หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 839 ความโกรธแค้นของกงอวี้เฉิน (2)
ตอนที่ 839 ความโกรธแค้นของกงอวี้เฉิน (2)
เพียงเว่ยจวินมั่วเข้ายึดเฉินโจวได้…สถานการณ์หลังจากนี้ ก็บอกได้ยากแล้ว
ชายชุดดำจนปัญญา กงเสี่ยวเตี๋ยปรากฏตัวต่อหน้าเยี่ยนอ๋องครั้งแรกด้วยภาพลักษณ์อ่อนแอไร้ที่พึ่ง เยี่ยนอ๋องจะบอกเรื่องเหล่านี้กับนางได้อย่างไร แม้ตอนนี้รอบกายกงเสี่ยวเตี๋ยจะมียอดฝีมือคอยให้คำแนะนำสั่งสอน ก็คงไม่อาจเก่งกาจข้ามขั้นสามารถสืบข่าวสารได้โดยไร้ร่องรอยไม่อาจถูกเยี่ยนอ๋องจับได้ เผชิญหน้ากับคนอย่างเยี่ยนอ๋อง ไม่อยากถูกเขาจับได้มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือไม่ต้องทำสิ่งใดเลย อีกทั้งเรื่องนี้มิใช่ว่าแม้แต่เยี่ยนอ๋องซื่อจื่อและพระชายาเยี่ยนอ๋องก็ยังไม่รู้เลยมิใช่หรือ
กงอวี้เฉินเองก็รู้ดีว่าตนเองกำลังพาลเพราะความโกรธ ส่งเสียงหยันเบาๆ ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อแล้ว
ในห้องหนังสือเงียบอยู่นานก่อนจะเอ่ยถาม “ฝั่งหนิงอ๋องมีข่าวคราวใดหรือไม่”
ชายชุดดำเอ่ย “ดูเหมือนหนิงอ๋องตั้งใจแล้วว่าจะไม่รีบเข้าร่วมสงครามเร็วเกินไป เพียงแต่เขายอมให้เว่ยจวินมั่วยืมทหาร เห็นได้ว่าเชื่อมั่นต่อจวนเยี่ยนอ๋องค่อนข้างมาก” หนิงอ๋องดูเหมือนจะไม่สนใจบัลลังก์ ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องรีบเข้าร่วมสงคราม ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนอ๋องหรือเซียวเชียนเยี่ย ล้วนไม่มีทางหาเรื่องเขา ขอเพียงเขาแสดงตัวถึงจุดยืนของตนเองออกมาให้ถูกที่ถูกเวลาเขาก็จะไม่พ่ายแพ้
คิ้วคมภายใต้หน้ากากของกงอวี้เฉินเลิกขึ้นเล็กน้อย ผู้ปกครองเมืองเหล่านี้ไม่มีผู้ใดโง่เลยสักคน คนที่โง่จริงๆ ก็ใช้การไม่ได้ ใช่ว่าเขาไม่เคยส่งคนเข้าหาหนิงอ๋อง น่าเสียดายหนิงอ๋องนั้นเป็นคนดื้อรั้น เอ่ยไม่ถูกเพียงประโยคเดียวก็สังหารได้ ส่งสายลับเข้าไปหลายคน ต่างก็บาดเจ็บล้มตายกันทั้งนั้น ต่อให้ไม่เจ็บไม่ตายก็ไม่อาจเข้าใกล้หนิงอ๋องได้ อีกทั้งคังอ๋องแห่งสู่โจวผู้นั้น ดูเหมือนจะหลงมัวเมาในสตรี เรือนหลังยุ่งเหยิง แต่ว่าตำแหน่งซื่อจื่อมั่นคง เชื้อสายรองคนใดคิดแย่งชิงถูกกำจัดทิ้งในทันที ซื่อจื่อผู้นั้น…ไม่เพียงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเว่ยจวินมั่ว อีกทั้งยังกลัวเว่ยจวินมั่วมาก ได้ยินว่าใครจะเป็นศัตรูกับเว่ยจวินมั่ว ก็ไล่หนีทันที
สูดหายใจเข้าลึก “ฝั่งเป่ยหยวนเป็นอย่างไรบ้าง”
“ยามนี้ฮ่องเต้เป่ยหยวนสงบลงแล้ว เพียงแต่สงครามเมื่อปีที่แล้วสูญเสียไปเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าฮ่องเต้เป่ยหยวนหรือชนเผ่าที่มีกองกำลังอยู่ในมือ พวกนั้นต่างก็ไม่กล้าเข้าใกล้โยวโจว ทว่า…มีการจะย้ายราชสำนักเป่ยหยวนไปทางตะวันตกขอรับ”
“ไร้ประโยชน์” กงอวี้เฉินเอ่ยเสียงเย็น “หากมิใช่เพราะพวกเขาไม่ฟังคำเตือนจากข้า จะพ่ายแพ้ย่อยยับเพียงนี้หรือ”
ชายผู้นั้นเอ่ย “ฮ่องเต้เป่ยหยวนเชิญเจ้าสำนักกลับไปโดยไวขอรับ”
กงอวี้เฉินยิ้มเย็น เอ่ย “กลับไปทำอันใดกัน กลับไปกินลมที่เหน็บหนาวกับพวกเขาหรือ ส่งคนกลับไปบอกพวกเขา หากยังไม่ฟังคำของข้าก็วุ่นวายตายไปด้วยกันเสียเถิด ข้าไม่สนใจว่าใครจะเป็นฮ่องเต้เป่ยหยวน”
“ขอรับ เจ้าสำนัก”
กงอวี้เฉินดูเหมือนจะสงบลงเล็กน้อย เอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางโคลงจอกเหล้าในมือเล่น เอ่ย “ยามนี้ไม่ว่าจะเป็นสีโจวหรือโยวโจวก็ไม่มีเวลาว่างมาหาเรื่องกับเป่ยหยวน พวกหว่าล่านั่นก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ การพักรักษาตัวถึงเป็นเรื่องสำคัญ รอถึง..สงครามของจงหยวนจบสิ้น…”
ชายชุดดำพยักหน้า “ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ เจ้าสำนักคิดว่า…เยี่ยนอ๋องและเซียวเชียนเยี่ย ใครมีโอกาสชนะมากกว่าขอรับ”
กงอวี้เฉินยิ้มหยัน “เซียวเชียนเยี่ยหรือ หากมิใช่เพราะเขาโชคดี ไม่รู้ว่าจะถูกคนฆ่าตายไปกี่ครั้งแล้ว ส่วนเยี่ยนอ๋อง…แน่นอนว่าข้ามีวิธีจัดการเขา ไม่ต้องกังวล”
“ขอรับ เจ้าสำนัก”
ค่ายกองกำลังสีโจว หนานกงมั่วนั่งอยู่บนหลังคามองลานฝึกซ้อมที่ห่างออกไปไม่ไกล เว่ยจวินมั่วอยู่ในอาภรณ์สีคราม ไม่ได้สวมชุดเกราะหนาๆ เหมือนทหารคนอื่นๆ แต่เมื่อยืนอยู่หน้าทหารในชุดเกราะอาวุธครบมือกลับไม่ได้ดูอ่อนแอเลยสักนิด
ด้านข้างเว่ยจวินมั่วมีลิ่นฉังเฟิง เจี่ยนชิวหยาง อีกทั้งองครักษ์และทหารที่ติดตามเขาเมื่อครั้งอยู่ในกองกำลังรักษาการณ์โยวโจว แม้แต่เหล่าเซวียปินที่ควรออกศึกร่วมกับกองทัพใหญ่ยังถูกนายท่านทั้งหลายโยนมาอยู่ที่นี่ เอ่ยอย่างสวยงามได้ว่า ติดตามคุณชายเว่ยมาตั้งแต่ต้น ก็คงมีเพียงคุณชายเว่ยเท่านั้นที่จัดการกับเด็กพวกนี้ได้ แม้สีหน้าของเหล่าเซวียเจินจะไม่ยินยอม ทว่าในใจกลับตื่นเต้นดีใจ แม้คุณชายเว่ยจะดูเย็นชาและโหดร้ายไปสักหน่อย ทว่าเมื่อติดตามเขาแล้วโอกาสสร้างคุณความชอบนั้นมีมากทีเดียว
ด้านหลังหนานกงมั่ว ชวีเหลียนซิงและหลิ่วหันนั่งประกบซ้ายขวาอยู่บนหลังคา แม้วรยุทธ์ของชวีเหลียนซิงจะไม่อาจอวดโอ้ได้ แต่การขึ้นหลังคาก็ไม่ใช่ปัญหา คนที่มีปัญหาเพียงคนเดียวดูเหมือนจะเป็นคุณชายใหญ่ฉิน ต้องหาบันไดและปีนตามขึ้นมา
ฉินจื่อซวี่มองดูลานฝึกที่อยู่ห่างออกไปด้วยสายตาชื่นชม “ก่อนหน้านี้ข้ายังกังวล ไม่คิดมาก่อนว่าคุณชายเว่ยจะมีวิธีอื่น” แม้จะชื่นชมเว่ยจวินมั่วแต่ความกังวลแน่นอนว่ายังมีอยู่ อย่างไรเว่ยจวินมั่วก็เป็นเพียงหลานของเยี่ยนอ๋อง ไม่มีอำนาจอยู่ในมือต่อให้เชื่อมั่นหรือชื่นชอบมากเพียงใดก็เปล่าประโยชน์ ตอนนี้เว่ยจวินมั่วสามารถแยกออกจากโยวโจวและมาเริ่มต้นใหม่ได้ แม้เริ่มต้นจะลำบากอยู่บ้าง แต่ยังมีความสำเร็จในอนาคตที่รออยู่
หนานกงมั่วหันกลับไปมองเขา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ากลับแปลกใจ คุณชายฉินก็มาด้วย” เดิมทีพวกเขาไม่คิดให้ฉินจื่อซวี่มาด้วย อย่างไรฉินซีที่อยู่โยวโจวก็ต้องมีคนดูแล ร่างกายของฉินซีเองก็ไม่อาจเดินทางติดตามพวกเขาได้ ทว่าไม่คิดว่าฉินจื่อซวี่จะฝากฝั่งฉินซีไว้กับองค์หญิงฉังผิงและติดตามมาด้วย
ฉินจื่อซวี่ยิ้มอย่างสบายอกสบายใจ “เดิมทีข้าก็มาอาศัยคุณชายเว่ยและซิงเฉิงจวิ้นจู่ ทั้งสองออกมาจากโยวโจวกันหมด ข้าอยู่ที่นั่นแล้วจะมีประโยชน์อันใด”
หนานกงมั่วมองเขา “ติดตามพวกเรามาคงไม่สะดวกสบายเหมือนโยวโจวหรอก”
ฉินจื่อซวี่ยักไหล่พลางยิ้มไม่เอ่ยสิ่งใด เห็นชัดว่าไม่ใส่ใจกับสิ่งที่หนานกงมั่วเอ่ย
“จวิ้นจู่ อีกไม่กี่วันกองทัพใหญ่ก็จะเคลื่อนกองกำลังแล้ว สถานการณ์ของเฉินโจว…” ชวีเหลียนซิงเอ่ยตะกุกตะกัก ฉินจื่อซวี่เองก็พยักหน้า ยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “แม่นางชวีเอ่ยไม่ผิด จวิ้นจู่ ยามนี้…เฉินโจวไม่ใช่สถานที่ที่ดีนัก” แผ่นดินเฉินโจวไม่รู้ว่าหลายปีมานี้โดนคำสาปใด เมื่อครั้งนั้นเพราะจังติ้งฟังก่อกบฏยังไม่ทันได้เข้าที่นักก็ต้องมาเผชิญกับความแห้งแล้งติดต่อกันถึงสองปี เซียวเชียนเยี่ยเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ก็ยุ่งอยู่กับการเล่นงานเสด็จอาทั้งหลายของตน แน่นอนว่าไม่มีเวลาว่างไปสนใจผู้คนในพื้นที่เหล่านี้ ดังนั้นความวุ่นวายในเฉินโจวหนักยิ่งกว่าหลิงโจวในครั้งนั้นเสียอีก เพียงแต่เพิ่งชนะสงครามมาหนึ่งครั้ง ชาวเมืองคงยังไม่มีกำลังมาต่อสู้อีกเป็นครั้งที่สอง แต่ยามนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจบอกได้
หนานกงมั่วเองก็ถอนหายใจตามไปด้วย ข่าวคราวของเฉินโจวนั้นถูกรายงานมาไม่หยุดหย่อน เพียงแต่ข่าวที่ได้รับยังไม่มีข่าวเพียงพอให้ได้ดีใจ ปีที่แล้วผลผลิตทางการเกษตรไม่อาจเก็บเกี่ยว สถานการณ์หลายปีนี้ก็ไม่ได้ดีนัก แม้ราชสำนักจะสั่งให้บรรเทาภัยพิบัติ แต่ก็ต้องรับมือกับโยวโจว อีกทั้งการยักยอกและแสวงหาผลประโยชน์ของเหล่าขุนนาง เมื่อถึงมือของประชาชนก็เหลือไม่มาก เพียงกองทัพบุกเข้าไปในเฉินโจว สิ่งที่ต้องแก้ปัญหาไม่ใช่เพียงการบุกตี แต่เป็นการปลอบโยนต่อประชาชนในพื้นที่
“สิ่งที่ให้พวกเจ้าไปจัดเตรียมเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
ชวีเหลียนซิงสีหน้าจริงจังขึ้นมา “นับตั้งแต่โยวโจวทำสงครามกับราชสำนัก กิจการทั่วสารทิศต่างเก็บรวบรวมเสบียงอาหาร หลายวันมานี้ตามคำสั่งของคุณชายและจวิ้นจู่ ได้ลอบขนย้ายเสบียงอาหารไปใกล้จิ่นโจวแล้วเจ้าค่ะ เพียงจวิ้นจู่ออกคำสั่ง ก็สามารถเข้าสู่เขตภัยพิบัติได้ทันที แต่ว่า…แม้ทุกพื้นที่จะรวบรวมอย่างเต็มกำลัง พวกเรายังรวบรวมได้ไม่ถึงหนึ่งล้านห้าแสนต้าน[1] ยังคงไม่เพียงพอเจ้าค่ะ” ไม่ว่าผู้ใด คิดอยากช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเมืองเมืองหนึ่งด้วยตัวคนเดียวนั้นเป็นไปไม่ได้ ต่อให้เป็นตระกูลร่ำรวยมากเพียงใดก็หมดสิ้นลงได้ เรื่องพวกนี้เดิมทีก็เป็นเรื่องของราชสำนักมิใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะจัดการตามลำพัง
[1] ต้าน 石 เป็นหน่วยปริมาณความจุ ปัจจุบันเทียบเท่าปประมาณ 103 ลิตร แต่ในประวัติศาสตร์ประมาณ 59.44 ลิตร