หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 806 ผู้ที่ดีดพิณไพเราะ ไม่ใช่คนดี (2)
ตอนที่ 806 ผู้ที่ดีดพิณไพเราะ ไม่ใช่คนดี (2)
เว่ยจวินมั่วจูงหนานกงมั่วมานั่งลงข้างๆ เนี่ยนหย่วนเองก็หย่อนตัวนั่งลงตาม เซียวเชียนจย่งก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “เสด็จพ่อ ท่านเรียกพวกเรามารวมตัวเช่นนี้ มีเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” สองวันมานี้คุณชายสามเซียวหายใจไม่ค่อยทั่วท้องเท่าใดนัก พวกเขาเพิ่งจะทราบเรื่องที่ชายารองกงตั้งครรภ์เมื่อเร็วๆ นี้ ถึงแม้ว่าจะมิใช่ธุระอันใดของบุตรชายที่จะต้องไปก้าวก่ายว่าอนุคนใดของเสด็จพ่อกำลังตั้งครรภ์ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดคุณชายสามเซียวถึงได้มีปฏิกิริยาต่อต้านน้องชายหรือน้องสาวที่จู่ๆ ก็โผล่มาเป็นอย่างมาก เมื่อก่อนตอนที่หย่งเฉิงและอวี้หมิงเกิด เขาเองก็ไม่ได้มีความรู้สึกเช่นนี้เลย เมื่อหาต้นตอสาเหตุไม่ได้ คุณชายสามเซียวก็ยิ่งหายใจไม่สะดวกเข้าไปใหญ่ ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงโยนความผิดให้กับกงเสี่ยวเตี๋ย ว่าก่อนหน้านี้เป็นเพราะกงเสี่ยวเตี๋ยก่อเรื่องวุ่นวายจนทำให้จวนเยี่ยนอ๋องไม่เป็นอันสงบสุข จึงทำให้เขารู้สึกไม่ชอบเช่นนี้
เยี่ยนอ๋องจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยว่า “เมื่อครู่ข้าพึ่งได้ข่าวจากเฉินอวี้ว่ายามนี้ได้ปะทะกับกองทัพใหญ่ของราชสำนักแล้ว พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไรกับสถานการณ์ในยามนี้”
เซียวเชียนเหว่ยลังเลอยู่ชั่วครู่ พลันเอ่ย “เสด็จพ่อ…แม่ทัพเฉินอวี้รับมือกับอี๋ชุนโหวคงจะไม่มีปัญหาอันใดหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนอ๋องพยักหน้าเบาๆ พลางเอ่ย “เฉินอวี้รับมือกับอี๋ชุนโหวย่อมไม่มีปัญหาอันใดอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ผู้สนับสนุนอี๋ชุนโหว” แม้ยามนี้หัวหน้าแม่ทัพของต้าเซี่ยจะไม่ได้เก่งกาจเหมือนตอนที่พึ่งก่อตั้งแผ่นดิน แต่อย่างไรเสียเมืองที่ใหญ่โตเช่นต้าเซี่ยก็ย่อมมีบุคคลเก่งกาจอยู่อีกหลายคน ทว่าจวนเยี่ยนอ๋องกลับมีแค่โยวโจวที่เป็นอาณาบริเวณ และคนที่พอจะสู้รบได้ก็มีเพียงหยิบมือเท่านั้น หากอี๋ชุนโหวพ่ายแพ้ ทางราชสำนักก็จะพุ่งเป้ามายังโยวโจวโดยปริยาย ถึงเวลานั้นเกรงว่าคนที่เดิมทีไม่ได้ออกมาก็คงจะเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
“ท่านอ๋องกลัวหรืออย่างไร” เนี่ยนหย่วนที่นั่งอยู่ด้านข้าง จู่ๆ ก็ถามขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มๆ
สามพี่น้องตระกูลเซียวอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเฮือกด้วยความตกใจ เขาเอ่ยกับเสด็จพ่อด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ เนี่ยนหย่วนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรืออย่างไรกัน
ทว่าเยี่ยนอ๋องกลับไม่ได้โมโหเป็นฟืนเป็นไฟดั่งที่พวกเขาจินตนาการไว้ และก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาลากเนี่ยนหย่วนออกไปสังหารทิ้งแต่อย่างใด เยี่ยนอ๋องเพียงก้มหน้าลงต่ำพลางเอ่ยถามเนี่ยนหย่วน “ไต้ซือมีอันใดจะเอ่ยหรือไม่”
เนี่ยนหย่วนยิ้มพลางเอ่ย “ตอนนี้ผู้คนในเมืองโยวโจวและจวนเยี่ยนอ๋องต่างก็หวังพึ่งท่านอ๋องคนเดียวเท่านั้น หากท่านอ๋องรู้สึกกลัว…แม้อาตมาจะมีความคิดเห็นมากมายเช่นไรก็ไร้ซึ่งประโยชน์อยู่ดี” เยี่ยนอ๋องส่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ จากนั้นจึงเอ่ย “ไต้ซือไม่ต้องเอ่ยจาเช่นนี้เพื่อกระตุ้นข้าก็ได้ ในเมื่อข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว ย่อมไม่มีทางที่ข้าจะกลับคำอย่างแน่นอน”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” เนี่ยนหย่วนยิ้มกว้างพลางเอ่ยต่อว่า “วาจาท่านอ๋องมีน้ำหนักเสมือนกระถางสำริดเก้าใบ ในเมื่อท่านเอ่ยมาเช่นนี้ อาตมาก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวลใจแล้ว”
เยี่ยนอ๋องเอ่ย “ไต้ซืออยากจะเอ่ยสิ่งใดหรือ”
เนี่ยนหย่วนยิ้มพลางเอ่ย “ที่จริงยามนี้เอ่ยอันใดไปก็เปล่าประโยชน์ มาถึงจุดนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็อยู่ในสถานการณ์ต่อสู้กันอย่างดุเดือด สิ่งที่ท่านอ๋องต้องทำมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น คือเอาชนะกองทัพใหญ่ของราชสำนักให้ได้ ขอแค่ท่านอ๋องชนะแล้ว ไม่ว่าผู้อื่นจะเอ่ยอย่างไรก็ไร้ซึ่งประโยชน์แล้ว ปกครองใต้หล้า มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะถืออำนาจไว้ในมือได้”
“วาจาของไต้ซือ…” เยี่ยนอ๋องหรี่ตาเล็กลง พลางเอ่ยต่อ “หากมิใช่เพราะรู้จักกับไต้ซือมานานหลายปี ข้าก็คงจะสงสัยว่าไต้ซือเป็นพุทธสาวกของพุทธศาสนาจริงๆ หรือไม่”
เนี่ยนหย่วนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นว่า “หากอาตมาเพียงแค่ศรัทธาในพุทธศาสนาเท่านั้น จะมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ได้อย่างไรกัน น่าเสียดายที่อาตมาไม่มีปณิธานก้าวข้ามชีวิตทางโลกเฉกเช่นอาจารย์และศิษย์พี่ศิษย์น้อง ภพชาตินี้ปรารถนาเพียงตายในวัยชรา และทิ้งชื่อไว้เป็นประวัติศาสตร์เท่านั้นเป็นอันพอ” เยี่ยนอ๋องได้ยินแล้วก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นกับคำพูดของเนี่ยนหย่วนแต่อย่างใด เพราะหากตนคิดจะคบค้าสมาคมกับผู้รู้แจ้งในพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ก็คงจะไม่มาหาเนี่ยนหย่วนอย่างแน่นอน
จากนั้นก็หันไปมองเว่ยจวินมั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างพลางเอ่ยถาม “ฝีมือของเฉินอวี้และเซวียเจิน คงจะต้านอี๋ชุนโหวได้ไม่ถึงสองเดือน จวินเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าครั้งหน้าทางราชสำนักจะส่งใครมา”
เว่ยจวินมั่วหลุบตาลงต่ำ จากนั้นเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ใครจะเป็นผู้นำทัพไม่สำคัญ เสด็จลุง สิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้ก็คือทางฝั่งราชสำนักจะส่งกำลังทหารมาเท่าใด” หัวหน้าแม่ทัพสำคัญมากก็จริง และฝีมือการต่อสู้ของหัวหน้าแม่ทัพในราชสำนักก็ไม่ได้อยู่ในขั้นแย่ ในทางกลับกันฝีมือการรบของเซวียเจินและเฉินอวี้ก็ไม่ได้ถือว่าเก่งกาจไร้ซึ่งเทียมทานแต่อย่างใด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากทางฝั่งราชสำนักส่งกำลังทหารมามากกว่าโยวโจวละก็ แม้จะมีฝีมือที่เก่งกาจเพียงใดก็มิอาจต้านทานไหวอยู่ดี
เยี่ยนอ๋องเลิกคิ้วพลางถาม “เจ้าคิดว่า…เซียวเชียนเยี่ยจะนำกำลังทหารมาเท่าใดหรือ” เยี่ยนอ๋องไม่ได้สนใจข้อนี้นัก ต้าเซี่ยมีทหารและม้านับล้านก็จริง แต่ทหารม้าเหล่านี้ล้วนอยู่ในมือของชินอ๋องที่รักษาการอยู่ตามแนวชายแดนเสียส่วนใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น เยี่ยนอ๋อง หนิงอ๋อง คังอ๋องและอ๋องอื่นๆ อีกมากมาย ทหารในส่วนที่เหลือก็ยังต้องประจำการในที่ต่างๆ ให้ตายเซียวเชียนเยี่ยก็ไม่มีทางรวบรวมกำลังทหารแปดแสนนายมาต่อสู้กับเขาได้อย่างแน่นอน
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ยามนี้ไม่มี ไม่ได้หมายความว่าวันข้างหน้าจะไม่มี ต้าเซี่ยมีทหารเกณฑ์ใหม่ร่วมสิบล้านคน เซียวเชียนเยี่ยจะคัดออกมาสักสองล้านก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใด แต่โยวโจว…ถึงแม้เสด็จลุงจะเกณฑ์ทหารใหม่ก็ตาม อย่างมากก็ได้แค่สองแสนเท่านั้น” มากกว่านี้ โยวโจวก็แบกรับไม่ไหว การศึกสงครามครั้งนี้ไม่สามารถสิ้นสุดในระยะเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน และหากเยี่ยนอ๋องนำทหารเกณฑ์ทั้งหมดไปสู้รบ แล้วผู้ใดจะหว่านนาทำสวนแทนเล่า
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างพากันเงียบจนหมด เยี่ยนอ๋องขมวดคิ้วแน่นพลางเอ่ย “หากเป็นเช่นที่เจ้าเอ่ย ก็แสดงว่าเราทำได้แค่เพียงรอวันที่ต้องจำนนต่อเซียวเชียนเยี่ยเยี่ยงนั้นหรือ”
เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางจ้องมองเยี่ยนอ๋องด้วยสายตาแปลกใจ เยี่ยนอ๋องเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก “เจ้ามีอันใดก็เอ่ยออกมาตรงๆ”
เว่ยจวินมั่วจึงเอ่ยว่า “เสด็จลุงควรให้เฉินอวี้หยุดเสียเวลากับอี๋ชุนโหวได้แล้ว รีบมุ่งหน้าไปทางตอนใต้จะเป็นการดีกว่า”
“คุณชายเว่ยเอ่ยถูกต้องแล้ว” เนี่ยนหย่วนเอ่ยขึ้น “เป็นเรื่องดีที่เยี่ยนอ๋องจะแสวงหาความมั่นคง แต่สิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้คือรีบโจมตีและเข้ายึดชิงโจวให้เร็วที่สุด ขอเพียงแค่อาณาจักรเพิ่มขึ้น กำลังคนก็จะเพิ่มขึ้นตาม ไม่ต้องกังวลเรื่องเสบียงอาหารอีกด้วย” ประชากรของโยวโจวค่อนข้างเบาบาง และดินไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์เท่าใดนัก หากคิดจะต่อกรกับต้าเซี่ยโดยอาศัยพึ่งพาโยวโจวอย่างเดียวย่อมเป็นไปได้ยาก
เยี่ยนอ๋องเข้าใจหลักการในข้อนี้ดี เพียงแต่ยามนี้พึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าทางราชสำนักจะวางแผนอย่างไร ความมั่นคงย่อมต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก แต่ในเมื่อเว่ยจวินมั่วและเนี่ยนหย่วนต่างก็เอ่ยเป็นเสียงเดียวกันเช่นนี้ เยี่ยนอ๋องจึงต้องเป็นคนตัดสินใจระหว่างสองทางเลือกนี้แล้ว
ปลายนิ้วขวาของเยี่ยนอ๋องถูวนกันอย่างลืมตัว นิ่งเงียบเนิ่นนาน จากนั้นจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ใครสามารถนำกองทัพทหารไปโจมตีชิงโจวแทนข้าได้”
“ลูกยินดีพ่ะย่ะค่ะ!”
“ลูกก็ยินดีพ่ะย่ะค่ะ!”
เซียวเชียนเหว่ยและเซียวเชียนจย่งลุกขึ้นพลางตอบกลับอย่างพร้อมเพรียง
เซียวเชียนชื่ออึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็รีบลุกขึ้นตามพลางเอ่ย “ลูกเองก็ยินดีพ่ะย่ะค่ะ!”
เยี่ยนอ๋องจ้องมองบุตรชายทั้งสาม ไม่เอ่ยอันใดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เหลือบมองไปที่เว่ยจวินมั่ว เห็นเพียงเว่ยจวินมั่วที่กำลังเล่นนิ้วมือเรียวเล็กของหนานกงมั่วด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับมองไม่เห็นว่าเยี่ยนอ๋องกำลังจ้องมองเขาอย่างใจจดใจจ่ออย่างไรอย่างนั้น
หนานกงมั่วกระตุกมุมปากเล็กน้อย จากนั้นรีบดึงมือกลับทันควัน เว่ยจวินมั่วเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยความแปลกใจ หนานกงมั่วจึงส่งสายตาเป็นนัยให้เขาหันไปดูเยี่ยนอ๋อง เว่ยจวินมั่วจึงค่อยๆ หันไปมองเยี่ยนอ๋อง ทว่าก็ยังคงนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจาเช่นเดิม เยี่ยนอ๋องจึงกระแอมไอออกมาเบาๆ พลางถาม “จวินเอ๋อร์ เจ้ามีอันใดจะเอ่ยหรือไม่”
เว่ยจวินมั่วส่ายหน้าเบาๆ พลางตอบกลับอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”