หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 515 คืนแห่งการเปลี่ยนแปลง (1)
ตอนที่ 515 คืนแห่งการเปลี่ยนแปลง (1)
เอ่ยถึงเฉียวเย่ว์อู่ สีหน้าของเฉียวเฟยเยียนพลันเปลี่ยนไป “ท่านทำอันใดกับนาง”
หนานกงชวี่เอ่ย “ข้าคิดว่า… ผู้หญิงอย่างเจ้าจะไม่สนใจอันใดเลยเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะสนใจ เฉียวเย่ว์อู่น่ะหรือ เจ้าไม่ต้องห่วง ตอนนี้นางอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุกในโลกนี้ วังหลวง”
“ท่านส่งนางไปให้หนานกงซูหรือ” เฉียวเฟยเยียนอยากจะลุกขึ้น แต่น่าเสียดายร่างกายที่เพิ่งจะแท้งลูกของนางนั้นอ่อนแอ จึงล้มกลับลงไปบนเตียงอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าหนานกงชวี่ไม่สนใจเรื่องของเฉียวเย่ว์อู่ เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เฉียวฮูหยินรู้หรือไม่ว่าข้ามาหาเจ้าทำไม”
“เจ้าจะทำอะไรกันแน่” เฉียวเฟยเยียนกัดฟัน
หนานกงชวี่เลิกคิ้ว “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าอยากจะมาเตือนเจ้า…ตระกูลเมิ่ง”
ตระกูลเมิ่งหรือ
รูม่านตาของเฉียวเฟยเยียนหรี่แคบลง มองหนานกงชวี่ด้วยสายตาหวาดหวั่น ทว่าก็ถูกนางเก็บซ่อนเอาไว้อย่างรวดเร็ว แล้วมองหนานกงชวี่พลางยิ้มอย่างอ่อนโยน “ตระกูลเมิ่ง…เกิดอันใดขึ้น” หนานกงชวี่มอง เฉียวเฟยเยียนแล้วยิ้มด้วยความสนใจ หนานกงชวี่ไม่ใช่คนชอบยิ้ม ดังนั้นเมื่อเขายิ้มมันจึงทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
หนานกงชวี่เอ่ย “เฉียวฮูหยินอยากจะยื้อเวลาเช่นนั้นหรือ เช่นนั้น…เจ้าคงจะผิดหวัง ไม่ต้องเอ่ยว่าวันนี้ข้ามาถามเจ้าที่เรือนของเจ้า ต่อให้ข้าจะฆ่าเจ้า ท่านพ่อก็ไม่มีทางกลับมาในตอนนี้ เจ้าคงรู้ดีว่าท่านพ่อเป็นคนเช่นไร เจ้าคิดว่าเขาจะยอมทุกอย่างเพื่อเจ้าเช่นนั้นหรือ”
ไม่มีทาง! เฉียวเฟยเยียนเอ่ยเถียงในใจ เพราะนางรู้จักเขาดี นางจึงกลัวและโมโห
“ชวี่เอ๋อร์… ข้าไม่เข้าใจว่าท่านเอ่ยอันใด” เฉียวเฟยเยียนหลุบตาลงเอ่ยเบาๆ
หนานกงชวี่ยิ้มหยัน “ไม่เข้าใจหรือ เช่นนั้น…สิ่งนี้เจ้ารู้จักหรือไม่” หนานกงชวี่ยื่นมืออกไป ในมือมีจดหมายสีเหลือง ลายมือบนจดหมายทำให้เฉียวเฟยเยียนตกใจ เผลอเอ่ยถาม “ทำไมของสิ่งนี้ถึงมาอยู่ในมือของท่าน” หนานกงชวี่เอ่ยเสียงเรียบ “ที่นี่คือจวนฉู่กั๋วกง นายหญิง…ของที่นี่คือท่านแม่ของเข้า หากเจ้าอยากซ่อนสิ่งของใด เจ้าก็ไม่ควรนำเข้ามาในจวนฉู่กั๋วกง”
“สาวใช้ในเรือนของข้า…” เฉียวเฟยเยียนกัดฟัน
หนานกงชวี่มองนางด้วยความสงสาร “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมเจิ้งซื่อถึงมีอำนาจในจวนฉู่กั๋วกงมานานเป็นสิบปี แต่จู่ๆ กลับเสียชีวิตไปอย่างเงียบๆ”
“ท่านฆ่านาง”
หนานกงชวี่ไม่ตอบ แต่เอ่ยเรื่องอื่น “ถึงแม้เจิ้งซื่อจะจากไปแล้ว แต่กลับทิ้งสิ่งของดีๆ ไว้ให้ข้า และก็ทำให้ข้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านแม่เอ่ยในตอนนั้น”
“เมิ่ง…พี่สาวเอ่ยอันใด”
หนานกงชวี่เอ่ย “ท่านแม่บอกว่า…เจิ้งซื่อดูเป็นคนฉลาด แต่จริงๆ แล้วโง่เขลา จวนฉู่กั๋วกงมีคนเช่นนี้ดูแลจวน สำหรับข้าแล้วมิใช่เรื่องเลวร้ายอันใด ถึงแม้ข้าจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของท่านแม่ แต่ว่า…สุดท้ายเจิ้งซื่อก็ได้เสียสละคุณค่าของนาง ทำให้ข้ารู้ว่า…ข้าตัดสินใจถูกที่ไม่กำจัดนางตั้งแต่ตอนนั้น”
เฉียวเฟยเยียนมองหนานกงชวี่ด้วยสายตาหวาดระแวง ราวกับกลัวว่าเขาจะพุ่งเข้ามาบีบคอตัวเองตาย สีหน้าของหนานกงชวี่นิ่งเรียบ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทั้งๆ ที่ภูมิหลังของเจิ้งซื่อต่ำต้อย แต่ทำไมนางถึงได้เป็นจวนฉู่กั๋วกงฮูหยิน”
เฉียวเฟยเยียนส่ายหน้า นางไม่รู้จริงๆ ตอนแรกที่หนานกงไหวเปลี่ยนไปรักผู้อื่น ถึงแม้นางจะรู้สึกโกรธ แต่กลับสมน้ำหน้าเมิ่งซื่อมากกว่า ทว่าหลังจากที่กลับมาถึงเมืองจินหลิงแล้ว เห็นท่าทีของหนานกงไหวหลังก่อนที่เจิ้งซื่อจะเสียชีวิต นางย่อมรู้ว่าหนานกงไหวไม่ได้รักเจิ้งซื่อมากเพียงนั้น หนานกงชวี่เอ่ย “เพราะเจิ้งซื่อบังเอิญได้รับจดหมายครึ่งฉบับ และเนื้อหาในจดหมายก็เกี่ยวข้องกับท่านพ่อและเจ้า แน่นอน…เจิ้งซื่อคงไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในจดหมายคือพระชายาหวาหนิงจวิ้นอ๋อง หากเจ้ายังนึกไม่ออก ข้าเตือนเจ้าให้ก็ได้ เรื่องเมื่อสิบเก้าปีก่อน เจ้าคงจำได้ไม่ลืมใช่หรือไม่ เพราะว่า เจ้าแต่งงานกับหวาหนิงจวิ้นอ๋องปีนั้นมิใช่หรือ”
“ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังเอ่ยอันใด” เฉียวเฟยเยียนอดเอ่ยขึ้นมาไม่ได้
หนานกงชวี่หรี่ตาลง “เอ่ยดีๆ ไม่ชอบ เมื่อหกปีก่อน เจ้าเป็นคนสั่งคนโยนมั่วเอ๋อร์เข้าไปในหมู่บ้านโจรใช่หรือไม่ ในเมื่อเจ้าอยากเป็นฮูหยินแห่งหมู่บ้านโจรขนาดนั้น ไม่สู้ข้าส่งเจ้าไปลองดูดีหรือไม่ แต่ว่า…เจ้าแก่ขนาดนี้แล้ว เกรงว่าคงไม่มีโจรเฒ่าคนไหนอยากแต่งเจ้าเป็นฮูหยิน เช่นนั้น…โจรนับสิบหรือหลายร้อยคน ไม่รู้ว่าเฉียวฮูหยินจะทนไหวหรือไม่”
เฉียวเฟยเยียนรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว นางมองหนานกงชวี่ด้วยสายตาที่ราวกับเห็นผี ถึงแม้ว่าหนานกงชวี่จะไม่เคยมีมารยาทต่อพวกนางสามแม่ลูก หรือถึงขั้นขู่ว่าจะฆ่าเฉียวเชียนหนิง แต่นางก็ไม่เคยรู้สึกว่าหนานกงชวี่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน
“ท่าน…ท่านกล้า”
หนานกงชวี่ยิ้มบางทว่าไม่เอ่ยอันใด เฉียวเฟยเยียนกลับตัวสั่นเทา นางรู้ว่าหนานกงชวี่กล้าทำจริงๆ ตอนนี้หนานกงไหวไม่อยู่ที่จวน คนทั้งจวนฉู่กั๋วกงไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของหนานกงชวี่ หากเขาจะทำอันใดนาง ใครก็ช่วยไม่ได้ และถึงแม้หนานกงไหวจะกลับมาก็คงสายเกินไปแล้ว
“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่” เฉียวเฟยเยียนกัดฟัน
หนานกงชวี่เอ่ย “เล่าเรื่องตอนนั้นให้ข้าฟัง จากนั้น…เขียนมันให้ชัดเจน”
เฉียวเฟยเยียนอยากจะปฏิเสธโดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อมองดูสายตาเย็นชาและโหดเหี้ยมของ หนานกงชวี่ กลับเอ่ยออกไปไม่ได้ ได้ยินหนานกงชวี่เอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าสามาถปฏิเสธ…แต่ว่าข้าคิดว่าเจ้าคงไม่อยากรู้ผลที่ตามมาหากเจ้าปฏิเสธข้า”
“ข้าไม่รู้”
“เช่นนั้นข้าคงต้องจัดการเจ้าในฐานะฆาตกรที่ตั้งใจจะทำลายน้องสาวของข้า” หนานกงชวี่ เอ่ยอย่างใจเย็น “ตอนนี้คงหาตัวโจรไม่เจอแล้ว ไม่สู้หาบ่าวรับใช้สักสองสามคนแก้ขัดไปก่อนดีหรือไม่ ไม่ต้องห่วง ข้าจะเรียกลูกชายของเจ้ามาดูด้วย”
“เจ้าปีศาจ” เฉียวเฟยเยียนสีหน้าซีดขาว นางกรีดร้อง สายตาของหนานกงชวี่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต เอ่ยอย่างเย็นชา “หากเทียบกับสิ่งที่พวกเจ้าทำยามนั้นเล่า”
สีหน้าของเฉียวเฟยเยียนซีดขาว เอ่ยอันใดออกมาไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าหนานกงชวี่หมดความอดทนรอ เขาหันหลับกลับเอ่ยสั่งไปทางประตู “ไปเรียกเฉียวเชียนหนิงมา”
“ขอรับคุณชายใหญ่”
เฉียวเชียนหนิงมาเองโดยที่ไม่มีใครไปเรียก ที่จริงแล้วหลังจากเขาได้ยินว่าหนานกงชวี่บุกเข้ามาในเรือนขอเฉียวเฟยเยียนก็รีบมาที่นี่ในทันที ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงร้องของเฉียวเฟยเยียน เฉียวเชียนหนิงจึงรีบเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว “หนานกงชวี่เจ้าจะทำอันใดท่านแม่ข้า” หนานกงชวี่หันกลับมา ยิ้มเย้ยหยัน “หญิงแก่ที่ผ่านผู้ชายมาแล้วไม่รู้กี่คน ข้าจะทำอันใดกับนางเล่า”
สีหน้าของเฉียวเชียนหนิงทะมึน พุ่งตัวเข้ามาหาหนานกงชวี่ แต่ข้างหลังเขา มีองครักษ์สองคนขวางทางเอาไว้ทั้งซ้ายและขวา เฉียวเชียนหนิงมองหนานกงชวี่ด้วยความโมโห “หนานกงชวี่ ได้ยินว่าท่านพ่อจะให้ข้าเป็นซื่อจื่อ เจ้ากลัวใช่หรือไม่ รังแกผู้หญิง เจ้าไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
หนานกงชวี่ไม่ได้โมโห หันไปมองเฉียวเฟยเยียนแล้วจึงเอ่ย “เรียกท่านพ่อได้คล่องเพียงนี้ ไม่รู้ว่าหวาหนิงจวิ้นอ๋องที่อยู่ใต้ดินจะรู้สึกเช่นไร แล้วอีกอย่างเฉียวฮูหยิน เจ้าแน่ใจหรือว่าเฉียวเชียนหนิงคือลูกของท่านพ่อจริงๆ”