หลังจากถูกเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นแฟนสาวนอกใจ จึงได้ไปคบกับไอดอลสาวที่พบเจอบนเกาะร้าง - ตอนที่ 3 คุณปู่โปรโมทหลานให้สาวไอดอล
- Home
- หลังจากถูกเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นแฟนสาวนอกใจ จึงได้ไปคบกับไอดอลสาวที่พบเจอบนเกาะร้าง
- ตอนที่ 3 คุณปู่โปรโมทหลานให้สาวไอดอล
ยา’คุดซูยุ’ทำเองนั้น ถ้านำมาเทียบประสิทธิภาพกับยาสมัยใหม่แล้วนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่เลวร้ายเลยล่ะ เพราะงั้นอาการหวัดยูกิโฮะที่ควรจะดีขึ้น กลับมีอาการแย่ลง
“อะแฮ่ก อะแฮ่ก ขอโทษนะไดคิจิคุง ฉันดันมาไอแบบนี้ซะได้น้ำมูกก็ไหลอีกด้วยสิ….”
ยูกิโฮะพูดกับผมขณะที่นอนอยู่บนฟูกเซมเบ้ด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกน่า”
ผมพูดในขณะที่ลูบหัวเธอเบาๆ (TLN: นายนี่สมกับเป็นชายชาตรีจริงๆ)
และเธอดูจะค่อนข้างกังวลกับสถานการณ์ตอนนี้ผมเลยจับมือเธอไว้
ถ้าเหล่าแฟนคลับเธอมาเห็นภาพนี้เข้าล่ะก็มีหวังผมคงโดนรุมตื้บที่หน้าปากซอยแหง
“ทำไมกัน…ทำไมหลังกินคุดซูยุเข้าไปอาการถึงแย่กว่าเดิมกันล่ะ…”
“อย่าไปคิดแบบนั้นสิ…ไดคิจิคุง…”
“เอ๊ะ?”
“ถ้าฉันไม่ได้กินคุดซูยุที่ไดคิจิคุงทำเข้าไปอาการอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้…”
“ยูกิโฮะซังนี่คิดบวกจังเลยนะ”
“อาจจะมองเป็นเป็นนั้นก็ได้นะ แล้วที่สำคัญถ้าไม่พยายามคิดให็เป็นแบบนั้น
ล่ะก็ที่เราพยายามมาทั้งหมดก็ไม่มีความหมายน่ะสิ…”
“นั่นก็จริงนะ!”
พูดแล้วยูกิโฮะก็หัวเราะแล้วมุดกลับเข้าไปไอในฟูก ถึงเธอจะจามน้อยลงแล้วก็ตามแต่ว่าอาการไอของเธอดันหนักและรุนแรงกว่าเดิม
ผมค่อนข้างจะเป็นห่วงเพราะอาจจะทำให้เธอเป็นปอดบวมก็ได้
“ยูกิโฮะซังไม่ต้องทำอะไร แล้วก็นอนพักอยู่เฉยๆ ก็พอนะ”
“อื้ม แล้วไดคิจิคุงล่ะ จะออกไปข้างนอกอีกแล้วหรอ”
“ไม่หรอก แค่จะไปทำข้าวต้มให้น่ะ”
“ที่นี่มีข้าวด้วยงั้นหรอ?”
“คุณปู่ให้เอาไว้เผื่อฉุกเฉินน่ะ แล้วก็ไม่ต้องกังวลนะเจ้านี่ไม่ได้มีวันหมดอายุเหมือนยาหรอกนะ”
“ฮิฮิ เกร็ดความรู้เลยนะเนี่ย อะแฮ่ก อะแฮ่ก”
ผมออกไปตรงพื้นที่เป็นดินเพื่อใช้เตาหุงข้าว ยูกิโอะมองผมจากใต้ฟูกแต่เพราะส่วนบริเวณที่เอาไว้นั่งเล่นอยู่ระหว่างที่ยูกิโฮะนอนกับที่ที่ผมอยู่พอดี ดังนั้นจึงมองเห็นผมได้ค่อนข้างยาก แถมยังมีเตาไฟฝังอยู่กลางที่นั่งเล่นอีก
“ขอบคุณนะไดคิจิคุง… ที่ทำเพื่อฉันขนาดนี้”
“ยูกิโฮะซัง ‘เติบโต’ขึ้นแล้วสินะ”
“เดี๋ยวสิ ‘เติบโต’นี่…หมายความว่าไงไดคิจิคุง”
“ก็ช่วงแรกยูกิโฮะซังเอาแต่พูด ‘ขอโทษ’ ตลอดเลยไม่ใช่หรอ”
“งั้นหรอ…”
“ตอนนี้ผมไม่อยากได้ยินคำว่า ‘ขอโทษ’ ของยูกิโฮะซังหรอกนะ”
“ฮ่าฮ่า…ขอโทษ…”
“ไม่ใข่เรื่องที่ยูกิโฮะซังต้องขอโทษหรอก”
“ฉันรู้แต่…แบบนี้มันรู้สึกไม่ค่อยดีก็เลย…”
“ถือซะว่านี่เป็นโอกาสให้ยูกิโฮะซังได้ฝึกพูดคำว่า ‘ขอบคุณ’ ก็แล้วกันนะ”
“อื้ม!!”
จากนั้นยูกิโฮะยิ้มและพูดกับผมว่า “ขอบคุณนะ”
◊◊◊
เนื่องจากมีฟูกแค่อันเดียว ผมจึงตัดสินใจนอนบนพื้น
และเนื่องในฐานะที่เป็นเด็กมัธยมปลายที่มี’สุขภาพดี’ ผมก็ได้ดื่มด่ำกับจินตนาการอัน’แสนสุข’ตอนกลางคืนในฝันถึงในความเป็นจริง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
สถานการณ์เป็นขนาดนี้ยังฝันได้ ‘ดี’ ขนาดนี้ ดูเหมือนจิตใจผมจะแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้วสินะ
เช้าวันรุ่งขึ้น–
ผมถูกปลุกด้วยเสียงดังที่มาจากข้างนอก เสียงนั่นมันดังจนน่ารำคาญแต่ว่าเสียงนี่มัน…ฝนตกนี่…ตกหนักด้วย
“แบบนี้แย่เลยแฮะ ดูเหมือนว่าจะต้องอยู่ที่นี่กับผมอีกวันสินะยูกิโฮะซัง”
เพราะถ้าฝนตก ก็ทำสัญญาณควันไม่ได้ ด้วยเหตุผลที่ฝนตกนี่เองคุณปู่เลยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบสถานการณ์ของผม
“ถึงจะน่าเสียดาย แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
ยูกิโฮะเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าของเธอเอง เพราะเสื้อผ้าที่นำไปผึ่งกับไฟจนแห้งแล้ว
“ดีหรอทำไมล่ะ?”
“เพราะฉันจะได้คุยกับไดคิจิคุงได้มากกว่านี้”
ผมค่อนข้างจะใจเต้นที่ได้ยินไอดอลพูดอะไรแบบนั้นกับผม จนผมอายมากจนเริ่มใช้ฝ่ามือเช็ดปากแก้เขิน
“ท-ทำไมล่ะ ยูกิโฮะซังอยากคุยกับผมมากกว่านี้อีกหรอ?”
ตอนที่พูดเสียงของผมดังขึ้นกว่าเดิม
“ก็เมื่อวานฉันคุยกับไดคิจิคุงไม่ได้เพราะป่วยนี่นา แล้วฉันก็คิดว่ามันคงน่าสนใจดีออกนะที่จะได้คุยกับเด็กผู้ชายวัยเดียวกันกับตัวเองที่อาศัยอยู่คนเดียวบนเกาะร้างเป็นเวลาสองสัปดาห์น่ะ แล้วสำหรับฉันก็ถือเป็นการ ‘ขอบคุณ’ ไดคิจิคุงอย่างหนึ่งด้วย”
”การพูดคุยนี่จะนับเป็นคำขอบคุณยังไงหรอ”
”ก็เพราะฉันเป็นไอดอลใช่ไหมล่ะ! พวกเราพูดคุยหรือจับมือกับแฟนคลับเพื่อแสดงความขอบคุณไงล่ะ!”
”แบบนั้นมันก็สมเหตุสมผลอยู่นะ…”
ถึงผมจะยังวางใจไม่ได้เพราะเธอป่วยก็ตาม แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วสินะ ดูเหมือนว่า คุดซูยุ จะยังพอช่วยได้อยู่บ้าง
“นี่ๆ ไดคิจิคุง เล่าเรื่องของนายให้ฉันฟังหน่อยสิ! อย่างเช่นว่า…ไดคิจิคุงมีแฟนหรือยังหรอ?”
“นั่นเป็นคำถามที่ดีเลยนะ อันที่จริง ผมพึ่งถูกแฟนนอกใจแล้วโดนบอกเลิกมาล่ะ”
“อ๊ะ…ขอโทษ…ฉันดันถามผิดเรื่องซะได้…”
“เยี่ยม!! ยูกิโฮะซังแพ้แล้ว!”
“เอ๊ะ?”
“ก็เพราะเมื่อกี้ยูกิโฮะซังขอโทษไงล่ะ”
“นี่เราเล่นเกมแบบนี้กันมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย!”
“ตั้งแต่นี้ไป ถ้ายูกิโฮะซังขอโทษทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องขอโทษจะแพ้นะ แล้วก็ถ้าแพ้ครั้งต่อไป ยูกิโฮะซังจะได้ ‘เข็มกลัดพ่ายแพ้’ เอานะ”
“แงงงงงง…..! ไม่ยุติธรรมเลยนะที่เล่นเกมแล้วมีแค่ฉันคนเดียวที่แพ้แบบนี้น่ะ….!”
“ถ้ายูกิโฮะซังไม่แพ้จนจบเกม เดี๋ยวผมจะทำอาหารอร่อยๆ ให้เอง”
“งั้นฉันจะทำให้ดีที่สุดเลย! แล้วก็โจ๊กที่ไดคิจิคุงทำเมื่อวานอร่อยมากเลยล่ะ”
“ยูกิโฮะซังเนี่ยพยายามกับเรื่องแบบนี้สุดๆ เลยสินะเนี่ย? แล้วก็เรื่องแฟนเก่าผมน่ะถ้ายูกิโฮะซังอยากรู้ก็ถามได้เลยผมไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ”
“จริงหรอ! ถ้างั้นฉันมีคำถามเยอะแยะเลยล่ะ!”
ในวันนั้นผมได้สนุกกับการได้คุยกับยูกิโฮะมากขึ้นกว่าเดิม
◊◊◊
เช้าวันต่มาวันที่ 19 สิงหาคม
วันนี้เป็นวันที่แดดจัด แต่มีบางอย่างที่น่าประหลาดใจเกิดขึ้น
“หือ เอาจริงหรอยูกิโฮะซัง?”
“อื้ม ได้รึเปล่าไดคิจิคุง?”
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ”
“ถ้าอย่างนั้น หวังว่าวันนี้พวกเราจะได้มีช่วงเวลาที่ดีด้วยกันอีกวันนะไดคิจิคุง!”
ยูกิโฮะมาบอกผมว่ายังไม่อยากจะออกจากเกาะนี้ หรือจะพูดให้ถูกคือเธออยากจะสัมผัสกับการเอาชีวิตรอดบนเกาะแห่งนี้ แต่ถึงจะบอกว่าเอาชีวิตรอดแต่มันก็ไม่ได้ยากแล้วก็อันตรายขนาดนั้น
”คือว่านะไดคิจิคุง มันมีรายการทีวีเกี่ยวกับการสำรวจเกาะร้างด้วยนะ แล้วถ้าพวกเขาทำรายการนี้ได้ดี พวกเขาก็จะได้เรทติ้งผู้ชมที่คงที่เลยล่ะ ในฐานะคนที่ต้องการอยู่รอดในวงการบันเทิงอย่างฉัน ฉันคิดว่ามันคงจะดีถ้าได้เข้าร่วมรายการนี้นะ”
“ผมคิดว่านั่นก็เป็นเป้าหมายที่ดีนะ แต่มันจะกระทบกระเทือนจิตใจยูกิโฮะซังรึเปล่า?”
“กระทบเรื่องอะไรหรอ?”
“ก็เพราะยูกิโฮะซังพึ่งจะจมน้ำแล้วลอยตามน้ำมาบนเกาะนี้จากอุบัติเหตุในกองถ่ายไม่ใช่หรอ”
ยูกิโฮะประสบอุบัติเหตุขณะถ่ายทำรายการเกี่ยวกับเกาะร้าง ส่วนสาเหตุก็เห็นได้ชัดเลยว่าเกิดจากเรือที่ยูกิโฮะนั่งมาเกิดล่มขึ้นมา
“อิ้ม แต่มันเพราะเป็นอุบัติเหตุจากการเดินทาง เพราะงั้นไม่มีปัญหาหรอก”
“นั่นก็จริง….”
“ถ้างั้นไดคิจิคุง สอนฉันก่อไฟหน่อยสิ!!”
“ได้เลย แต่ผมขอไปเอาไฟแช็คก่อนนะ”
“ไม่เอาวิธีนั้นสิ!”
แล้วพวกเราก็กลายเป็นเพื่อนที่สามารถหยอกล้อกันเล่นได้
◊◊◊
แล้ววันที่ 19 สิงหาคมเป็นวันสุดท้ายของพวกเราบนเกานี้ก็สิ้นสุดลงโดยไม่มีปัญหาใด ๆ หลังจากกินปลาย่างที่เราจับได้กันเสร็จ พวกเราก็มุ่งหน้าไปที่ชายหาด ซึ่งได้พบกับเรือหาปลาเก่าๆ ของคุณปู่ผมกำลังแล่นเข้ามา
“เรื่องเมื่อวานน่าสนใจมากเลย! ไดคิจิคุงนี่สุดยอดไปเลยนะ!”
“อย่างนั้นเหรอ?”
“ก็ไดคิจิคุงทำได้ทั้งเบ็ดตกปลา เนื้อตากแห้ง กับหลายๆ อย่างได้ตามต้องการเลยนี่นา!”
“ผมดีใจนะ ที่ยูกิโฮะซังพอใจ”
พอพูดเสร็จเรือคุณปู่ก็มาถึงแล้ว
“โอ๊ะ ไดคิจิแล้วนั่นเอ่อ…”
คุณปู่ถึงกับเหวอเมื่อได้เห็นยูกิโฮะ
“ขอโทษนะไดคิจิ เหมือนตาของปู่จะไม่ค่อยดีแล้ว ดันไปเห็นสาวที่สวยสุดๆ ยืนอยู่ข้างๆ หลานซะได้”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ หนูชื่อ ทาคามิเนะ ยูกิโฮะ ค่ะ”
พูดเสร็จยูกิโฮะโค้งคำนับคุณปู่
“วะ–เหวอ!! นี่มันผีนี่หว่า!! ไดคิจิผีอยู่ตรงนั้นนะ! ปู่ได้ยินเสียงเธอพูดด้วย แย้แล้วไดคิจิ!!”
“คุณปู่ เธอไม่ใช่ผีสักหน่อย แล้วตาปู่ก็ปกติดีด้วย เธอเป็นมนุษย์จริงๆ ไม่ใช่ผีแสดงแทน”
“ห๊ะ-!?”
“ไปขึ้นเรือกันก่อนเถอะครับ แล้วพวกเราค่อยคุยกัน”
พวกเราสามคนขึ้นเรือและมุ่งหน้าไปยังแผ่นดินใหญ่
“–ใช่ เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละครับ”
ผมอธิบายเกี่ยวกับยูกิโฮะคร่าวๆ ให้คุณปู่ฟัง ถึงจะไม่อยากบอกว่าเธอเป็นไอดอลก็เถอะ
“เธอบอกว่าเธอคือยูกิโฮะงั้นหรอ!? นี่มันพรมลิขิตเลยนะเนี่ย! ว่าไงสนใจแต่งงานกับหลานชายของชั้นอย่างไดคิจิหน่อยไหม! ถึงหน้าตาจะธรรมดาแต่เขาก็เป็นผู้ชายที่ดีนะ!” (TLN: โปรโมทหลานตัวเองซะแล้วปู่55+)
คุณปู่ดูตื่นเต้นสุดๆ
ยูกิโฮะตอบคุณปู่กลับไปว่า “เข้าใจแล้วค่ะ!” พร้อมกับยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“คุณปู่ก็อย่าไปกดดันเธอสิ แล้วก็เมื่อกี้เธอน่าจะแค่ตอบตามสถานการณ์นะเข้าใจใช่ไหมคุณปู่” (TLN: ผมว่าไม่น่าใช่แค่ตามสถานการณ์)
“ชั้นรู้น่าา!! แล้วก็รู้ว่าตัวเองกำลังพยายามทำอะไรอยู่!!”
ผมใช้พาวเวอร์แบงก์ชาร์จโทรศัพท์
“ใช้นี่ติดต่อหาคนมาได้นะยูกิโฮะซัง”
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยนะ ไดคิจิคุง”
ยูกิโฮะรับโทรศัพท์ของผมไปแล้วติดต่อเอเจนซี่ของเธอเอง
*(agency = หน่วยงาน)
คนที่ยูกิโฮะติดต่อไม่ใช่หน่วยกู้ภัยหรือครอบครัวของเธอ แต่เป็นเอเจนซี่ที่เธอสังกัดอยู่ พอได้มองเธอดีๆ แล้วก็เหมือนคนดังจริงๆ นั่นแหละ
“ขอบคุณนะ ไดคิจิคุง ไว้ฉันจะมาตอบแทนนะถ้าสถานการณ์สงบแล้วน่ะ”
“ผมติดต่อกับยูกิโฮะซังบนแผ่นดินใหญ่ไม่ได้นี่ แล้วก็นอกจากนี้ยูกิโฮะซังจะติดต่อผมได้ยังไง?”
“ติดต่อฉันผ่านโทรศัพท์ก็ได้นะ ฉันเมมเบอร์ไว้ให้แล้ว”
“‘งั้นหรอ…?”
เมื่อผมเช็คโทรศัพท์ ผมก็เห็นว่าข้อมูลติดต่อของยูกิโฮะอยู่ในโทรศัพท์ของผมแล้ว ทั้งหมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อีเมล และแม้แต่ LINE ของเธออีกด้วย
“อย่าเอาไปบอกใครนะ เพราะนี่เป็นข้อมูลติดต่อส่วนตัวของฉันเองเลยน่ะ”
“ถึงไม่ใช่ส่วนตัวผมก็ไม่ทำเรื่องเสียมารยาทอย่างการเอาไปบอกต่อหรอก”
“ว่าแล้วเชียว ถ้าเป็นไดคิจิคุงต้องพูดแบบนั้นแน่ๆ”
หลังจากนั้นไม่นาน เรือก็มาถึงฝั่ง มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นคนของยูกิโฮะกำลังรอเราอยู่ที่ท่าเรือ
“ขอบคุณนะ ไดคิจิคุง ฉันจะไม่ลืมสิ่งที่ไดคิจิคุงทำบนเกาะนี้แน่นอนเลย”
“อื้ม ผมเองก็สนุกกับมันเหมือนกัน”
แล้วยูกิโฮะก็ขึ้นไปบนรถตู้สีดำที่มีกระจกทึบ คุณปู่กับผมได้รับเงินก้อนโตจากชายชุดดำที่ดูน่ากลัวพร้อมกับคำขอบคุณ
“ห้ามพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด เข้าใจไหม”
ชายชุดดำพูดเน้นย้ำด้วยคำว่า “เข้าใจไหม” ทำเอาผมกับปู่เสียวสันหลังวาบ ราวกับว่าถ้าพูดเรื่องนี้ออกไปได้โดนเจี๋ยนแน่…
.
.
.
.
.
.
จบตอนที่ 3 ครับผมมมมมมม แหม่หายซะจนเป็นเรื่องปกติไปละ แต่ว่าตอนนี้ปิดเทอมแล้วเพราะงั้นน่าจะมีเวลาแปลเยอะขึ้น เจอกันตอนหน้าครับ
(แปลผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ)