หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 764 พายุเริ่มก่อตัว (1)
ตอนที่ 764 พายุเริ่มก่อตัว (1)
พระชายาเยี่ยนอ๋องโบกมือเอ่ย “ช่างเถิด ใครไม่รู้บ้างว่านับตั้งแต่เด็กทั้งสองคลอดออกมา คุณชายเสียนเกอก็กลายเป็นแขกประจำของเรือนชิงมั่ว นับว่าเป็นวาสนาของน้องห้า คนทั่วไปอยากหาโอกาสเชิญคุณชายเสียนเกอยังทำมิได้เลย” คุณชายเสียนเกอมิใช่คนที่จะเชิญได้ง่ายๆ เมื่อครั้งมาตรวจอาการป่วยให้ท่านอ๋องนั่นก็เป็นเพราะเห็นแก่หน้าหนานกงมั่ว นอกจากนั้นแล้ว ยังมีซุนเหยียนเอ๋อร์ที่ได้รับผลพลอยได้นี้ไปด้วย หลายวันก่อนเพราะคุณชายเสียนเกออารมณ์ดีจึงได้ช่วยตรวจชีพจรให้ ออกใบสั่งยาบำรุงให้ คุณชายใหญ่ฉินผู้นั้นที่มาจากจินหลิงยังไปเชิญด้วยตนเองสองสามวันครั้งเพื่อให้เขาช่วยรักษาน้องสาว
องค์หญิงฉังผิงมองหลานที่ถูกเลี้ยงจนตัวอ้วนขาว ใบหน้ายิ้มแย้มออกมา “รีบไปเชิญคุณชายเสียนเกอเข้ามา”
คุณชายเสียนเกอยังคงหล่อเหลา ดูอ่อนโยนและงามสง่า มองเห็นพระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิงก็เพียงยกมือประสานเพื่อการคารวะเท่านั้น ไม่ว่าจะเพราะเด็กทั้งสองหรือเพราะบุตรชายบุตรสะใภ้ องค์หญิงฉังผิงให้ความสำคัญต่อหมอเทวดาผู้นี้เป็นอย่างมาก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเสียนเกอไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่งเถิด”
คุณชายเสียนเกอเอ่ยขอบคุณ เดินมานั่งลงด้านข้างหนานกงมั่ว
หนานกงมั่วไม่เกรงใจต่อศิษย์พี่ เลิกคิ้วพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่มาได้อย่างไร มาเพื่อเยาเยาและอานอานอีกหรือเจ้าคะ”
คุณชายเสียนเกอกลอกตาไม่สนใจท่าทีสง่างามของตน ราวกับไม่กลัวเสียภาพลักษณ์คุณชายเทวดาต่อหน้าผู้คนภายนอก เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ทำไมหรือ ข้ามาดูไม่ได้แล้วอย่างนั้นหรือ เจ้ารู้หรือไม่ มีคนมากมายอยากเชิญข้าแต่ก็ไม่อาจเชิญได้”
หนานกงมั่วปิดริมฝีปากหัวเราะ เอ่ยตอบ “ศิษย์พี่อยากมาเยี่ยมแน่นอนว่าไม่มีปัญหา แต่หากศิษย์พี่ต้องการอย่างอื่นคงเป็นไปไม่ได้”
คุณชายเสียนเกอกัดฟัน “สตรีที่แต่งออกเรือนเป็นดั่งน้ำที่สาดออกไปเสียจริง ยังไม่ทันไรก็เข้าข้างเว่ยจวินมั่วเจ้าเด็กนั่นไปเสียแล้ว”
หนานกงมั่วไม่รู้สึกละอายใจ “ลูกก็คลอดแล้ว ไม่เข้าข้างเขาจะให้ไปเข้าข้างใครเล่า”
คุณชายเสียนเกอปวดใจกับศิษย์น้องที่เข้าข้างคนอื่น ส่งเสียงไม่พอใจอยู่ในลำคอ สายตาเย่อหยิ่งมองไปยังศิษย์น้องของตนเอง “คุณชายอย่างข้ายอมรับเด็กๆ ของเจ้ามาเป็นศิษย์ นับเป็นวาสนาของพวกเขา”
หนานกงมั่วยักไหล่ “ท่านเอ่ยกับข้าไม่มีประโยชน์ เอาชนะเว่ยจวินมั่วให้ได้แล้วจะฟังท่านทุกอย่างเลย”
ผู้คนรอบข้างเข้าใจในทันใดว่าพวกเขากำลังคุยอันใดกันอยู่ พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นตกใจ “คุณชายเสียนเกออยากรับเยาเยาและอานอานไปเป็นลูกศิษย์หรือ” ด้วยสถานะและวิชาการแพทย์ของคุณชายเสียนเกอ หากเขายอมสอนแน่นอนว่าย่อมมีคนมากมายเข้ามากราบเขาเป็นอาจารย์ ทว่าด้วยความสำคัญของเว่ยจวินมั่วต่อเยี่ยนอ๋อง เกรงว่าคงไม่มีทางยอมให้อานอานไปเป็นหมอ ต่อให้เป็นหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงคับฟ้าก็ตาม
ในสายตาของเยี่ยนอ๋อง การเป็นหมอมิใช่อนาคตที่เขาจะยอมรับได้ ไม่เกี่ยวกับการเลือกปฎิบัติ เพียงแต่ให้ความสำคัญมากเกินไป
องค์หญิงฉังผิงกลับไม่สนใจว่าอนาคตเด็กๆ จะไปทำอันใด ขอเพียงอยู่อย่างสงบสุขก็พอแล้ว เรียนวิชาการแพทย์ก็ไม่มีสิ่งใดไม่ดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลกับร่างกาย ยิ่งไม่ต้องไปกังวลการแย่งชิงแผนการร้ายอันใดเหล่านั้น เพียงแต่ในเมื่อบุตรชายและบุตรสะใภ้ไม่เห็นด้วย แน่นอนว่าองค์หญิงฉังผิงเองก็ไม่เอ่ยปาก
คุณชายเสียนเกอกัดฟันจ้องมองศิษย์น้องเขม็ง หากเขาสามารถเอาชนะเว่ยจวินมั่วได้เขาจะมาตอแยนางอยู่เช่นนี้หรือ
ดวงตาคุณชายเสียนเกอกลอกไปมา ยิ้มตาหยีมองหนานกงมั่ว เอ่ย “ข้าเอาชนะเว่ยจวินมั่วไม่ได้ แต่ว่า…ก็ยังมีคนที่สามารถเอาชนะเขาได้นี่ ศิษย์น้อง เจ้าคงไม่อยากให้อาจารย์ลงมือเองหรอกใช่หรือไม่” หนานกงมั่วเองไม่ร้อนใจ ยิ้มร่าพลางเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ หากอาจารย์อาลงมือเอง เช่นนั้นเยาเยาและอานอานจะเป็นของท่านหรืออาจารย์อากันเล่า” เรื่องที่อาจารย์อาแค้นที่สุดในชีวิตก็คือการรับลูกศิษย์ไม่ได้เรื่อง แม้ยามนี้จะยังไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองจะเติบโตมาอย่างไร แต่ว่ามีนางและเว่ยจวินมั่วเป็นพ่อแม่ แน่นอนว่าไม่แย่ อาจารย์อาไม่ได้เอ่ย เกรงว่าคงเพราะเด็กๆ ยังเล็ก ตอนนี้ถึงจะรับศิษย์ไป ก็คงสอนสิ่งใดยังไม่ได้
คุณชายเสียนเกอถอนหายใจ เขาเพียงอยากรับลูกศิษย์ที่น่ารักก็เท่านั้น มีอันใดยุ่งยากเพียงนี้กันเล่า หันกลับไปมองเด็กน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้านข้าง หากหนานกงมั่วไม่ได้นั่งอยู่ข้างๆ เขาคงยื่นมือไปแย่งมาแล้ว เห็นศิษย์พี่ของตนจ้องตาเป็นมันก็อดหัวเราะเสียงเบาออกมาไม่ได้ “ศิษย์พี่ ในเมื่อท่านชอบเด็กเพียงนี้ไยจึงไม่มีเองสักคนเล่า คุณชายเสียนเกอยอดเยี่ยมทั้งเพลงฉินวิชาการแพทย์ เด็กที่เกิดขึ้นมาแน่นอนว่าต้องฉลาดน่ารัก พอดีจะได้เป็นเพื่อนเยาเยากับอานอานด้วย”
คุณชายเสียนเกอลูบจมูก เงยหน้าขึ้นมองหลังคาทำราวกับตนเองไม่ได้ยินอันใด
เด็กหรือ…รู้สึกว่าลูกของคนอื่นน่ารักอยากเอามาเล่นก็พอแล้ว ส่วนการให้ตนเองไปแต่งงานมีลูก คุณชายเสียนเกอแสดงออกมาว่าเขาไม่ได้เตรียมตัว
สำหรับความคิดของคุณชายเสียนเกอ หนานกงมั่วย่นจมูก อย่างกับว่าท่านตั้งครรภ์คลอดลูกเองอย่างไรอย่างนั้น
คุณชายเสียนเกอเองก็รู้ ทะเลาะกับศิษย์น้องของตนเองเรื่องนี้เขาไม่เคยได้เปรียบ ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่อาจเอาชนะได้ แต่ว่า…เป็นบุรุษจะมาทะเลาะกับศิษย์น้องของตนคอเป็นเอ็นไปเพื่ออันใด ช่างไม่สง่างามเอาเสียเลย ส่วนเรื่องของเด็กๆ เขาไม่รีบร้อน กว่าเด็กๆ ทั้งสองจะเริ่มเรียนรู้ได้นี่ยังเร็วไป ไม่แน่ว่าถึงตอนนั้นใครจะขอร้องใคร ส่วนทำไมต้องมาบ่นกับหนานกงมั่วให้ได้ นั่นเพราะเสียเปรียบต่อเว่ยจวินมั่ว จึงมาหาคนระบายอารมณ์ก็เท่านั้น
คุณชายเสียนเกอลูบปลายคาง ทันใดนั้นจึงดีดนิ้วพลางเอ่ยขึ้นว่า “เพราะต้องมาโมโหเด็กอย่างเจ้า คุณชายอย่างข้าเลยลืมเรื่องสำคัญไป”
หนานกงมั่วไม่ใส่ใจ “ท่านจะมีเรื่องสำคัญอันใดได้” เรื่องจริงจังในชีวิตของศิษย์พี่ก็คงเป็นการรักษาคนไข้ น่าเสียดายคนที่น่าสนใจให้เขาได้รักษานั้นมีน้อย ส่วน…เรื่องจริงจังนั้นในชีวิตนี้คุณชายเสียนเกอมีเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้น
คุณชายเสียนเกอยิ้มตาหยี เอ่ย “เมื่อครู่ที่ข้าเข้าเมืองมา คล้ายว่านอกเมืองกำลังมีการเคลื่อนกำลังพลทหาร นับว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือไม่”
หนานกงมั่วตื่นตกใจ หันมองไปทางพระชายาเยี่ยนอ๋องด้วยความลังเล หลายวันมานี้นางไม่ยุ่งเกี่ยวกับการปกครอง มีเพียงผู้คนที่รุมล้อมคอยปรนนิบัติ ไหนเลยจะรู้เรื่องการทหารนอกเมืองโยวโจว พระชายาเยี่ยนอ๋องขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยอย่างงุนงง “การคุ้มกันเมืองโยวโจวนั้นมีค่ายบัญชาการเมืองโยวโจวและหยาเหมินของผู้ว่าการโยวโจวคอยดูแลมาโดยตลอด เพียงแต่…ท่านอ๋องมีการส่งทหารหรือไม่…” พระชายาเยี่ยนอ๋องเองก็ไม่แน่ใจ การปกป้องเมืองโยวโจวเป็นแนวปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยอดีตฮ่องเต้ และนับว่าเป็นการร่วมมือและถ่วงดุลกันระหว่างผู้ปกครองเมืองและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ทหารของเยี่ยนอ๋องนั้นมีจำนวนมากกว่ากองกำลังของราชสำนัก แต่ว่าจวนเยี่ยนอ๋องนั้นตั้งอยู่ในเขตเมืองโยวโจวที่มีการรักษาการณ์โดยกองกำลังของราชสำนัก เพราะเช่นนี้ทุกคนจึงวางใจ อยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข
สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในยามที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีปัญหาต่อกันนั่นไม่เป็นไร แต่ว่าเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ กลับไม่มีประโยชน์อันใด อย่างมากก็ดูว่าใครลงมือรวดเร็วยิ่งกว่า ใครจะโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเพียงเท่านั้น
ยามนี้สถานการณ์ไม่ปกติ เรื่องเช่นนี้แน่นอนว่าไม่อาจละเลยไม่ใส่ใจได้ แต่พระชายาเยี่ยนอ๋องไม่รู้เรื่องเหล่านี้นัก ขมวดคิ้วพลางเอ่ยสั่ง “ไปเชิญซื่อจื่อและคุณชายสามมา” เยี่ยนอ๋องไม่อยู่ไปลาดตระเวนเขตชายแดน เซียวเชียนเหว่ยเองก็ติดตามไปด้วย คนที่ยังอยู่ในเมืองมีเพียงเซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนจย่ง ยามนี้ธุระในจวนส่วนใหญ่มีเซียวเชียนชื่อคอยจัดการ