หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 305 ความจริงของการบาดเจ็บ (2)
ตอนที่ 305 ความจริงของการบาดเจ็บ (2)
หมอหลวงทั้งสองไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ยขึ้น “หากมีโอสถทิพย์บำรุงร่างกาย ไม่แน่อาจจะดีขึ้นได้พ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจวินมั่วหลุบตาลง เอ่ยถามเสียงเรียบ “ผลหลิงหลงได้ผลหรือไม่”
หมอหลวงชะงัก รีบเอ่ย “แน่นอนว่าผลหลิงหลงใช้ได้ขอรับ แม้แต่ร่างกายที่อ่อนแอขององค์รัชทายาทยังช่วยกลับคืนมาได้ หากมีผลหลิงหลงคอยช่วย พระชายาซื่อจื่อต้องกลับมาเป็นปกติได้แน่ขอรับ” เพียงแต่ผลหลิงหลงหาได้ง่ายขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อใดเล่า เว่ยจวินมั่วหันกลับมาหาจูชูอี้ จูชูอวี้รีบเอ่ย “ซื่อจื่อได้โปรดอภัย ผลหลิงหลง…ตระกูลจูมีเพียงผลเดียวเจ้าค่ะ เมื่อมาถึงมือท่านพ่อก็รีบนำมายังจวนรัชทายาทเลย”
เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้วมุ่น “ตระกูลจูได้ผลหลิงหลงมาจากที่ใด”
จูชูอวี้ถอนหายใจ เอ่ยขึ้นท่าทางเสียดาย “คนเก็บสมุนไพรเก็บได้ในหุบเขาลึกเจ้าค่ะ ตอนนั้นบนต้นก็เหลือเพียงผลนั้นเพียงลูกเดียว เดิมคนเก็บสมุนไพรไม่รู้จัก เพียงเห็นว่ามันดูแปลกประหลาดจึงเก็บกลับมาด้วย ครั้งหน้า…” ต่อให้อยากได้อย่างไรก็ต้องรอถึงสิบปี อีกทั้งยังไม่อาจมั่นใจได้ว่าหลังจากนี้สิบปีผลหลิงหลงจะสุกได้โดยปลอดภัย
ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้องชั่วครู่ ผลหลิงหลงในจวนรัชทายาทผลนี้แน่นอนว่าต้องเก็บไว้ให้องค์รัชทายาท อย่าว่าแต่หนานกงมั่วได้รับบาดเจ็บ ต่อให้หนานกงมั่วใกล้ตายก็ไม่มีใครกล้าใช้มัน จูชูอวี้มองไปยังทุกคนที่อยู่ในห้อง ลังเลอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ยเสียงเบาออกมา “ความจริง…เกรงว่าองค์รัชทายาทคงใช้ไม่หมดทั้งผลหรอกเจ้าค่ะ”
หมอหลวงชะงัก เข้าใจทันที เอ่ยสนับสนุน “คุณหนูผู้นี้เอ่ยไม่ผิด ตามใบสั่งยาของพระชายาซื่อจื่อ สามวันองค์รัชทายาทจึงจะใช้ผลหลิงหลงได้หนึ่งส่วน แต่ว่า แต่ว่าผลหลิงหลงที่ถูกปอกแล้วจะเก็บได้เพียงไม่กี่วัน เอ่อ…” แต่ว่า ใครกล้าไปถามกับฮ่องเต้เล่า
เว่ยจวินมั่วลุกขึ้น “ดูแลพระชายาซื่อจื่อด้วย เดี๋ยวข้ากลับมา”
มองเขาที่เดินออกไปจากห้องโดยไว ทุกคนต่างก็ตกตะลึง พระชายาเย่ว์จวิ้นอ๋องลูบครรภ์ที่เห็นชัดของตน ถอนหายใจออกมา “ซื่อจื่อจะไปขอยาเพื่อพระชายาซื่อจื่อหรือ พระชายาซื่อจื่อช่างโชคดีเหลือเกิน”
“โชคดีมากจริงๆ เจ้าค่ะ” จูชูอวี้เอ่ยเสียงเบาพลางถอนหายใจ มองหญิงสาวที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง มีความอิจฉาปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า
หนานกงมั่วที่อยู่บนเตียงเบ้ปากอยู่ในใจ อิจฉาบ้าอะไรกัน เจ้าบ้านั่นอยู่ดีไม่ว่าดีก็ใช้วรยุทธรังแกคน ตอนนี้แม้แต่ขยับตัวข้ายังทำไม่ได้เลย
ณ ห้องโถงนอกห้องนอนขององค์รัชทายาท เพิ่งได้รับข่าวว่าองค์รัชทายาทดีขึ้นแล้วฮ่องเต้จึงพ่นลมหายใจออกมาด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ใบหน้าเคร่งเครียดมองเว่ยจวินมั่วที่ยืนอยู่ตรงหน้า เอ่ยถาม “เจ้าอยากได้ผลหลิงหลงอย่างนั้นหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่านั่นเอาไว้ช่วยชีวิตองค์รัชทายาท”
เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “ทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทใช้เพียงครึ่งเดียวก็เพียงพอ ไม่มีผลกระทบต่ออาการป่วยขององค์รัชทายาทอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วไม่เอ่ยสิ่งใด บรรดาหมอหลวงรู้สึกขอบคุณหนานกงมั่วที่ช่วยชีวิตพวกเขาอยู่ในใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกละอายต่ออาการบาดเจ็บภายในของหนานกงมั่ว จึงรีบเอ่ยขึ้น “ทูลฝ่าบาท ซื่อจื่อกล่าวไม่ผิดเลยพ่ะย่ะค่ะ ร่างกายขององค์รัชทายาทอย่างมากก็ใช้ผลหลิงหลงได้เพียงครึ่งเดียวจึงจะเป็นผล หากมากไปกว่านั้นอาจกลายเป็นโทษโดยไร้ประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายขององค์รัชทายาทต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ผลหลิงหลงที่เก็บในกล่องหยกนั้น ฤทธิ์ทางยาของมันสามารถอยู่ได้เพียงเจ็ดวันเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงฉังผิงที่ได้ยินข่าวและรีบตามมา ลุกขึ้นพลางเอ่ย “ลูกอ้อนวอนเสด็จพ่อ ได้โปรดช่วยอู๋สยาด้วยนะเพคะ”
เรื่องหนานกงมั่วยื่นมือเข้ามาช่วยองค์รัชทายาทนั้น องค์หญิงฉังผิงตกใจจนเหงื่อตก ไม่ใช่ว่านางไม่เป็นห่วงพี่ชาย แต่เป็นเพราะความเป็นความตายขององค์รัชทายาทนั้นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นอู๋สยาหรือเว่ยจวินมั่วนางก็ไม่ต้องการให้พวกเขาเข้ามาข้องเกี่ยว แต่องค์หญิงฉังผิงรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้จะโทษเด็กทั้งสองก็คงไม่ได้ ในเมืองจินหลิง ขอเพียงเสด็จพ่อออกคำสั่ง ใครกล้าไม่ทำตามบ้าง
มองสายตาอ้อนวอนขององค์หญิงฉังผิง ฮ่องเต้จึงถอนหายใจ “ช่างเถิด เด็กคนนั้นช่วยชีวิตองค์รัชทายาทเอาไว้ เชื้อพระวงศ์เช่นเราจะตอบแทนพระคุณด้วยความแค้นหรืออย่างไร หมอหลวงนำผลหลิงหลงที่เหลืออยู่มอบให้เว่ยจวินมั่วเสีย”
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอเพียงส่วนหนึ่งก็พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ นอกจากนั้น…อู๋สยาบอกว่าผลหลิงหลงนั้นมีประโยชน์ต่อพระวรกายของฝ่าบาทเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่อย่าใช้มากเกินไปทางที่ดีใช้เพียงไม่กี่วันก็พอแล้ว แต่ละครั้งห้ามใช้เนื้อผลหลิงหลงเกินหนึ่งเฉียน[1]” ฮ่องเต้พยักหน้า เอ่ย “นางช่างใส่ใจ ไปเถิด”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” เว่ยจวินมั่วลุกขึ้น เดินตามหมอหลวงไปรับผลหลิงหลง
ห้องโถงเหลือเพียงองค์หญิงฉังผิงและพระชายารัชทายาทที่อยู่กับฮ่องเต้ ไม่นานฮ่องเต้จึงหันไปเอ่ยกับองค์หญิงฉังผิง “จวินมั่วช่างรักเด็กหนานกงเหลือเกิน”
องค์หญิงฉังผิงหลุบตาลง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อู๋สยาและจวินมั่วนิสัยเข้ากันได้ดีเพคะ พวกเขารักกันลูกก็วางใจแล้ว”
ฮ่องเต้พยักหน้า เอ่ย “ครั้งนี้องค์รัชทายาทพ้นขีดอันตรายได้ เป็นเพราะอู๋สยาแล้ว เจ้าว่ามาสิ ข้าจะให้อะไรเป็นของขวัญแก่นางดี” องค์หญิงฉังผิงยิ้ม “พี่ใหญ่ปลอดภัยได้เป็นโชคดีของพี่ใหญ่แล้วเพคะ นางเพียงเข้ามาโดยบังเอิญเท่านั้น ไหนเลยจะกล้าขอเสด็จพ่อประทานรางวัลเล่า แต่ว่า…ผู้ที่นำยามาถวายนั่นจึงสมควรประทานรางวัล หากมิใช่เพราะมีผลหลิงหลงยาวิเศษเช่นนี้ อู๋สยาจะมีความสามารถช่วยเหลือพี่ใหญ่ได้หรือเพคะ”
ฮ่องเต้ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ คิ้วคลายออก เอ่ย “ตระกูลจูก็ต้องให้รางวัล อู๋สยาเองก็ต้องให้” ทว่าความสนใจต่อวิชาการแพทย์ของหนานกงมั่วนั้นลดลงไปมาก หากไม่มีผลหลิงหลงหนานกงมั่วเองก็ไร้ความสามารถสินะ ฝีมือการแพทย์ของหนานกงมั่วก็อาจไม่ได้ดีไปกว่าหมอหลวงในราชสำนักมากนัก เพียงท่องอยู่ในยุทธภพจึงได้เปิดโลกมากกว่ารวมไปถึงมีวรยุทธด้วยก็เท่านั้น เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ คงไม่ต้องไปแย่งหมอกับครอบครัวของธิดาตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นรักษาองค์รัชทายาทเพียงครั้งเดียวหนานกงมั่วก็บาดเจ็บหนักถึงเพียงนั้น เห็นได้ว่ามิได้มีวิชาการแพทย์สูงมากนัก
คืนนั้นอย่างไรเว่ยจวินมั่วก็จะพาหนานกงมั่วกลับจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง อย่างไรเสียจวนรัชทายาทย่อมไม่ใช่สถานที่ที่จะอยู่นานได้ เมื่อกลับถึงเรือนซูอวิ๋นหนานกงมั่วก็อดไม่ได้พุ่งเข้าใส่อีกคนทันที ทว่าเพียงพุ่งเข้าไปก็ถูกกักตัวเอาไว้ในอ้อมแขนไม่อาจขยับตัวได้ ถูกสะกัดจุดไว้ตั้งหลายชั่วยาม เลือดลมเดินปั่นป่วนไปหมดแล้วรู้หรือไม่
หนานกงมั่วโกรธไม่พอใจ มือไม่อาจขยับได้จึงไม่ลังเลอ้าปากงับทันที เว่ยจวินมั่วส่งเสียงหึเบาๆ เอ่ยขึ้นอย่างจนปัญญา “อู๋สยา เจ้าชอบกัดคนนักหรือ” หนานกงมั่วหน้าแดงระเรื่อขึ้น นอกจากเว่ยจวินมั่วแล้วนางก็ไม่เคยกัดคนอื่น ที่สำคัญคนอื่นมักจะถูกเล่นสนุก นอกจากเว่ยจวินมั่วแล้วก็ไม่มีใครทำให้นางโกรธจนอยากกัดคนได้
“ท่านลองถูกสะกัดจุดหนึ่งชั่วยามกว่าดูหรือไม่” อีกทั้งยังเป็นความรู้สึกที่เคลื่อนไหวไม่ได้แบบนั้น รู้สึกอ่อนแรงไม่มีกำลังราวกับถูกคนเอากระดูกออกไป หนานกงมั่วสาบานได้เลยว่าชาติก่อนหน้านี้ต่อให้เป็นเด็กก็ไม่เคยมีความรู้สึกไร้กำลังเช่นนี้มาก่อน เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบ “อืม รู้ว่าความรู้สึกยามได้รับบาดเจ็บนั้นไม่สบาย ต่อไปนี้อู๋สยาก็จะไม่บาดเจ็บอีกแล้ว”
“บาดเจ็บก็ไม่ทรมานเพียงนั้น” หนานกงมั่วกัดฟัน
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “เช่นนั้นต่อไปอู๋สยาก็อย่าทำให้ตนเองต้องบาดเจ็บ ไม่เช่นนั้น…”
หนานกงมั่วมองเขาอย่างระมัดระวัง ส่งเสียงหึเบาๆ “ท่านคิดว่าข้าจะเปิดโอกาสให้ท่านทำเช่นนั้นกับข้าอีกหรือ”
เว่ยจวินมั่วหัวเราะเบาๆ “อู๋สยา วาจาเช่นนี้เจ้าเอาชนะข้าให้ได้ก่อนค่อยพูดเถิด”
————————
[1] 1 เฉียน เท่ากับ 5 กรัม