า จากนั้นก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ชายในชุดขาวปัดผงฝุ่นที่อาจเปรอะเปื้อนบนอาภรณ์ เขานึกไตร่ตรองชั่วครู่ก่อนถุงใบใหญ่จะปรากฏขึ้นในมือ ก้อนเนื้อสับที่ส่งเสียงร้องโอดครวญพลันถูกรวบเก็บไว้ภายใน
ในอาณาจักรจินหลิง ประกอบด้วยสี่ตระกูลใหญ่นั่นคือ มู่หรง น่าหลาน โอวหยาง และฮวงปู่ โดยตระกูลใหญ่ทั้งสี่ล้วนคานอํานาจซึ่งกันและกัน ส่วนอาณาจักรฉางหมิงนั้น ตระกูลเฟิงมิอาจหาผู้ใดเปรียบ อาจกล่าวได้ว่าตระกูลเฟิงคือตระกูลใหญ่ที่สามารถโดดเด่นเหนือผู้ใด
ตลอดทั่วเขตแดนอาณาจักรฉางหมิง นับแต่เชื้อพระวงศ์กระทั่งเหล่าสํานักทั้งหลายล้วนไม่ปรากฏผู้ใดกล้าคิดตอแย กระทั่งเขตแดนแถบทวีปหมีหลัว ซึ่งมีสํานักหลิวหลีเป็นสํานักขนาดใหญ่สูงสุด แม้สํานักหลิวหลีเองก็ยังเป็นส่วนหนึ่งแห่งสมบัติตระกูลเฟิง
จวนตระกูลเฟิงตั้งอยู่บนเทือกเขาอี้เหลียงในอาณาจักรฉางหมิง หรืออาจสมควรกล่าวว่าเทือกเขาอี้เหลียงทั้งหมดสามารถนับเป็นหนึ่งในสมบัติตระกูลเฟิง
บรรพบุรุษตระกูลเฟิงเลือกตั้งรกรากสร้างเรือนบนสถานที่ซึ่งอุดมไปด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณที่หนาแน่นสูงสุด ทั้งยังร่ายจิตวิญญาณหงส์ดําไว้ป้องกัน และเพิ่มพลังการโจมตีให้คนในตระกูล สามารถกล่าวได้ว่าการได้อยู่อาศัยบนเทือกเขาแห่งนี้ ทั้งปลอดภัยและน่าพึงพอใจ
ณ ที่นี้คือสถานที่คุ้มภัยอันตรายยากจะรุกราน เช่นนั้นสถานที่แห่งนี้ย่อมส่งเสริมการฝึกฝนพลังฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยม
สถานที่งดงามราวสรวงสวรรค์แห่งนี ตระการตา หรูหราเทียบได้กับแดนฟ้า เสาทุกต้นตลอดรายทางเดินล้วนถูกสลักเสลาลวดลายวิจิตร ห้องโถงรองรับแต่ละแห่งล้วนถูกแต่งแต้มด้วยภาพเขียนอันงดงาม ทว่าสิ่งล้ําค่าอย่างหาใดเปรียบมิได้ เหนืออื่นใดก็คือ ผู้ฝึกยุทธไม่จําเป็นต้องนั่งสมาธิ เดินพลัง เพียงสูดลมหายใจ คลื่นพลังทางจิต วิญญาณอันหนาแน่นย่อมสามารถตรงเข้าโคจรทั่วร่างในทันที
การได้ย่างกรายเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้ เสมือนหนึ่งได้ก้าวเข้าสู่แดนสวรรค์ชั้นที่เก้า เพียงย่างเข้าเหยียบเยือน ก็สามารถทําให้ผู้คนหลงใหลคลั่งไคล้กระทั่งหลงลืมบ้านเกิดเรือนนอน
ด้วยเหตุนี้ย่อมไม่น่าประหลาดใจที่เหล่าผู้ฝึกยุทธทั่วหล้าล้วนไขว่คว้ากระเสือกกระสนหาหนทางเข้าสู่ตระกูลเฟิง กระทั่งแม้สามารถเป็นได้ แค่เพียงผู้รับใช้สกุลเฟิง ก็นับเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลสืบลูกชั่วหลาน เป็นที่นับหน้าถือตาจากผู้คนทั่วหล้า
ยามนี้ภายในหอตําราประจําตระกูล บุรุษในอาภรณ์สีดําสนิทกําลังบอกเล่าเรื่องราวบางสิ่งแก่ชายวัยกลางคนด้วยสีหน้าย่ําแย่ราวซากศพ
แน่นอน ชายชุดด่าสีหน้าย่าแยผู้นี้ย่อมต้องเป็นเฟิงอวิ่นนิ่ง นายน้อยแห่งตระกูลเฟิง
แม้ทุกวันนี้ เฟิงอวิ่นจึงจะมีอํานาจสั่งการเรื่องราวสําคัญในตระกูล ทว่าย่อมจําต้องรายงานความเป็นไปต่าง ๆ แก่อาวุโสประจําตระกูลนั่นคือเฟิงเทียนป้าผู้มีฐานะเป็นบิดาของชายหนุ่ม
เขาจําต้องชี้แจงเหตุผลของการสูญเสียแดน ผนึกมังกรแห่งอาณาจักรกําบังในครานี้ให้อาวุโสประจําตระกูลรับทราบ
ขณะรับฟังเรื่องราวจากเฟิงอวิ่นนิ่ง ภาพความงดงามบอบบางของเกอซีพลันผุดขึ้นในหัว เฟิงเทียนป้ารีบปัดความคิดนั้นออกไป
ไม่ควรเป็นคนผู้นั้น แม้หนุ่มน้อยผู้นั้นเป็นผู้ยากจะกําราบ ทว่าอย่างไร คนผู้นั้นก็เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ หากคนเช่นนี้คือผู้สามารถรับสืบทอดตําแหน่งเจ้าวังจือจิน เช่นนั้นแล้วตัวเขาเล่า ?
กระทั่งตัวเขาก็ไม่อาจครอบครองเขตแดนผนึกมังกรในอาณาจักรกําบังได้
เฟิงเทียนป้าหวนกลับมานึกทบทวนเรื่องแดนผนึกมังกรในอาณาจักรกําบัง น้ําเสียงลุ่มลึกของเขาดังขึ้น “เห็นที จะมีผู้สามารถครอบครองเขตแดนมังกรแห่งอาณาจักรกําบัง คนผู้นี้ย่อมต้องเป็นผู้มีพลังฝีมือสูงส่ง เบื้องหน้าต่อไป คนตระกูลเฟิงเราไม่อาจคิดปะทะคนผู้นี้”
“ส่วนเรื่องพฤกษาธารทิพย์ ท่านมูฮวาเคยกล่าวกับข้าว่าเขามีหนทางอื่น กลุ่มลับตระกูลเฟิงของเรากําลังวางแผนช่วงชิง…..เจ้ามิต้องห่วงพะวงเรื่องนี้อีก”
เฟิงอวิ๋นวิ่งผงกศีรษะรับเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทว่า คิ้วทั้งสองของเขากลับขมวดมุ่นเข้าหากันทันที “หากแต่ครานี้ เหลียนยิ่งมิอาจรับสืบทอดตําแหน่งเจ้าวังจือจิน…”
“ฮีย ! คนไร้ประโยชน์ !” เฟิงเทียนป้าส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชาก่อนน้ําเสียงเรียบสงบจะกล่าวต่อ “พวกเราวางแผนกันมาตั้งกี่ปี ต้องสูญเสียไปเท่าไรเพื่อส่งเสริมนาง ต้องตระเตรียมการมากมายเพียงไรให้นางสามารถเดินทางไปยังแดนผนึกมังกรแห่งนั้น !”
***จบตอน ตระกูลเฟิง***