หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 757 เสียเก้าหยวน
ตอนที่ 757 เสียเก้าหยวน
ภายในโรงพยาบาล
พันเดชกับจิดาภาก็มาถึงโรงพยาบาลพร้อมกัน
ในห้องผู้ป่วย เจมน่าก็นอนอยู่ตรงนั้น คุณหญิงภารดีที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็มองไปที่เธอ
ขณะนั้นพันเดชกับจิดาภาก็เดินเข้าไป ในตอนแรกใบหน้าของเจมน่ายังคงมีรอยยิ้มอยู่ แต่เมื่อเห็นพวกเขาปรากฏตัวพร้อมกัน รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็แข็งทื่อขึ้นทันที
ไม่ใช่เธอหายตัวไปแล้วเหรอ ?
ทำไมตอนนี้ถึงได้มาปรากฏตัวพร้อมกับพันเดชอยู่ที่นี่กันล่ะ ?
เจมน่ามองไปที่จิดาภาด้วยสายตาเหม่อลอย ส่วนพันเดชก็เดินไป แล้วมองไปที่เธอ “ตื่นแล้วเหรอ ? เป็นยังไงบ้าง ? รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม ?”
เมื่อได้ยินเสียงของเขา เจมน่าก็ตั้งสติกลับมาได้ จึงส่ายหัว
“พี่จิคะ !” เจมน่าเรียกไปหนึ่งคำ
จิดาภาเดินไป แล้วมองไปที่เธอแล้วยิ้มขึ้น “เป็นไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง ?”
เจมน่าพยักหน้า “ค่ะ ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ !”
“พี่จิ เรื่องวันนั้น……ขอโทษนะ……” เจมน่าพูด
จิดาภายิ้มขึ้น “ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้พักฟื้นให้ดีๆ นะ รีบหายไวๆ หน่อย !”
เห็นว่าจิดาภาไม่อยากต่อเรื่องนี้ เจมน่าเข้าใจดีจึงไม่เอ่ยปากพูดอีก
“ฉันรู้แล้วค่ะ !”
“เอาล่ะ เพิ่งตื่นมาไม่นาน พูดให้น้อยหน่อย พักผ่อนเยอะๆ อยากกินอะไรล่ะ ฉันจะไปซื้อให้คุณ !”
“ฉันอยากออกจากโรงพยาบาล !” เจมน่าเอ่ยปากพูด
พันเดชขมวดคิ้วขึ้น “เจมน่า อย่าดื้อสิ รอให้ร่างกายของคุณหายแล้ว ก็ต้องให้คุณออกจากโรงพยาบาลอยู่แล้ว !”
เจมน่ามองไปที่พันเดชอย่างคับแค้นใจ แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
ขณะนั้นคุณหญิงภารดีก็มองไปที่เจมน่าแล้วเอ่ยปากพูดขึ้น “ใช่แล้วจ้ะเจมน่า หนูเพิ่งฟื้นขึ้นมา ควรจะพักผ่อนเยอะๆ รอให้หายแล้วค่อยออกจากโรงพยาบาลก็ไม่สายเกินไปหรอกจ้ะ !”
คุณหญิงภารดีก็พูดมาอย่างนี้แล้ว เจมน่าจึงพยักหน้า “ค่ะ !”
ในขณะนี้ห้องผู้ป่วยเงียบสงบ ส่วนโทรศัพท์ของจิดาภาก็ดังขึ้น
“ฉันออกไปรับสายก่อนนะ !” เมื่อพูดจบก็เดินออกไป
ในตอนนี้ห้องผู้ป่วยเหลือเพียงแค่สามคน คุณหญิงภารดีจึงมองไปที่พวกเขา “เจมน่าจ๊ะ ฉันจะออกไปซื้อของกินให้คุณนะ !” เมื่อพูดจบก็ยิ้มขึ้นแล้วเดินออกไป ให้พื้นที่ว่างสำหรับพวกเขา
ประตูถูกปิดลง ในห้องเหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน
พันเดชมองไปที่เธอ “เป็นไงบ้าง ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม ?”
เจมน่าส่ายหัวแล้วมองไปที่พันเดช ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ลังเลอยู่ชั่วขณะแล้วเอ่ยปากพูดขึ้น “พันเดช……”
“หือ ?” พันเดชเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองไปที่เธอ“คุณกับพี่จิ……พวกคุณ……” ทันใดนั้นเจมน่าก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง เหมือนว่าแม้จะถามยังไงก็ไม่ใช่อยู่ดีพันเดชมองไปที่เธอ จากนั้นก็ยิ้มขึ้น “คุณวางใจได้นะ พวกเราดีต่อกันมาก คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก !”“งั้น เรื่องระหว่างเรา……”หากมีคนจงใจฟังคำพูดนี้ ต้องรู้สึกว่ามีเรื่องอะไรระหว่างพวกเขาแน่ๆ ส่วนพันเดชก็ยิ้มขึ้น “แน่นอนว่าคุณก็รู้อยู่ทั้งหมดแล้ว !”เมื่อเห็นรอยยิ้มของพันเดช ไม่รู้เลยว่าหัวใจของเจมน่ารู้สึกเช่นไร ในความเป็นจริงแล้ว มันขัดแย้งกันมาก เธออยากจะให้จิดาภารู้ แต่ใจหนึ่งก็ไม่อยากให้หล่อนรู้เธออยากให้หล่อนรู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามันดีมากแค่ไหน แต่ไม่อยากให้หล่อนรู้ความทรงจำของพวกเขา เธอรู้สึกเหมือนถูกแบ่งปันสิ่งของของตัวเองไป ในใจรู้สึกหึงหวง อึดอัดมากเห็นเจมน่าก้มหัวลงแล้วไม่ได้เอ่ยปากพูด พันเดชจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมา “ผมเคยสัญญากับเธอไว้แล้วว่าจะซื่อสัตย์ต่อกัน ดังนั้นผมก็เลยไม่ปิดบังเธอตามอำเภอใจ !”คำพูดของเขามีแต่จิดาภาทั้งนั้นเลย เต็มไปด้วยความห่วงใยและปกป้องเธอไปหมดแล้วความทรงจำของพวกเขาล่ะ !ใจของเจมน่าซึมเศร้ามาก แต่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เธอพยักหน้า “ฉันรู้แล้ว !”“เจมน่า……” ขณะนั้นพันเดชก็ยื่นมือออกมาลูบผมของเธอเบาๆ เหมือนดั่งพี่ชายใหญ่คนหนึ่ง “ผมอยากเห็นเจมน่าที่ไร้กังวลเหมือนแต่ก่อน เข้าใจไหม ?” พันเดชพูดไร้กังวล ?พวกเขายังสามารถกลับไปในตอนนั้นได้ไหม ?ไม่ได้แล้ว !เพราะไม่ใช่เธอที่เปลี่ยนไป แต่เขาต่างหากที่เปลี่ยนเธอ !“มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เวลาผ่านไปเร็วมาก เราเป็นใครกันที่จะสามารถควบคุมความคิดและสิ่งที่อยู่ในใจไปได้ !” เจมน่าพูดอย่างรวบเรียบ ถ้ามันสามารถควบคุมได้ งั้นเธอก็คงไม่เลือกทางนี้มาตั้งแต่แรก “ผมแน่ใจว่าคุณจะทำได้ ถ้าคุณอยากจะยอมรับ !” เมื่อพูดจบมือของพันเดชก็พละออกจากหัวของเธอมุมปากของเจมน่ายิ้มขึ้นอย่างขมขื่น “ตอนนี้แค่ร่างกายแบบนี้ของฉันก็อาจจะไม่มีคุณสมบัติอะไรแล้ว !” เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ พันเดชก็ขมวดคิ้วขึ้น “เจมน่า คุณมีความคิดเชิงลบเช่นนี้ได้ยังไง ?”“มันไม่ใช่หรือไง ? โรคหัวใจก็ไม่รู้เลยว่าจะตายไปตอนไหน นอกจากคุณพ่อแล้ว ฉันไม่รู้จริงๆ ว่ารอบๆ ตัวฉันยังมีใคร !” เจมน่าพูด“เจมน่า อย่าพูดไร้สาระ !” พันเดชตะคอกแล้วมองไปที่เธอ “ในชีวิตของคุณ นอกจากคุณพ่อของคุณแล้ว ก็จะต้องมีผู้คนหนึ่งปรากฏตัวออกมาอย่างแน่นอน เขาจะปกป้องคุณ ดูแลคุณ และรักทุกอย่างที่เป็นคุณ !”“ใครมันจะมารักคนที่จะตายตอนไหนก็ไม่รู้ พันเดช ถ้าพี่จิจะตายตอนไหนก็ไม่รู้ คุณจะยังรักเธออยู่ไหม ?” เจมน่าถามคำถามนี้ พันเดชถึงกับชะงักอยู่ชั่วขณะ แต่ว่าเขาไม่ได้สงสัยในคำตอบ หากแต่กำลังคิดว่าถ้าจิดาภาจะตายในเวลาใดเวลาหนึ่งจริงๆ งั้น……ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเห็นพันเดชลังเล ในใจของเจมน่าถึงได้รู้สึกดีใจอยู่บ้าง ในความเป็นจริงแล้วพันเดชก็ไม่ได้รักจิดาภาอย่างที่เธอคิด“รัก ไม่ว่าเธอจะเป็นแบบไหนผมก็รักเธออยู่แล้ว” พันเดชเอ่ยปากพูดขึ้นมาทันที คำตอบนี้ทำให้เจมน่าตกตะลึงเล็กน้อย พันเดชเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่เธอ “ถ้าเธอใกล้จะตายจริงๆ ผมก็ยิ่งจะรักษาและทะนุถนอมทุกๆ นาที ทุกๆ วินาทีที่จะอยู่กับเธอ จนถึงวันนั้นจริงๆ แล้วผมก็จะตายเป็นเพื่อนเธอ……” ประโยคนี้ทำให้เจมน่าหวั่นไหวหัวใจของเธอเต้นเร็วมากพันเดชจะไม่เอาเรื่องแบบนี้มาพูดโกหก อย่างอื่นไม่รู้ แต่สำหรับประเด็นนี้ เจมน่ารู้อยู่อย่างชัดเจนถ้าเขารักใครสักคน ก็จะรักเต็มหัวใจโดยไม่สนใจไยดีอะไร ถ้าไม่รักแค่แกล้งทำเขาก็ขี้เกียจก่อนหน้านี้พันเดชก็มีท่าทีเกเรอยู่เสมอ เธอคิดว่าพันเดชอาจจะเสเพลมาตั้งแต่เกิด จะไม่ไปรักใครสักคนอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีก็เถอะ สิ่งที่เขารักที่สุดก็คือตัวเอง ทว่าตอนนี้เขารักจิดาภาได้ถึงขนาดนี้จริงๆ เหรอ ขนาดที่เธอจะตาย เขาก็จะตายไปด้วย……เจมน่าไม่ได้เอ่ยปากพูดอยู่เป็นเวลา พันเดชเองก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอีกในห้องผู้ป่วยเงียบสนิทส่วนที่ประตู จิดาภายืนอยู่ตรงนั้น มือถือโทรศัพท์ไว้ คำพูดข้างในเขาได้ยินอย่างชัดเจนมาก แม้แต่คำพูดเมื่อกี้ของพันเดช เธอก็ได้ยินอย่างชัดเจนคำพูดนั้นไม่ได้ทำให้หวั่นไหวเพียงแค่เจมน่า ยังทำให้จิดาภาหวั่นไหวไปด้วย !เธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะคิดแบบนั้น ในใจรู้สึกประหลาดใจและหวั่นไหวมาก !เกราะป้องกันทั้งหมดในตอนนี้ถูกถอดออกมาจนหมดผู้หญิงก็เป็นสัตว์ที่อ่อนไหว ในตอนนี้ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถห้ามใจเธอไว้ได้จิดาภาตั้งสติกลับมา จับโทรศัพท์แล้วผลักประตูตรงเข้าไปเมื่อคนข้างในเห็นจิดาภากลับมาแล้ว จึงตั้งสติกลับมา “กลับมาแล้วเหรอ ?” พันเดชถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าหัวข้อเรื่องเมื่อกี้ไม่ได้เกิดขึ้นจิดาภาพยักหน้า สายตาก็มองไปที่เจมน่า “เจมน่า ขอโทษนะ พวกเรายังมีเรื่องนิดหน่อย เดี๋ยวจะไปก่อนนะ !”เจมน่ามองไปที่พวกเขาด้วยสายตาเหม่อลอย “จะไปไหน ?” พันเดชถาม เขาจำไม่ได้ว่าจิดาภายังมีเรื่องอะไรส่วนจิดาภาก็ยิ้มขึ้น “ไปเสียเก้าหยวน !”เก้าหยวน ?พันเดชตอบสนองไม่ทันอยู่ชั่วขณะเจมน่าเองก็ตอบสนองไม่ทัน ส่วนจิดาภาก็ยิ้มแล้วดึงพันเดชออกไปจนกระทั่งถึงประตูโรงพยาบาล พันเดชจึงตอบสนองขึ้นมาได้ทันใดนั้นเขาก็จับจิดาภาไว้ แล้วมองไปที่เธอ “เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ ?”จิดาภามองไปที่เขา “ว่าไง ? คุณไม่อยากเหรอ ?”“เก้าหยวนที่คุณพูดคือ……”“คุณว่าไงล่ะ ?” จิดาภาถามกลับด้วยรอยยิ้มขี้เล่นขณะนั้นเอง เหมือนว่าในใจของพันเดชจะมีคำตอบที่มั่นใจอยู่แล้ว ดีใจแทบจะบ้า “คุณตกลงแล้วเหรอ ? ตกลงจะแต่งงานกับผมแล้วเหรอ ?”จิดาภายืนอยู่ตรงนั้น มองดูท่าทางที่ตื่นเต้นของเขา ซึ่งดึงดูดผู้คนบนถนนมากมายให้มองมา “คุณพันเดช คุณเป็นคนที่แต่งงานครั้งที่สองแล้ว ถ่อมตัวหน่อย !”แต่งงานครั้งที่สอง แต่งงานครั้งที่สองแล้วไงล่ะ !เป็นการแต่งงานครั้งที่สอง แต่เป็นคนที่แต่งงานคนแรก !!นี่มันไม่มีอะไรที่จะต้องเสียหน้าเลย !จิดาภาตกลงกะทันหัน นี่มันจะทำให้เขาถ่อมตนได้ยังไง ? จะซ่อนความตื่นเต้นไว้ในใจได้ยังไง “จิดาภา……” ทันใดนั้นพันเดชก็กอดเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทันที ในที่สุดเขาก็รอจนถึงช่วงเวลาแบบนี้สักที !ส่วนจิดาภาก็ยิ้ม ราวกับว่าอารมณ์จะดีมากขึ้นไปอีก ทุกคนต่างก็บอกว่าผู้หญิงที่กำลังมีความรักจะสวยที่สุด ส่วนผู้หญิงที่มีความรักและท้องด้วยยิ่งสวยมากขึ้นไปอีกสิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ความรักของพวกเขาเกิดความแสลงใจ ในทางตรงกันข้ามยิ่งทำให้พวกเขาห่วงใยและเชื่อมั่นในกันและกันมากขึ้นไปอีก !จิดาภาคิดอยู่ว่า ถ้าหากสักวันหนึ่งพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่รัก แต่รักมากเกินไป !“จิดาภา เพื่อป้องกันคุณเปลี่ยนใจ งั้นเราไปกันตอนนี้เลย !” เมื่อพูดจบพันเดชก็ดึงเธอไป “จะไปไหนเนี่ย ?” “ไปเสียเก้าหยวน !”“แต่……ไม่มีทะเบียนสำมะโนครัวนะ !”“จะกลับไปเอาเดี๋ยวนี้ !”“ไม่จำเป็นต้องรับขนาดนี้ก็ได้มั้ง…..?” จิดาภาพูด เธอยอมรับว่าเมื่อกี้เธอตั้งใจพูดต่อหน้าเจมน่า แต่หลักๆ คือตื้นตันใจมากกว่านี่ไม่ใช่การโกรธขึ้ง แต่เธอถูกคนคนนี้ทำให้ซึ้งใจเข้าแล้วจริงๆ“จิดาภา ระหว่างเรามีตัวแปรมากเกิดขึ้นมากเกินไปแล้ว เพื่อป้องกันตัวแปรแล้ว นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด !” เมื่อพูดจบพันเดชก็เปิดประตูแล้วให้จิดาภาเข้าไปนั่ง หลังจากปิดประตูรถแล้วเขาก็อ้อมไป จากนั้นเข้าไปนั่ง แล้วก็ขับรถไปทันทีกลับไปเอาทะเบียนสำมะโนครัวอย่างด่วนจี๋ !