หมอหญิงยอดมือสังหาร - ต้นเถาเยาเยา 17
ต้นเถาเยาเยา 17
ครึ่งชั่วยามต่อมา เยาเยาพาจวินหนานเยี่ยนเดินออกมาจากตรอกเล็กๆ ด้วยใบหน้ามีความสุข เหลือไว้เพียงคุณชายในชุดผ้าแพรและผู้ติดตามที่มีใบหน้าขมขื่น
“พี่จาง…ความจริง การไม่ได้แต่งกับเยาเยาจวิ้นจู่ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความลังเล นิสัยอย่างเยาเยาจวิ้นจู่ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังนั่น แต่งแล้วไม่รู้ว่าจะเป็นโชคดีหรือโชคร้าย
ชายหนุ่มอีกคนเงียบไปนาน เอ่ย “จะว่าไปก็ใช่ จวิ้นจู่น้อยไม่เพียงร้ายกาจคนเดียว ยังมีพี่ชาย ยังมีบิดามารดา อีกทั้งเบื้องบน… ใครจะรับไหวเล่า”
“แต่ว่า จะได้เป็นจวิ้นหม่าหรือไม่ตอนนี้ยังไม่อาจบอกได้ พวกเราไม่ไปเข้าร่วมการคัดเลือก…จะอธิบายกับครอบครัวอย่างไร”
“…”
เยาเยาลากจวินหนานเยี่ยนเดินอยู่บนถนนที่มีผู้คนพลุกพล่านในเมืองหลวง ยามนี้เริ่มจุดโคมไฟแล้ว โคมไฟสองข้างทางส่องสว่าง สาดส่องให้ทั่วทั้งถนนเป็นดั่งตอนกลางวัน
จวินหนานเยี่ยนมองสตรีตรงหน้าที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข ใบหน้าที่ดูเย็นชามีรอยยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“เสี่ยวเยา เจ้าไม่กลับจวนไม่เป็นไรหรือ”
เยาเยาหันไปมองเขา เอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “เร็วเพียงนี้ จะมีปัญหาอันใดหรือ”
เร็วหรือ จวินหนานเยี่ยนเงยหน้ามองท้องฟ้า ได้ยินมาว่าหญิงสาวในเมืองหลวงเพียงฟ้าเหลืองก็ไม่ออกจากบ้านแล้ว นอกจากวันพิเศษ กลางคืนก็ยิ่งไม่อาจออกจากบ้านตามใจได้ หรือข้อมูลที่เขาสืบได้มีข้อผิดพลาดหรือ
เยาเยาพยักหน้า เอ่ย “ยังเร็วอยู่เลย วันนี้เจ้าช่วยข้าจัดการคนน่าโมโหพวกนั้น ข้าจะเลี้ยงข้าวเจ้า”
จวินหนานเยี่ยนเอ่ย “เจ้ามีความสุขมากหรือ” เขาดูออกว่าเยาเยาไม่ได้โกรธ แต่ไม่คิดว่านางจะมีความสุขเพียงนี้ อย่างไรก่อนหน้านี้พี่ชายและคุณชายอีกคนได้กำชับนางแล้วห้ามไม่ให้พวกเขาก่อเรื่อง
“มีความสุขที่สุด” เยาเยาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “เป็นพวกเขาที่มาหาเรื่องเจ้าเอง ดังนั้นต่อให้ตีเกือบตายก็ไม่เป็นไร เด็กพวกนี้ปกติดูโง่เขลา ครั้งนี้กลับฉลาดขึ้นมา ข้ากำลังคิดหาวิธีจัดการกับพวกเขาอยู่เลย ไม่คิดว่าพวกเขาจะวิ่งมาหาถึงที่”
จวินหนานเยี่ยนส่ายศีรษะอย่างจนใจ เอ่ย “ข้าเป็นคนทำร้าย ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
เยาเยาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ไปกัน กินข้าวกันเถิด”
เยาเยายังเอ่ยไม่ทันจบ พลันมองเห็นชายชุดเทาคนหนึ่งไม่รู้มายืนอยู่ตรงหน้าไม่ไกลกำลังมองมายังพวกเขาตั้งแต่เมื่อใด สีหน้าเยาเยาพลันเปลี่ยน รีบเดินเข้าไปด้วยสีหน้าซึมเศร้า “ท่านอาซิงเวย ท่านมาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร”
ชายวัยกลางคนมองนาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พระชายาเชิญจวิ้นจู่รีบกลับจวนพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ” เยาเยาพยักหน้าอย่างไร้ชีวิตชีวา ในเมื่อท่านแม่ให้ท่านอาซิงเวยมาตามนางด้วยตนเอง คิดหนีก็คงหนีไม่พ้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หนีเวลานี้ได้แต่ไม่อาจหนีไปตลอดชีวิตได้ จะช้าจะเร็วก็ต้องกลับบ้านมิใช่หรือ กำลังจะหันไปเอ่ยลาจวินหนานเยี่ยน พลันได้ยินเสียงซิงเวยเอ่ย “พระชายารัชทายาทบอกว่า คุณชายจวินยากที่จะมาถึงเมืองหลวง ก่อนหน้านี้คุณชายจวินคอยช่วยดูแลจวิ้นจู่น้อยเมื่อครั้งอยู่นอกเขตกำแพงยังไม่ทันแสดงความขอบคุณ หากยามนี้คุณชายจวินไม่รังเกียจ ขอเชิญไปพักที่จวนสักสองสามวันขอรับ”
จวินหนานเยี่ยนมองไปยังเยาเยา เยาเยากะพริบตาปริบ เอ่ยเสียงเบา “มารดาของข้าเป็นคนดี”
จวินหนานเยี่ยนยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ยกมือขึ้นประสาน “เช่นนั้นคงต้องรบกวนแล้ว”
“มิกล้า เชิญคุณชายจวิน เชิญคุณหนู”
ทั้งสามคนเดินกลับถึงจวนรัชทายาท หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วกำลังรอพวกเขาทานข้าวพร้อมกัน มองเห็นซิงเวยพาทั้งสองเดินตามกันเข้ามา หนานกงมั่วจึงยิ้มพลางเอ่ย “ผู้นี้คือคุณชายจวินแห่งเมืองจูเชวี่ยหรือ”
จวินหนานเยี่ยนประสานมือ “จวินหนานเยี่ยน ถวายพระพรองค์รัชทายาท พระชายารัชทายาท” แม้เป็นการพบองค์รัชทายาทและพระชายารัชทายาทของแผ่นดิน จวินหนานเยี่ยนกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นมากนัก เมื่อเทียบกับฐานะองค์รัชทายาทและพระชายารัชทายาท บางทีสิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นก็คือคู่สามีภรรยาตรงหน้าคือบิดามารดาของเสี่ยวเยา
เว่ยจวินมั่วมองสำรวจจวินหนานเยี่ยนอย่างจริงจัง ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดทำเพียงพยักหน้าเบาๆ
หนานกงมั่วกลับยิ้มพลางเอ่ย “คุณชายจวินไม่ต้องเกรงใจ ในเมื่อเจ้าเป็นสหายของเยาเยา เช่นนั้นก็เป็นคนกันเอง ก่อนหน้านี้เยาเยาอยู่นอกเขตกำแพง ทำให้คุณชายต้องวุ่นวายแล้ว”
จวินหนานเยี่ยนส่ายศีรษะ เอ่ย “พระชายารัชทายาทกล่าวหนักแล้ว เสี่ยวเยาช่วยข้าครั้งใหญ่ทีเดียว”
หนานกงมั่วเองก็ไม่ต่อความกับเขา ยิ้มพลางเอ่ย “เอาล่ะ คุณชายจวินไม่ต้องเกรงใจ พวกเราทานข้าวก่อนเถิด”
รู้ว่าจวินหนานเยี่ยนเป็นลูกศิษย์ของกงอวี้เฉิน หนานกงมั่วรู้สึกไม่วางใจนัก แม้ว่ากงอวี้เฉินจะไม่เคยคิดร้ายกับเยาเยา แต่ลูกศิษย์ที่คนอย่างกงอวี้เฉินสั่งสอนมา ช่างยากที่จะวางใจได้ แต่เมื่อได้เห็นจวินหนานเยี่ยนครั้งแรกหนานกงมั่วก็รู้ว่าตนคิดผิดแล้ว เด็กหนุ่มคนนี้แม้อายุยังน้อย ทว่าเห็นได้ชัดว่าเป็นคนเยือกเย็นสุขุม อาจเจ้าเล่ห์อยู่บ้าง แต่ไม่เหมือนกงอวี้เฉินอย่างแน่นอน แต่จะว่าไปหากไม่มีความเจ้าเล่ห์แม้เพียงนิด หนานกงมั่วก็ยิ่งไม่วางใจให้บุตรสาวรู้จักกับคนโง่เขลาเช่นนั้นนัก
เอ่ยถึงตอนนี้ ต่อให้อิสระเพียงใด หนานกงมั่วก็ยังเป็นบิดามารดา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหวังให้บุตรสาวของตนปลอดภัยและมีความสุขเท่าที่จะเป็นไปได้
เมื่อกินอาหารเย็นเสร็จแล้ว จวินหนานเยี่ยนถูกเว่ยจวินมั่วเชิญเข้าไปในห้องหนังสือ เยาเยาเตรียมก้าวเท้าตาม ทว่าถูกหนานกงมั่วห้ามเอาไว้ เยาเยาร้อนใจ “ท่านแม่ ท่านพ่อเรียกจวินหนานเยี่ยนไปทำไมกันหรือ ไยจึงเป็นความลับเยี่ยงนี้เล่า”
หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเนิบ “ท่านพ่อของเจ้ากับจวินฉิงเทียนก็นับว่าเคยพบหน้ากันอยู่หลายครั้ง ถามไถ่สหายเก่าก็หาใช่เรื่องแปลกไม่ คงไม่ได้หาสามีให้กับเจ้ากระมัง เด็กคนนั้นดูแล้วไม่เลว เพียงอายุน้อยสักหน่อย เจ้าไม่ต้องคิดอันใดโหดร้ายรุนแรงเพียงนั้น”
“อายุน้อยอันใดกัน” เยาเยาเอ่ยไม่พอใจ “จวินหนานเยี่ยนโตกว่าข้าต่างหากเล่า”
หนานกงมั่วยักไหล่ เอ่ย “อ้อ อย่างนั้นหรือ เด็กคนนั้นดูเหมือนจะอายุน้อยกว่าเจ้าอย่างน้อยสองสามปี”
เยาเยาหน้าบึ้งตึง กำลังจะบอกว่านางแก่หรือ นางไม่ได้แก่นะ นางเพิ่งอายุสิบห้า กำลังเป็นเด็กสาวสะพรั่ง
หนานกงมั่วจูงเยาเยามานั่งลง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ หลายวันมานี้วิ่งออกไปเที่ยวเล่นทุกวัน อยากคุยกับเจ้ายังต้องให้คนไปตามหาเจ้า นั่งลงคุยกับข้าสักหน่อย”
เยาเยาจำต้องนั่งลงข้างกายมารดา “อันใดหรือเจ้าคะ”
หนานกงมั่วเลิกคิ้วเบาๆ ยิ้มพลางเอ่ย “เจ้าว่าอย่างไรเล่า”
เยาเยาถอนหายใจ “ท่านแม่ ท่านกลัวว่าบุตรสาวจะไม่ได้แต่งออกเรือนหรือเจ้าคะ”
หนานกงมั่วยื่นมือไปบีบแก้มเล็กของนาง เอ่ย “ข้าไม่ได้กังวล แต่ว่าเสด็จปู่เจ้ากังวลนี่นา”
เยาเยากะพริบดวงตากลมโต เอ่ยด้วยท่าทางน่าสงสาร “แต่ลูกยังไม่อยากแต่งงานนี่เจ้าคะ ท่านแม่ ท่านจะให้ข้าแต่งกับลูกหลานเหล่าขุนนางเหล่านั้นจริงหรือเจ้าคะ ข้า…ข้าจะหนีออกจากบ้าน”
หนานกงมั่วเอ่ย “หลายวันมานี้เล่นสนุกกับคุณชายจวิน ไม่ใช่ต้องการให้เขาพาเจ้าหนีออกจากบ้านหรอกหรือ ด้วยอำนาจของเมืองจูเชวี่ย หากไม่ระวังคงพาเจ้าหนีออกไปได้จริงๆ”
“ปะ เปล่านะเจ้าคะ” เยาเยากระทืบเท้า “ข้าคิดกับจวินหนานเยี่ยนเป็นสหายจริงๆ ไม่ได้คิดจะหลอกใช้เขา”
หนานกงมั่วพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เข้าใจ เพื่อนช่วยเหลือเพื่อนเท่านั้น”
“…” ไม่อาจคุยต่อไปได้แล้ว
หนานกงมั่วถอนหายใจออกมา ลูบศีรษะเล็กของบุตรสาว เอ่ย “บุตรีของข้า เจอปัญหาแล้วหนีปัญหาไม่อาจแก้ปัญหาได้ เจ้าคิดว่าเจ้าหนีออกจากบ้านแล้วจะแก้ปัญหาได้หรือ อันใดที่เรียกว่าใต้ผืนฟ้าไม่มีพื้นที่ใดไม่ใช่ดินแดนของกษัตริย์ เสด็จปู่ของเจ้าตั้งใจจะหาบุรุษให้เจ้าได้แต่งงาน ยิ่งเจ้าต่อต้านเขาก็ยิ่งตั้งใจมากยิ่งขึ้น ต่อให้ข้าและท่านพ่อของเจ้า ก็ไม่แน่ว่าจะห้ามได้ อย่างไร…เขาก็เป็นฮ่องเต้ เจ้าเข้าใจหรือไม่”
เยาเยาซึมลง “เช่นนั้นข้าควรทำเยี่ยงไรเจ้าคะ”
หนานกงมั่วเอ่ย “ในเมื่อเสด็จปู่ต้องการให้เจ้าแต่งงาน เจ้าก็รีบหาคนที่ถูกตาเสียสิ ขอเพียงเจ้ามีคนที่เหมาะสม ข้ากับท่านพ่อของเจ้าช่วยเอ่ยกับเสด็จปู่ เลื่อนการแต่งงานออกไปอีกสองปีก็ยังได้ ระหว่างนี้มีเรื่องอันใดจะได้จัดการได้ใช่หรือไม่”
เยาเยามองมารดาด้วยความสงสัย ใบหน้าราวกับถูกเขียนเอาไว้ ท่านกำลังหลอกข้าแต่งงาน
หนานกงมั่วเหลือบมองบุตรสาวเล็กน้อย เอ่ย “ได้สิ เช่นนั้นเจ้าก็ไปท่องยุทธภพกับคุณชายจวินผู้นั้นเถิด ถึงตอนนั้นอย่าได้หวังว่าข้าและท่านพ่อของเจ้าจะช่วย” เยาเยาเอ่ย “ท่านแม่ ไยท่านจึงยอมให้เยาเยาแต่งกับใครก็ไม่รู้ที่เสด็จปู่เลือกง่ายๆ เพียงนี้ ชีวิตของลูก…”
“ร้องไห้ได้ปลอมเกินไปแล้ว ข้าและท่านพ่อของเจ้าเองก็ถูกเสด็จปู่ทวดของเจ้าจับแต่งงาน ดังนั้น ข้ามีอันใดไม่ยอมกันเล่า”
“ท่านแม่ ท่านไม่รักเยาเยาแล้ว”
“เจ้าสร้างปัญหาให้ข้าน้อยลงสักหน่อย ข้าก็จะรักเจ้า” หนานกงมั่วเลิกคิ้วเอ่ย
เยาเยามองมารดาผู้ให้กำเนิดของตน ท่าทางน่าสงสารนั้นทำให้หนานกงมั่วยกมือขึ้นกุมขมับอย่างอดไม่ได้ ถอนหายใจแล้วจึงเอ่ย “เอาล่ะ ท่านพ่อของเจ้าพูดคุยกับคุณชายกงเพียงไม่กี่ประโยค เขาเพิ่งมาเป็นแขกจวนเราครั้งแรก จะให้เด็กหนุ่มอย่างเขาพูดคุยกับข้าหรืออย่างไร ถึงข้าไม่สนใจ แต่เกรงว่าเขาจะทำตัวไม่ถูกกระมัง”
เยาเยาพลันเข้าใจ ซุกเข้าในอ้อมแขนของหนานกงมั่ว “ท่านแม่ไม่บอกแต่แรกเล่าเจ้าคะ”
หนานกงมั่วบีบแก้มของบุตรสาว “บุตรสาวโตแล้วไม่อาจอยู่เรือน”
เยาเยาใบหน้างุนงง “ท่านแม่ ท่านเอ่ยอันใดกัน อะไรอยู่ไม่อยู่ จวินหนานเยี่ยนยังเด็ก หากเขาได้ยินคงกระอักกระอ่วน”
หนานกงมั่วเลิกคิ้วเบาๆ “เจ้าไม่สนใจเจ้าเด็กคนนั้นยังใส่ใจเพียงนี้ เสด็จปู่ให้เจ้าอยู่ในวังยังไม่ยอมจะออกมาให้ได้อย่างนั้นหรือ”
เยาเยาพิงไหล่มารดา เอ่ย “ข้าอยู่ในวังนานแล้ว ไม่ง่ายกว่าจะออกมาได้ อีกทั้งท่านแม่ บุตรีของท่านไม่ชอบเด็ก จิตใจของท่านไม่สะอาดเลยนะเจ้าคะ”
หนานกงมั่วเอ่ยไม่ออก เรื่องความรู้สึกกลายเป็นนางจิตใจไม่ใสสะอาดแล้วหรือ คุณชายจวินผู้นั้นเห็นอยู่ว่ามีใจต่อเจ้าเด็กคนนี้ อีกทั้ง…เมื่อครู่เจ้าเพิ่งบอกว่าเขาอายุมากกว่าเจ้ามิใช่หรือ
“ท่านแม่ ท่านชอบเพียงเหมิงเหมิง ไม่ชอบข้าใช่หรือไม่” เยาเยาเอ่ยอย่างน่าสงสาร
หนานกงมั่วเชยใบหน้าเล็กของนางขึ้น จูบเบาๆ ที่หว่างคิ้วของนาง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่รักเจ้าที่สุดแล้ว พอใจแล้วหรือไม่”
ดวงตาของเยาเยากลอกไปมา “เช่นนั้นท่านแม่…”
“ไม่ต้องเอ่ยเรื่องเลือกจวิ้นหม่าแล้ว” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ
“…” ไหนบอกรักข้าที่สุดอย่างไรเล่า
หนานกงมั่วเอ่ย “หากเจ้ามีความสามารถจัดการกับเสด็จปู่ของเจ้าได้ แน่นอนว่าแม่จะสนับสนุนเจ้า แต่ในเมื่อเจ้าจัดการไม่ได้ จะให้ข้าวางใจให้เจ้าวิ่งเล่นอยู่ข้างนอกทุกวันได้เยี่ยงไร อยู่บ้านให้ดีเถิด” เยาเยาเอ่ย “ท่านแม่ ท่านจริงจังหรือเจ้าคะ” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าว่าอย่างไรเล่า”
เยาเยาเอ่ย “หากข้าได้แต่งกับคนไม่ดีจะทำเยี่ยงไร”
หนานกงมั่วเอ่ย “ข้าจะจัดการเขาให้เจ้าเป็นอย่างไร” พระชายารัชทายาทเคยเป็นมือสังหารเชียวนะ
เยาเยาตกใจ “ท่านอยากให้บุตรีของท่านเป็นหญิงหม้ายหรือ”
หนานกงมั่วเอ่ยเชื่องช้า “หลานสาวของฮ่องเต้ไม่มีทางไม่ได้แต่งออกเรือน กลัวอันใด”
“…” นี่คือท่านแม่จริงหรือ
ระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังพูดคุยกัน ผ่านไปไม่นานก็เห็นเว่ยจวินมั่วและจวินหนานเยี่ยนเดินตามกันมา เยาเยามองสีหน้าของบิดาก่อนจะลอบถอนหายใจออกมา รีบลุกขึ้นเอ่ยลาบิดามารดา พาจวินหนานเยี่ยนวิ่งหนีไปทันใด หนานกงมั่วรู้ว่าบุตรีอยากรู้ว่าเว่ยจวินมั่วคุยอันใดกับจวินหนานเยี่ยน ไม่ได้เอ่ยปากห้ามเพียงมองทั้งสองเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม
“เป็นอย่างไร” หนานกงมั่วหันกลับไปเอ่ยถามเว่ยจวินมั่วด้วยรอยยิ้ม
เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ เอ่ย “ไม่เลว แม้จะดูอ่อนแอ ทว่าความสามารถวรยุทธ์กลับไม่ด้อย”
หนานกงมั่วส่ายศีรษะ ยิ้มอย่างจนใจ เอ่ย “ข้าเคยบอกท่านแล้ว เยาเยายังเด็ก ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเพียงนี้”
เว่ยจวินมั่วนั่งลงข้างกายนาง ยื่นมือออกไปจับมือของนางไว้ เอ่ย “ไม่เด็กแล้ว อีกไม่กี่ปี…เจ้าจะยอมให้นางแต่งเป็นภรรยาคนที่สองหรือวางใจให้นางแต่งกับคนที่เด็กกว่าหรือ” นี่เป็นปัญหาที่เห็นได้ด้วยความเป็นจริง ลูกหลานในเมืองหลวงแต่งงานเร็ว หากรอเยาเยาอายุสิบเจ็ดสิบแปดกระทั่งโตกว่านี้ คนที่มีให้เลือกได้มีไม่มากแล้ว การเป็นบิดา เว่ยจวินมั่วจำต้องคิดเผื่อบุตรี ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้เยาเยาได้รับบาดเจ็บนอกเขตกำแพง ทำให้เว่ยจวินมั่วไม่วางใจให้นางเดินทางไปทั่วแล้ว
หนานกงมั่วเอ่ย “หากนางยอม ก็ใช่ว่าจะไม่ดีนี่นา” ความสูงไม่ใช่ระยะห่าง อายุยิ่งไม่ใช่ปัญหา
เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ เอ่ย “ลองดูไปก่อนเถิด ในเมื่อเสด็จพ่อตั้งใจจะเลือกสามีให้เยาเยา ใช่ว่าจะไม่สำเร็จ หากไม่ดี พวกเราไม่ยอมก็ได้มิใช่หรือ”
หนานกงมั่วพยักหน้า แม้นางจะเอ่ยกับเยาเยาง่ายๆ แต่หากเยาเยาไม่ยอมแต่งงานจริงๆ ไม่ถูกตาคนที่เข้าร่วมคัดเลือก หนานกงมั่วก็คงไม่ยอมให้บุตรีแต่งออกไปเช่นนี้ เอ่ยอย่างไร การเลือกจวิ้นหม่าที่ว่า ในสายตาของหนานกงมั่วก็เป็นเพียงการหาคู่ก็เท่านั้น
หนานกงมั่วครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ย “เพิ่มชื่อของคุณชายจวินและอาเจี้ยวเข้าไปด้วย”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน”