หมอหญิงยอดมือสังหาร - ต้นเถาเยาเยา 5
ต้นเถาเยาเยา 5
วันแรกที่เยาเยามาถึงจูเชวี่ยเมืองลึกลับของยุทธภพนั้นตื่นเต้นมาก เพียงแต่ความตื่นเต้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรเมืองจูเชวี่ยก็เป็นเมืองธรรมดาแห่งหนึ่งเพียงเท่านั้น อย่างมากก็เพียงคนในหมู่บ้านรู้วรยุทธ์มากกว่าเมืองทั่วไปสักหน่อย ไม่ใช่อย่างที่เยาเยาจินตนาการเอาไว้ ทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยคนชั่ว แม้แต่เถ้าแก่ร้านน้ำชายังเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง
หลังจากเดินท่องไปทั่วเมืองได้สองวัน เยาเยาก็ไม่มีความสนใจอยากออกจากบ้านอีกแล้ว ทว่าคนทั่วทั้งเมืองจูเชวี่ยกลับรู้แล้วว่าจวนเจ้าเมืองมีเด็กสาวแสนสวยน่ารักมาอยู่
เยาเยาท่าทางเกียจคร้าน ตัดสินใจว่าจะไปหากงอวี้เฉิน ทว่ากลับได้รับรายงานว่ากงอวี้เฉินออกไปทำธุระแล้ว จะกลับมาหลังจากครึ่งเดือน บอกให้นางอยู่ในเมืองดีๆ อย่าได้หนีไปไหน แน่นอนว่าเยาเยาไม่ใช่เด็กดีเชื่อฟังเพียงนั้น เพียงกลอกตาทว่าไม่ได้คิดหนีไปก่อน กลับอยู่ในจวนเจ้าเมืองอย่างว่าง่าย
จวินฉิงเทียนออกเดินทางไกล กงอวี้เฉินก็ออกไปทำธุระแล้ว ในจวนเจ้าเมืองก็ไม่มีนายหญิงอันใด เพราะไม่เคยเห็นฮูหยินเจ้าเมืองมาก่อน และไม่เคยมีใครเอ่ยถึง เยาเยาคาดเดาว่าฮูหยินของเจ้าเมืองอาจจะไม่อยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องน่าเศร้าของครอบครัวคนอื่น ดังนั้นคนที่สามารถตัดสินใจในจวนตอนนี้มีเพียงจวินหนานเยี่ยนคนเดียวเท่านั้น เยาเยานึกถึงน้องชายผู้น่าสงสารคนนั้น พลันรู้สึกสงสารขึ้นมาตัดสินใจไปเยี่ยมเขาสักหน่อย
เพิ่งเดินมาถึงประตู ก็ได้ยินเสียงไอติดต่อกันไม่หยุดมาจากด้านใน
เยาเยาเดินเข้าไป จวินหนานเยี่ยนนั่งเหม่อมองท้องฟ้าอยู่ริมหน้าต่างในห้องหนังสืออยู่คนเดียว บนร่างกายมีเสื้อคลุมตัวหนาคลุมอยู่ ขนสีขาวยิ่งทำให้ใบหน้าเล็กนั้นดูเล็กลงไปอีก เมื่อจวินหนานเยี่ยนได้ยินเสียงจึงหันมองมาทางประตู เขามองเห็นเยาเยาก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ย “แม่นางเฉิง ไยเจ้าจึงมาได้”
เยาเยามองเขา เอ่ยถามด้วยความกังวล “เจ้า…ดูไม่ดีเลย”
รอยยิ้มของจวินหนานเยี่ยนขมขื่น นับตั้งแต่บาดเจ็บเขาก็ไม่เคยสบายมาก่อน ไอเย็นยะเยือกที่คล้ายทะลุเข้ากระดูกนั้นไม่ได้ดีขึ้นเพราะยาที่หมอจ่ายให้หรือหยกลายอัคคีมากนัก เขายังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของความเย็นได้ตลอดเวลา ความจริงเขาไม่ได้ชอบเมืองจูเชวี่ย เพราะด้านหลังเมืองจูเชวี่ยนนั้นอยู่ติดกับภูเขาหิมะลูกใหญ่ ต่อให้ไม่ออกจากบ้าน มองไม่เห็นหิมะ เขาก็ยังคงรู้สึกหนาว แต่เขาไม่อยู่ที่นี่ไม่ได้ เพราะสมุนไพรชนิดเดียวที่ยังซื้อชีวิตเขาเอาไว้ได้สามารถเก็บได้จากบนเขาลูกนี้เท่านั้น และร่างกายของเขาในตอนนี้ก็ไม่อนุญาตให้เขากลับเข้าไปในเขตกำแพงได้
เยาเยามองสีหน้าของเขา ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงหยิบถุงผ้าใบเล็กออกมาจากแขนเสื้อ หยิบยาสองเม็ดออกมาจากด้านใน เอ่ย “เจ้ากินเสีย กินแล้วจะได้รู้สึกสบายสักหน่อย มีเพียงสองเม็ดนะ”
จวินหนานเยี่ยนรับมา เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “นี่คือยาอันใดหรือ”
เยาเยาเอ่ย “นี่คือยาบำรุง ตอนนี้เจ้าต้องการบำรุงให้มากๆ”
จวินหนานเยี่ยนก็ไม่ลังเล ตบเข้าปากไป ยาที่ไม่ได้นับว่าเม็ดเล็กมากเข้าปากก็หลอมละลาย ยังมีรสชาติหวานนิดๆ ทำให้คนรู้สึกราวกับเป็นเม็ดลูกอมที่เอาไว้ให้เด็กสาวกินโดยเฉพาะ แต่เมื่อยาลงไปในกระเพาะ จวินหนานเยี่ยนพลันรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากในท้อง ชั่วครู่พลันกระจายไปทั่วร่างกาย
นับตั้งแต่บาดเจ็บมา นี่เป็นครั้งแรกที่จวินหนานเยี่ยนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอย่างแท้จริง
“นี่…”
เยาเยาลูบปลายคาง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนจะได้ผลจริงด้วย น่าเสียดายถูกข้ากินไปหมดแล้ว เหลือเพียงสองเม็ด”
จวินหนานเยี่ยนเอ่ย “สองเม็ดก็มากแล้ว ขอบคุณแม่นางมาก ยาเม็ดนี้คงจะล้ำค่า เม็ดนี้แม่นางเก็บเอาไว้เถิด”
เยาเยาเอ่ย “ให้เจ้าแล้วมันก็เป็นของเจ้า อืม…หากเจ้าเกรงใจที่จะรับเอาไว้ รอเจ้าหายแล้วเจ้าช่วยอันใดข้าสักเรื่องได้หรือไม่” จวินหนานเยี่ยนเอ่ย “พระคุณแม่นางเฉิงที่มอบยาให้ หนานเยี่ยนต้องตอบแทนด้วยตนเองอย่างแน่นอน” ยังเอ่ยไม่ทันจบ มือเล็กก็ตบเบาๆ ลงมาบนศีรษะของเขา “อายุยังน้อย อย่าได้เอ่ยอย่างจริงจังนัก พี่สาวเกือบจะคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใหญ่เสียแล้ว”
จวินหนานเยี่ยนลูบศีรษะ ทว่าไม่โกรธ
เยาเยามองใบหน้าเรียบเฉยของเขาชั่วครู่พลันรู้สึกผิดขึ้นมา จวินหนานเยี่ยนป่วยหนักเพียงนี้ นางยังไปตบศีรษะของเขา ช่างรู้สึกเหมือนกำลังรังแกเด็กเลย ครุ่นคิดชั่วครู่ จึงหยิบไข่มุกเม็ดใหญ่ออกมาจากแขนเสื้อยัดใส่มือเขา “อะ อันนี้ให้เจ้า ไม่ต้องโกรธนะ”
จวินหนานเยี่ยนมองไข่มุกในมือตนเอง พลันร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้
เขาส่ายศีรษะ เอ่ย “ข้าไม่ได้โกรธ เพียงแต่…” ไม่ทันตั้งสติได้เท่านั้น
เยาเยายักไหล่เดินไปนั่งอยู่ข้างเขา เอ่ย “ผู้ใดเป็นคนใช้กระบี่น้ำแข็งแทงเจ้าหรือ น้ำแข็งทำเป็นกระบี่ได้ด้วยหรือ ต่อให้ทำมาจากน้ำแข็งก็คงไม่บาดเจ็บหนักเพียงนี้นี่นา”
จวินหนานเยี่ยนก้มหน้ามองหน้าอกตนเอง เอ่ยเสียงเบา “เป็น…แม่ของข้า กระบี่น้ำแข็งไม่ได้ทำมาจากน้ำแข็ง ทว่าเป็นกระบี่ที่ทำมาจากแร่โปร่งแสงที่เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง”
“ห๊า” เยาเยาเอ่ยร้องตกใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “แม่…แม่เจ้าหรือ ได้อย่างไรกัน” ในหัวใจของเยาเยา แม้มารดาของนางจะดุ แต่ก็เป็นมารดาที่รักและเป็นห่วงเยาเยา มารดายังดีกับพี่ชายและน้องชายน้องสาวด้วย แม้พี่อาเจี้ยวจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่านแม่ ท่านแม่ก็ยังดีกับเขามาก บนโลกใบนี้ไยจึงมีมารดาที่ทำร้ายลูกตนเองได้เล่า
จวินหนานเยี่ยนส่ายศีรษะ สีหน้าเป็นทุกข์ ความจริงเพราะความเจ็บปวดตลอดหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา จวินหนานเยี่ยนจึงไม่มีเวลามาคิดเรื่องเหล่านี้ อย่างไรสำหรับเด็กที่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ทุกเวลาทุกเค่อล้วนต้องพยายามฝึกฝนวรยุทธ์เผชิญหน้ากับความหนาวเหน็บและความเจ็บปวดไม่มีที่สิ้นสุด เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญเพียงนั้นแล้ว แม้แต่เรื่องอื่นนั้นจะเป็นเรื่องมารดาแท้ๆ ของเขาก็ตาม
เมื่อมองเด็กสาวตรงหน้าที่ทำตัวไม่ถูกเพราะรู้สึกผิด ในใจของจวินหนานเยี่ยนก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดเพียงนั้นแล้ว อาจเพราะผ่านไปนานแล้ว แรกเริ่มไม่มีเวลาให้เสียใจ ยามนี้ได้สติกลับมาแล้วกลับหาความรู้สึกเสียใจนั้นไม่เจอแล้ว
“เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นไร ท่านแม่ข้า…ไม่ชอบท่านพ่อของข้า นางไปกับคนอื่นแล้ว” มารดาเย็นชากับบิดาตั้งแต่เมื่อเขายังเด็ก แรกเริ่มเขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด รอจนเริ่มเติบใหญ่ก็เริ่มเข้าใจ แต่ในตอนที่เขายังไม่รู้ว่าควรทำเยี่ยงไรก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน มารดาของเขาติดตามบุรุษที่นางชอบไป ชายผู้นั้นถูกท่านพ่อพบร่องรอย มารดาของเขากลัวคนรักบาดเจ็บจึงวางแผนจัดการลูกชายของตน จากนั้นจับตัวเขาเพื่อต่อรอง สุดท้ายท่ามกลางความตื่นตระหนกจึงแทงเข้ามาที่หัวใจของเขา
ความจริงตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเขาตกใจจนไม่ทันได้ตั้งตัว มารดาเขาสตรีผู้ไม่มีวรยุทธ์ไม่มีทางจับตัวเขาได้ ยิ่งไม่อาจแทงเขาได้ น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขาตกใจจนนิ่งค้างไปแล้ว สิ่งที่ท่านพ่อเคยสั่งสอนถูกลืมไปจนหมดสิ้น เขารู้ว่านางวางแผนจัดการเขา ยังคิดใช้ชีวิตของเขามาข่มขู่ท่านพ่อ
เยาเยานั่งอยู่ข้างเตียงมองเขาที่กำลังเหม่อลอย รอจนจวินหนานเยี่ยนได้สติจึงเอ่ยถาม “เจ้าโกรธนางหรือไม่”
จวินหนานเยี่ยนลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะส่ายศีรษะพลางเอ่ย “ข้าไม่รู้ คงจะ…มีอยู่บ้าง ความจริงข้าเคยคิด นางไม่ชอบพ่อข้า และไม่ชอบข้า ข้าเคยคิดว่า…ข้าจะเกลี้ยกล่อมให้ท่านพ่อปล่อยนางไป แต่ข้ายังไม่ทันคิดว่าควรทำอย่างไรดี ก็…ข้าอยากเจอนางอีกสักครั้ง ถามนาง ตอนนั้นนางคิดอย่างไร”
นางเคยเป็นห่วงบุตรชายที่ถูกนางแทงบ้างหรือไม่ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานางไม่เคยมาเยี่ยมเขาสักครั้ง คิดว่าเขาตายไปแล้วหรือ
เยาเยาสัมผัสใบหน้าเล็กของเขา “หนานเยี่ยนช่างเป็นเด็กรู้ความจริงๆ”
จวินหนานเยี่ยนพูดไม่ออก ไม่ใช่เขาไม่อยากห้ามนาง แต่เพราะวรยุทธ์ของแม่นางผู้นี้ไม่ได้ด้อย แม้กำลังภายในเขาจะแข็งแกร่ง แต่หนึ่งปีที่ผ่านมาทำให้เสียเวลาแล้ว การตอบสนองของเขาช้ากว่านาง เยาเยาเก็บมือกลับไปก่อน ปิดริมฝีปากเล็กลอบขำ
คงเป็นเพราะแบ่งปันเรื่องราวในใจ ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงดีขึ้นมาก มียาของเยาเยาแล้ว ร่างกายของจวินหนานเยี่ยนก็ดีขึ้นมาก สามารถเดินเที่ยวเล่นในจวนเป็นเพื่อนเยาเยาได้ แม้จวินหนานเยี่ยนจะเป็นเด็กที่ชอบทำตัวเป็นคนแก่ แต่เยาเยาคิดว่าน้องชายผู้นี้รู้เรื่องราวมากมาย และแตกต่างไปจากทุกคนในเมืองหลวง อยู่เมืองหลวงทุกคนจะเชื่อฟังนางผู้เป็นบุตรีคนโตขององค์รัชทายาท แต่ว่าจวินหนานเยี่ยนไม่ใช่ แม้เขาไม่ทะเลาะกับนาง แต่เรื่องใดหากเขาคิดว่าไม่ถูกต้อง เขาก็จะดึงดันให้ถึงที่สุด อย่างเช่นตอนที่ดวงตาสีดำคู่นั้นจ้องมองนาง อีกทั้งใบหน้าเล็กซีดขาวนั้น ดูน่าสงสารจริงๆ แต่ก็น่ารักเป็นบ้า
วันนี้เยาเยาคุยกับจวินหนานเยี่ยนว่าบนเขาแห่งใดมีบัวศักดิ์สิทธิ์ จวินหนานเยี่ยนเคยขึ้นไปบนเขาและโชคดีเก็บบัวศัดิ์สิทธิ์ได้หนึ่งดอก น่าเสียดาย…ดอกนั้นบางทีอาจเป็นดอกที่งดงามและมีค่าที่สุดในใต้หล้า ถูกมารดาของเขาโยนทิ้งลงบนพื้น รอจวินหนานเยี่ยนเห็น ดอกไม้ที่ไม่ได้เก็บในกล่องอย่างดีก็โรยราไปนานแล้ว
“คุณชาย คุณชาย” ด้านนอก เสียงสาวใช้คนหนึ่งวิ่งตึงตังเข้ามา สีหน้าตื่นตระหนกและหวาดกลัว
จวินหนานเยี่ยนเงยหน้าเอ่ยถาม “เกิดเรื่องอันใดหรือ”
สาวใช้ลังเลชั่วครู่ เอ่ยอึกอัก “คุณชาย…ฮู ฮูหยินกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
ได้ยินเช่นนั้น จวินหนานเยี่ยนที่เดิมนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายลุกขึ้นยืนทันใด ร่างกายโงนเงนหน้ามืดเกือบล้มลง
“เจ้าเป็นอันใด” เยาเยายื่นมือไปพยุงเขา จับชีพจร เอ่ย “ร่างกายของเจ้าในตอนนี้ไม่อาจตื่นเต้นได้ พิษจะไหลรวดเร็วหากเจ้าตื่นเต้น น่าเสียดาย…เฟยเฟยของข้าไม่มีประโยชน์กับพิษของเจ้า” เฟยเฟยกินพิษเป็นอาหาร แต่พิษในร่างกายของจวินหนานเยี่ยนส่งออกมาจากหัวใจกระจายไปทั่วร่างกายไม่หยุด ต่อให้เฟยเฟยไม่กลัวพุงแตกตาย จวินหนานเยี่ยนก็อาจถูกเฟยเฟยดูดเลือดจนหมด
จวินหนานเยี่ยนพยักหน้าเอ่ย “ข้ารู้ ท่าน…ท่านแม่ข้าอยู่ที่ใด”
สาวใช้พยักหน้า เอ่ย “ฮูหยินอยู่ในห้องโถงใหญ่ นางบอกว่า…ต้องการพบคุณชายเจ้าค่ะ”
จวินหนานเยี่ยนเอ่ย “ข้ารู้แล้ว ข้าจะไปพบนาง”
เยาเยาขมวดคิ้วมองเขา อ้าปากอยากเอ่ยอันใดบางอย่าง เพียงแต่เห็นสีหน้าของจวินหนานเยี่ยนจึงไม่เอ่ยออกมา เพียงเอ่ย “ข้าจะไปกับเจ้า”
นางอยากเอ่ย กว่าหนึ่งปีมารดาของเขาไม่กลับมาเยี่ยมเขาเลยสักครั้ง ไยจึงเลือกมาหาเขาในตอนที่เจ้าเมืองจูเชวี่ยเพิ่งจากไปเล่า ไม่แน่อาจมีเรื่องยุ่งยาก แต่มองใบหน้าซีดขาวของจวินหนานเยี่ยน วาจานี้ก็ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ นางจะบอกกับเด็กคนหนึ่งได้อย่างไรว่ามารดาของเขากลับมาเยี่ยมเขาต้องมีวัตถุประสงค์อื่นอย่างแน่นอน