หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 779 สังหารไปทีละคน (2)
ตอนที่ 779 สังหารไปทีละคน (2)
ที่ปรึกษาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาลังเลตกใจ ลังเลอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ย “ใต้เท้าขอรับ”
ฉีซั่วเอ่ย “เว่ยจวินมั่วนำกำลังทหารนับแสน มุ่งหน้ามายังโยวโจว พวกเราจะต้องยึดเมืองโยวโจวเอาไว้ก่อนรอกองทัพของอี๋ชุนโหวมาถึง” ตอนนี้ที่ปรึกษาถึงได้พยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ใต้เท้าฉี จวนเยี่ยนอ๋อง…” ฉีซั่วย่นคิ้ว “ตอนนี้ฝูเฟิงยังไม่มีข่าว เกรงว่าแผนการคงล้มเหลวแล้ว” ถอนหายใจออกมา เอ่ย “ช่างเถิด มีซิงเฉิงจวิ้นจู่ อีกทั้งคุณชายเสียนเกอ เดิมแผนการนี้ก็มีโอกาสสำเร็จเพียงห้าส่วนเท่านั้น”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เชิญใต้เท้ารีบออกจากเมือง หรือว่า…” รีบควบคุมตัวคนจวนเยี่ยนอ๋องทั้งหมด แม้ทหารในจวนเยี่ยนอ๋องจะมีไม่มาก ทว่าทุกคนนั้นเป็นทหารชั้นยอด หลายวันก่อนซิงเฉิงจวิ้นจู่ก่อเรื่องที่หยาเหมินผู้ว่าการโยวโจวยามนี้นึกถึงยังเป็นที่น่าตกใจ หากซิงเฉิงจวิ้นจู่คิดเอาคืน…
ฉีซั่วเงียบไปนาน พยักหน้า เอ่ย “ไปเถิด ออกจากเมืองไปรวมตัวกับท่านแม่ทัพก่อน” เพียงกองทัพใหญ่บุกเข้าเมือง คนจวนเยี่ยนอ๋องพวกนั้นจะนับประสาอันใด
หลังจากนั้น กลุ่มของฉีซั่วจึงรีบออกเดินทางจากหยาเหมินมุ่งหน้าไปยังประตูเมือง
“ใต้เท้าฉี จะไปไหนหรือ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง ฉีซั่วนิ่งค้าง ค่อยๆ หันกลับไปมองกลุ่มคนที่ควบม้าอยู่บนถนนด้านหลังด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์ คนที่ควบนำอยู่ด้านหน้าสองคนคือเซียวเชียนจย่งและหนานกงมั่ว ม้ายังไม่ทันนิ่งสนิท เซียวเชียนจย่งก็พลิกตัวกระโดดลงจากหลังม้า พุ่งเข้าหาฉีซั่ว องครักษ์ด้านหลังรีบเข้าไปขวางหน้าเซียวเชียนจย่งเอาไว้
เซียวเชียนจย่งชักดาบออกมาและฟันไปทันที “หลบไป”
ฉีซั่วเลิกคิ้ว ยิ้มหยัน เอ่ย “เดิมทีข้าคิดว่าฝูเฟิงพลาดแล้ว ดูเหมือนตอนนี้…คงจะสำเร็จแล้ว”
เซียวเชียนจย่งถือดาบชี้ไปยังฉีซั่ว “ตาเฒ่า ข้าไม่ได้สับเจ้าเป็นชิ้นๆ ยากที่จะลดความโกรธแค้นในใจข้าได้”
ฉีซั่วพยักหน้า “หลังจากสังหารมารดา สมควรโกรธแค้นจริงๆ ฮ่าๆ น่าเสียดายที่ทั่วแผ่นดินจะไม่เอ่ยว่าข้าสังหารพระชายาเยี่ยนอ๋อง เพียงเอ่ยว่าพระชายาซื่อจื่อสังหารครอบครัวเพื่อความเป็นธรรมของประเทศ”
“อย่างนั้นหรือ” หนานกงมั่วนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยท่าทางสงบนิ่งมองฉีซั่ว เอ่ย “น่าเสียดาย…พระชายาเยี่ยนอ๋องยังมีชีวิตอยู่ เกรงว่าใต้เท้าฉีคงต้องผิดหวังแล้ว”
ฉีซี่วกลับไม่ได้ผิดหวังมากนัก หากสำเร็จแน่นอนว่าน่ายินดี พลาดแล้วก็คงต้องเป็นเช่นนั้น ฉีซั่วมองหนานกงมั่วยิ้มหยัน เอ่ย “อดีตฮ่องเต้เมตตาต่อจวิ้นจู่มาก จวิ้นจู่กลับช่วยเยี่ยนอ๋องก่อกบฏ สมแล้วที่เป็นบุตรีของหนานกงไหว”
หนานกงมั่วไม่โกรธ เอ่ยเสียงเรียบ “ชาวเมืองโยวโจวมิได้มีความแค้นอันใดกับใต้เท้าฉี ใต้เท้าฉีเองก็นำทหารเข้าเมืองทำให้พวกเขาต้องลำบากเช่นกันมิใช่หรือ”
“ข้าทำเพื่อต้าเซี่ย”
หนานกงมั่วเอ่ย “ข้ามิได้ประเสริฐอย่างใต้เท้าฉี ข้าทำเพื่อให้คนที่ข้าห่วงใยมีชีวิตต่อไปได้”
“พี่สะใภ้ จะเสียเวลากับเขาไปทำไมกัน ให้ข้าสังหารตาเฒ่านี่เถิด” เซียวเชียนจย่งเอ่ยอย่างหงุดหงิด
ฉีซั่วทะนงตน เอ่ย “ข้าตายไปก็ไม่น่าเสียดาย น่าเสียดาย…ท่านทั้งสองคงมาช้าไปเสียแล้ว”
หนานกงมั่วเอ่ย “ใต้เท้าฉีหมายถึงคนที่ท่านสั่งให้ไปเปิดประตูเมืองหรือ ท่านลองดูเสียสิ วันนี้ประตูเมืองจะเปิดได้หรือไม่ ใต้เท้าฉีร้อนรนเพียงนี้ กองหนุนของกองกำลังรักษาการณ์โยวโจวคงจะมาแล้วสินะ” สีหน้าของฉีซั่วเข้มขึ้น มุมปากกระตุกทว่ากลับไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดออกมาได้
ทหารในเมืองโยวโจวนั้นมีไม่มาก รวมทั้งหมดก็เพียงห้าหกพันคน แม้จะมากกว่าคนในจวนเยี่ยนอ๋อง แต่ว่าจวนเยี่ยนอ๋องเซียวเชียนชื่อ ฉินจื่อซวี่ หนานกงชวี่ ซิงเวย หลิ่วหันเหล่านี้ ได้นำคนลงมือไปก่อน ยึดประตูเมืองไปหลายประตูอย่างเงียบเชียบ เหล่าจวนผู้มีอำนาจเองก็ส่งองครักษ์ออกมาคุ้มกัน รอจนทหารด้านนอกพบว่าไม่ปกติ กำแพงเมืองก็ถูกเปลี่ยนคนจนหมดแล้ว
ฉีซั่วถูกคนควบคุมตัวมาตลอดทางจนถึงประตูเมือง ผู้บังคับการกองพันหนึ่งนายและผู้บังคับการกองร้อยเจ็ดแปดนายกำลังถูกควบคุมตัวรอฟังคำสั่งอยู่ด้านล่างของกำแพง
หนานกงมั่วพลิกตัวลงจากหลังม้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณชายใหญ่ พี่ใหญ่ ลำบากพวกท่านแล้ว”
ฉินจื่อซวี่ยิ้มพลางเอ่ย “จวิ้นจู่เกรงใจแล้ว เป็นหน้าที่ขอรับ”
“บาดเจ็บล้มตายหรือไม่”
“พวกเราเตรียมตัวมาก่อน บาดเจ็บล้มตายไม่มาก” หนานกงชวี่เอ่ยเสียงเรียบ แม้จำนวนคนจะสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่ลงมือไม่ทันให้ได้เตรียมการ อีกทั้งยังมีของที่คุณชายเสียนเกอเตรียมไว้ให้ไม่น้อย พวกเขาแทบไม่ได้ทำให้ทหารที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ด้านนอกต้องสงสัย ยึดเอากำแพงเมืองมาได้อย่างเงียบเชียบ
หนานกงมั่วพยักหน้า หันเหความสนใจไปหานายทหารที่ถูกควบคุมตัว
เหล่าทหารในกองทัพล้วนมีความโอหังอวดดี วันนี้ถูกควบคุมตัวมาเช่นนี้แน่นอนว่าไม่พอใจ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่เป็นผู้สั่งการตรงหน้ายังดูเหมือนจะเป็นสตรี บางคนเงยหน้าจ้องมองหนานกงมั่วเขม็ง เพียงแต่ไม่นานฝ่ามือขององครักษ์ด้านข้างก็ฟาดลงมา ถูกตบจนมึนหัวไม่มีเวลาไปมองหนานกงมั่วได้อีก
หนานกงมั่วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้บังคับการกองร้อยที่ยืนอยู่หน้าสุด เอ่ยถาม “ยอมจำนนต่อจวนเยี่ยนอ๋อง ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
“ถุย เก่งนักก็มาอย่างเปิดเผยเสียสิ หลบๆ ซ่อนๆ จะเรียกว่าผู้กล้าได้เยี่ยงไร” ผู้บังคับการกองร้อยที่สูงกว่าหนานกงมั่วก้มลงมาด่าทอ
“เอาตัวไป ฆ่าทิ้งเสีย”
องครักษ์สองคนที่กำลังควบคุมตัวเขาอยู่พาเดินไปยังมุมหนึ่งของกำแพง ยกดาบขึ้นวาดออกไป เลือดสีแดงกระเด็นเปรอะเปื้อนผนังกำแพงที่อยู่ตรงหน้า
หนานกงมั่วมองไปยังอีกคน “ยอมหรือไม่”
นายทหารที่ถูกจับจ้องกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ ไม่คาดคิดว่าเด็กสาวงดงามบริสุทธิ์ตรงหน้าจะเด็ดขาดไร้ความปรานีเสียยิ่งกว่าบุรุษด้วยซ้ำ เพียงประโยคเดียวก็สั่งตัดหัวแล้ว เห็นเพียงสายตาสงบนิ่งของหนานกงมั่วที่มองมายังพวกเขา ข้าจะป้องกันเมือง แต่ข้าไม่มีคน หากพวกเจ้าไม่ยอม ข้าคงต้องสังหารพวกเจ้าทั้งหมด ข้าคงไม่อาจป้องกันเมืองด้านหน้าแล้วยังมีคนคอยวุ่นวายอยู่ข้างหลัง แล้วยังต้องใช้เสบียงเลี้ยงศัตรูนับพันหรอกใช่หรือไม่
ผู้บังคับการกองพันที่ตำแหน่งสูงที่สุดกัดฟัน เอ่ย “ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะกล้าสังหารทุกคน” ทหารหลายพันคน บนสนามรบเจ้าตายข้าอยู่คนมากมายเพียงใดก็ไม่มีใครสน แต่ตอนนี้พวกเขาล้วนถูกควบคุมตัว สังหารนักโทษนั้นเป็นโชคร้าย
หนานกงมั่วนิ่งเฉย “เจ้าลองดูสิว่าข้ากล้าหรือไม่ เอาตัวไป ฆ่าทิ้งเสีย”
องครักษ์สองคนก้าวขึ้นมาด้านหน้า ประกบซ้ายขวาควบคุมตัวผู้บังคับการกองพัน
“ช้าก่อน” สีหน้าของผู้บังคับการกองพันผู้นั้นเปลี่ยนไป กัดฟันเอ่ย “ข้ายอม” เขารู้ว่าสตรีตรงหน้าไม่ได้ล้อเล่น หากเขายืนยันต่อไป นางก็จะสังหารเขาจริงๆ
หนานกงมั่วพยักหน้าพึงพอใจ มองไปยังคนที่เหลือ สำหรับหลายเรื่อง เมื่อมีคนเป็นผู้นำหลังจากนั้นก็แทบไม่มีอันใดที่ตัดสินใจได้ยากแล้ว ผ่านไปไม่นานผู้บังคับการกองร้อยทั้งหลายจึงยกมือขึ้นประสาน “น้อมรับคำสั่งของจวิ้นจู่”
“ดีมาก” หนานกงมั่วพยักหน้า หันกลับไปมองฉีซั่ว “ใต้เท้าฉี คนอื่นตายอย่างไรก็ดีกว่าตนเองตาย ท่านว่าใช่หรือไม่”
ฉีซั่วยิ้มหยัน เบนหน้าหนีไม่มองหนานกงมั่วอีก
หนานกงมั่วเองก็ไม่สนใจ หันกลับไปมองเซียวเชียนจย่ง “เชียนชื่อ เชียนจย่ง พี่ใหญ่ เรื่องป้องกันเมืองคงต้องรบกวนพวกท่านแล้ว”