หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 1235-1 ราชโองการประหาร
ตอนที่ 1235-1 ราชโองการประหาร
ตำหนักฮองเฮาในวังหลัง ฮองเฮาหลับตาลงเอนหลังพิงหมอนอิงนุ่ม ใบหน้าซูบผอมมีสีหน้าของความเหนื่อยล้าจางๆ แม้จะเข้าสู่การหลับใหล หัวคิ้วยังคงขมวดมุ่นขึ้นมา เสียงเท้าเบาๆ ดังใกล้เข้ามา ฮองเฮาลืมตาขึ้นมาทันใด
“มีเรื่องอันใด” ฮองเฮาเอ่ยถาม
นางกำนัลย่อตัวลง เอ่ยขึ้นเสียงเบา “ทูลฮองเฮา พระชายาเจิ้งอ๋องขอเข้าเฝ้าเพคะ”
ฮองเฮาขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย “ให้นางเข้ามาเถิด”
“เพคะ” ชั่วครู่ต่อมาจูชูอวี้จึงเดินนำคนเข้ามา ก่อนจะก้าวขึ้นมาถวายพระพร เอ่ย “ถวายพระพรเสด็จแม่เพคะ” ฮองเฮามองไปที่นาง ขมวดคิ้วเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ “เจ้าไปอยู่ที่ใดมา” ดวงตาของจูชูอวี้ไหววูบ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอเสด็จแม่ได้โปรดอภัย วันนี้ลูกตื่นมาก็รู้สึกไม่สบายแล้วเพคะ จึงไปหาสถานที่แอบพักสักครู่เพคะ”
ฮองเฮามองสำรวจนางเล็กน้อย วันนี้สีหน้าของจูชูอวี้ดูไม่ดีตลอดจริงๆ สีหน้าพระองค์จึงค่อยๆ คลายลง เอ่ย “เรื่องวันนี้ หากยังพอทนไหวเจ้าก็ทนอีกสักหน่อยเถิด ผ่านวันนี้ไปแล้วเจ้าก็พักผ่อนให้ดี”
จูชูอวี้พยักหน้าเบาๆ ตอบรับแล้วจึงเอ่ยถามขึ้น “เมื่อครู่ลูกเข้ามาได้ยินที่ห้องโถงรับรองนั้นดูครึกครื้น ไม่รู้ว่า…”
ฮองเฮาเอ่ย “เมื่อครู่เกิดเรื่องเล็กน้อย อู๋สยาและเหยียนเอ๋อร์ยังยุ่งอยู่ที่นั่นเกรงว่าคงไม่ได้มา เจ้าไปช่วยพวกนางเถิด”
จูชูอวี้พยักหน้า ทว่าไม่ได้ขยับตัว กลับมองฮองเฮาด้วยรอยยิ้มพร้อมเอ่ยขึ้น “เสด็จแม่ได้โปรดอภัย ลูกมีบางเรื่องอยากหารือกับเสด็จแม่เพคะ”
ฮองเฮานวดหัวคิ้ว เพียงรู้สึกว่าร่างกายที่เพิ่งดีขึ้นมาเล็กน้อยจากการพักผ่อนเมื่อครู่พลันรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา ขมับปวดตุบๆ ขึ้นมา รู้สึกไม่พอใจต่อการขัดคำสั่งของจูชูอวี้ ทว่ายังอดทนเอาไว้ เอ่ยเสียงเข้ม “มีเรื่องอันใดก็เอ่ยมาเถิด”
จูชูอวี้มองไปยังฮองเฮา เอ่ยเสียงเบา “ไม่ใช่เรื่องของหม่อมฉันหรอกเพคะ เป็นท่านอ๋อง…ที่มีเรื่องอยากขอร้องให้เสด็จแม่ช่วยเหลือ”
“เหว่ยเอ๋อร์หรือ” ฮองเฮาชะงัก มองไปยังจูชูอวี้ด้วยความสงสัย ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เหว่ยเอ๋อร์มีเรื่องอันใด ไยจึงไม่มาเอ่ยกับข้าด้วยตนเอง”
จูชูอวี้เม้มริมฝืปากเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “แน่นอนเพราะว่า เรื่องนี้ท่านอ๋องไม่กล้าเอ่ยกับเสด็จแม่”
ฮองเฮาจ้องมองจูชูอวี้เนิ่นนาน หัวใจพลันกระตุก เอ่ยเสียงเข้ม “มีเรื่องอันใดจึงไม่อาจเอ่ยวันอื่นได้ พวกเจ้า…พวกเจ้าทำอันใด” จูชูอวี้หลุบตา เอ่ยเสียงเบา “มิใช่พวกหม่อมฉันทำอันใดเพคะ เพียงแต่…พวกหม่อมฉันไม่ทำเรื่องเหล่านี้มิได้ เสด็จแม่ ท่านอ๋องต่างหากที่เป็นโอรสแท้ๆ ของพระองค์ ตามเหตุผลแล้ว พระองค์ควรช่วยท่านอ๋องใช่หรือไม่เพคะ”
สีหน้าของฮองเฮาพลันแปรเปลี่ยน นั่งตัวตรงจ้องมองไปยังจูชูอวี้ เอ่ยเสียงเข้ม “พวกเจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่ หรือว่าเรื่องในโถงรับรองเมื่อครู่เป็นฝีมือของพวกเจ้าหรือ” ดวงตาของจูชูอวี้เผยแววสงสัยชั่วครู่ ไม่ใส่ใจนัก เอ่ยด้วยท่าทางนอบน้อม ทว่าวาจาที่เอ่ยออกมากลับแข็งกระด้าง “เสด็จแม่โปรดอภัยด้วย พวกเราเพียงไม่มีทางเลือก เสด็จแม่คงไม่อยากเห็นชื่อเสียงของท่านอ๋องต้องป่นปี้ หรือกระทั่งต้องสูญเสียชีวิตกระมัง”
ฮองเฮาอยากลุกขึ้น แต่ไม่คิดว่าร่างกายจะอ่อนยวบล้มกลับคืนลงไปบนเตียงนุ่ม เงยหน้าขึ้นมาทันใด จ้องมองจูชูอวี้ด้วยความตกใจ “เจ้าวางยาข้าหรือ”
จูชูอวี้เอ่ย “เสด็จแม่โปรดอภัย ลูกไม่ทำไม่ได้เพคะ หากไม่ทำเช่นนี้ หม่อมฉันและท่านอ๋องคงต้องตายเท่านั้น เสด็จแม่ พระองค์เกลียดหม่อมฉันมาตลอด หม่อมฉันรู้ดี และมิกล้าขอร้องอ้อนวอน แต่ว่า…ท่านอ๋องมิใช่โอรสของพระองค์หรอกหรือเพคะ พระองค์จะยอมมองเขาตายได้หรือเพคะ” ฮองเฮาเอนตัวพิงหมอนอิงอย่างไร้เรี่ยวแรง สายตาเย็นชามองไปยังจูชูอวี้ เอ่ยถาม “เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่”
จูชูอวี้ยิ้มเอ่ย “ขอเสด็จแม่มีราชโองการ องครักษ์ทั้งหมดในวังหลัง ให้ขึ้นตรงรับคำสั่งจากท่านอ๋อง”
ได้ยินเช่นนั้น หัวใจของฮองเฮายิ่งจมดิ่ง อยากยึดอำนาจองครักษ์ทั้งหมดในวังหลัง เซียวเชียนเหว่ยคิดจะทำอันใดไม่จำเป็นต้องคาดเดา
“อีกทั้ง มีรับสั่งให้สตรีอยู่ในตำหนักของฮองเฮา อย่าได้ก้าวขาออกไปแม้เพียงครึ่งก้าว นอกจากนี้มีราชโองการประหารพระชายาฉู่อ๋องทันทีเพคะ” จูชูอวี้เอ่ยต่อ
“บังอาจนัก” ใบหน้าของฮองเฮาเต็มไปด้วยความโกรธ “พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือ”
จูชูอวี้ถอนหายใจ เอ่ย “หากเป็นคนไร้ทางออก มักจะบ้าอย่างไม่อาจเลี่ยงได้เพคะ เสด็จแม่ หากจะโทษก็โทษที่พระองค์กับเสด็จพ่อมีใจเอนเอียงเถิด” ฮองเฮายิ้มเย็น กัดฟันพลางเอ่ย “ข้าและฝ่าบาทมีใจเอนเอียงอย่างไรหรือ” จูชูอวี้ยิ้มแล้วจึงเอ่ย “ฝ่าบาทโปรดปรานฉู่อ๋องนี่ไม่แปลก แต่เสด็จแม่ท่านเห็นอยู่ว่าพระองค์มีโอรสเพียงสามพระองค์ ทว่ากลับมีใจเอนเอียงแก่พระชายาฉู่อ๋อง ไม่แปลกหรือเพคะ เป็นมารดา ไม่ควรช่วยโอรสของตนเองหรือเพคะ”
ฮองเฮามองนาง “เจ้าก็เอ่ยแล้ว ข้ามีบุตรชายสามคน เจ้าจะให้ข้าช่วยผู้ใด จูชูอวี้ เจ้าไม่เคยเป็นมารดา คนเป็นมารดา ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือให้บุตรชายของตนมีชีวิตที่ดี มีเพียงเช่นนี้ ถึงจะมีสิทธิ์เอ่ยอย่างอื่น” รอยยิ้มบนใบหน้าของจูชูอวี้นิ่งค้าง แต่งงานมาหลายปีเพียงนี้จุดบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของนางคือไม่มีลูก นางเองก็รู้ดีว่าหากเรื่องราวในครั้งนี้สำเร็จทว่านางไม่อาจให้กำเนิดลูกได้ สิ่งที่จะต้องเป็นของนางในอนาคตก็คงจะต้องถูกคนอื่นฉกชิงไป
“ข้าเป็นมารดาคนหนึ่ง แต่ว่ายังเป็นฮองเฮาอีกด้วย” ฮองเฮามองนาง เอ่ยเสียงเรียบ “ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับผู้ใด ชื่นชมผู้ใด ข้าไม่มีอำนาจไปบังคับ แต่ว่าข้าก็ไม่มีทางให้บุตรชายของข้าโดนกดขี่ให้ต้องเสียใจ หลายปีมานี้ต่อให้ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับฉู่อ๋อง แต่ก็ไม่เคยกดขี่ข่มเหงพวกเขาสามพี่น้อง ไม่ว่าจะในฐานะฮ่องเต้หรือบิดาธรรมดาคนหนึ่ง ให้ความสำคัญกับบุตรชายที่มีความสามารถ อยากเลือกผู้ที่แข็งแกร่งมารับหน้าที่ต่อจากตนเองก็ไม่ใช่เริ่องผิด หากข้าต้องเสียดาย คงเสียดายที่ไม่อาจสั่งสอนพวกเขาสามพี่น้องให้ยอดเยี่ยมกว่านี้ได้ ไม่ใช่โกรธที่ฝ่าบาทมีใจเอนเอียง เมื่อเทียบกับการที่พวกเขาต้องมาต่อสู้แย่งชิงกันเอง ข้ายอมให้พวกเขาใครก็ไม่ต้องการตำแหน่งนั้นเสียจะดีกว่า”
จูชูอวี้ไม่คิดว่าฮองเฮาจะพูดคุยกับตนได้เงียบสงบเพียงนี้ ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “เสด็จแม่มาเอ่ยตอนนี้ก็สายไปแล้วเพคะ ท่านอ๋องไม่มีพื้นที่ให้เสียใจ และไม่อาจล่าถอยได้แล้ว เสด็จแม่เอ่ยเช่นนี้ ต้องการเห็นท่านอ๋องต้องตายจริงหรือเพคะ น่าเสียดาย…หม่อมฉันยังไม่อยากตาย”
“พวกเจ้าหยุดเสียเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ยังทัน ข้าจะไปขอร้องฝ่าบาทด้วยตนเอง” ฮองเฮาเอ่ย
จูชูอวี้ส่ายศีรษะ ยิ้มหวานพลางเอ่ย “ไม่เพคะ ไม่ทันแล้ว ชีวิตนักโทษไม่ใช่สิ่งที่หม่อมฉันและท่านอ๋องต้องการ”
“เจ้า…”
รอยยิ้มของจูชูอวี้หายไป “เสด็จแม่ไม่ต้องถ่วงเวลา เวลานี้คิดว่าคงไม่มีใครมารบกวนพระองค์ ต่อให้มี ไม่นานก็คงหายไปแล้ว ขอเสด็จแม่ทรงมีพระราชโองการเถิดเพคะ”
“ไม่” ฮองเฮาเอ่ยเสียงหนัก
จูชูอวี้ยิ้มเย็น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่าได้โทษหม่อมฉันเสียมารยาทนะเพคะ” วาจาของจูชูอวี้เอ่ยจบ คนที่ติดตามนางอยู่ด้านหลังเคลื่อนไหวมาอยู่ตรงหน้าฮองเฮาทันใด ฮองเฮาไม่ทันได้ส่งเสียง พลันรู้สึกปวดที่คอ ภาพตรงหน้ามืดสนิทสลบลงไปบนเตียงนุ่มทันใด จูชูอวี้นิ่งมองฮองเฮาสลบไปบนเตียงก่อนจะยิ้มเย็น หมุนตัวเดินไปค้นตู้ด้านข้างทันที
ห้องโถงรับรองอีกฝั่ง หนานกงมั่วยังคงดูแลพระชายาทั้งหลาย หลังจากดื่มยาแล้ว พระชายาจิ้นอ๋องและพระชายาพระองค์อื่นต่างก็ดีขึ้นมาก แต่หากต้องการให้พระชายาทั้งหลายเข้าร่วมงานเลี้ยงตามเวลาได้ ยังต้องตรวจให้ละเอียดอีกครั้ง พระชายาฉีอ๋องทานโจ๊กที่ซุนเหยียนเอ๋อร์ให้คนเตรียมมาให้ พร้อมเอ่ยกับหนานกงมั่วด้วยรอยยิ้ม “อู๋สยา โชคดีที่มีเจ้า ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”
หนานกงมั่วยิ้มแล้วจึงเอ่ย “เสด็จอาสะใภ้ฉีอ๋องโดนพิษไม่มากเพคะ เดิมทีก็ไม่ได้หนักมาก ดื่มยา ทานโจ๊กสักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้นเพคะ ขอเพียงคืนนี้ไม่เสวยสิ่งที่หนักเกินไปก็ไม่เป็นไรเพคะ”
พระชายาจิ้นอ๋องเอนตัวพิงพนัก พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่ข้าตกใจมากจริงๆ ตอนนี้สบายขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ในวังหลวงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ต้องให้คนสืบให้ละเอียด โชคดีที่วันนี้ไม่มีเรื่องอันใดใหญ่โต เกิดฝ่าบาทและฮองเฮาได้รับบาดเจ็บจะทำเยี่ยงไร” หนานกงมั่วพยักหน้าพลางเอ่ย “เสด็จป้าจิ้นอ๋องเอ่ยถูกแล้วเพคะ เสด็จป้าวางใจ เรื่องในวันนี้ จะต้องมีคำอธิบายให้ทุกพระองค์อย่างแน่นอนเพคะ”
ในบรรดาอ๋องทั้งหลายที่นั่งดื่มชาอยู่ด้านข้าง หนิงอ๋องขมวดคิ้วมองหนานกงมั่ว เอ่ย “พระชายาฉู่อ๋อง เจ้าลองคาดเดาว่าวันนี้เกิดเรื่องนี้เพราะอันใดกัน วางยาทั้งทียังไม่ถึงตาย คนร้ายฝีมือไม่ดีหรือเพราะสมองไม่ดีกันแน่”
หนานกงมั่วปรายตามองเขาเงียบๆ คนร้ายฝีมือไม่ดีหรือเพราะไม่มีสมองนางไม่รู้ แต่หนิงอ๋องคงสมองไม่ดีอย่างแน่นอน เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับพระองค์กัน ไม่เกี่ยวกับพระองค์ยังมาร่วมสนุกอันใดด้วยเล่า
ราวกับได้ยินความในใจของหนานกงมั่ว หนิงอ๋องยิ้มร่าแล้วเอ่ยว่า “คนด้านนอกกลุ่มนั้นเสียงดังทำข้าปวดหัว อย่างไรงานเลี้ยงยังมีเวลาอีกนาน รีบไปไยกัน วันนี้ยังไม่เห็นเยาเยาและอานอาน เจ้าเอาไปซ่อนที่ใดแล้วเล่า”
หนานกงมั่วสีหน้าไร้ความรู้สึกมองไปที่เขา เอ่ย “พระองค์ลองทายสิเพคะ”
หนิงอ๋องลูบจมูก กลอกตา “เจ้าเอ่ยกับข้าเยี่ยงนี้หรือ”
เป็นผู้อาวุโสไม่น่านับถือ โทษใครได้
ระหว่างที่เอ่ย องครักษ์ชุดเทาคนหนึ่งลอยเข้ามาในห้องโถงรับรอง ทุกคนตกตะลึง องครักษ์ผู้นั้นไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ รีบเดินไปตรงหน้าหนานกงมั่ว เอ่ยเสียงเบา “รายงานพระชายา วังหลังเกิดความเปลี่ยนแปลงกะทันหันพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงมั่วขมวดคิ้ว องครักษ์เอ่ยเสียงเข้ม “มีคนนำตราประทับเฟิ่งของฮองเฮา มาสั่งการองครักษ์วังหลังพ่ะย่ะค่ะ”
ได้ยินเช่นนั้น หนานกงมั่วหมุนตัวเตรียมตรงดิ่งไปยังห้องนอนของฮองเฮา ด้านนอกประตูพลันมีเสียงเท้าพร้อมเพรียงเคลื่อนเข้ามาใกล้ เห็นได้ว่ามีคนไม่น้อยปรากฏตัวอยู่นอกตำหนัก ทุกคนในตำหนักต่างได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เกิดเรื่องอันใดขึ้น” หนิงอ๋องรีบลุกขึ้น พุ่งตัวออกไปนอกตำหนักทันใด ทว่าถูกคนขัดขวางอยู่หน้าประตู หนิงอ๋องจ้องเขม็ง “เด็กน้อย เล่นอันใดกัน” นอกตำหนักมีทหารองครักษ์ล้อมตำหนักเอาไว้แน่นหนาแม้แต่น้ำยังไม่อาจลอดผ่านได้ พลธนูนับร้อยเฝ้าเตรียมพร้อมอยู่หน้าประตูตำหนัก นายทหารที่ดูคล้ายผู้นำถือดาบยืนอยู่หน้าประตู เอ่ยเสียงดัง “ฮองเฮามีรับสั่ง ผู้ที่อยู่ในตำหนักหากไม่ได้รับอนุญาตไม่อาจออกไปได้ หากขัดรับสั่ง สังหารให้สิ้น”
หัวใจหนิงอ๋องสั่นไหว พี่สะใภ้ฮองเฮา…คงไม่คิดไม่ได้เพียงนี้กระมัง
คนที่อยู่ในตำหนักยังไม่ทันได้สติ พลันมีเสียงชราสั่นเทาดังเข้ามา “ราชโองการฮองเฮามาถึง”
ขันทีหนึ่งคนเดินเข้ามาพร้อมองครักษ์คอยคุ้มกันหลายคน มือที่ถือราชโองการสีทองสั่นระริก สีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
ผู้คนในตำหนักมองสบตากัน นอกจากพระชายาจิ้นอ๋องที่ไม่อาจลุกขึ้นมาได้ ทุกคนต่างพากันคุกเข่าลง
“พระชายาฉู่อ๋องหนานกงมั่ว ผู้อยู่เบื้องหลัง สะกดให้ฉู่อ๋องหลงใหล ทำลายแผ่นดิน แทรกแซงกิจการบ้านเมือง น้อมรับราชโองการฮองเฮา ประหารทันที จบราชโองการ”
ทุกคนที่อยู่ในตำหนักต่างงุนงง ราชโองการเช่นนี้แปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด แม้จะบอกว่าฮองเฮาเป็นนายของวังหลัง เป็นมารดาของทุกคน แต่จะสังหารพระชายาซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกเสียจาก…มีความเห็นชอบจากฝ่าบาท แต่ว่าฮ่องเต้ไท่ชูจะมีรับสั่งประหารชายาของโอรสที่ทรงโปรดปรานได้เยี่ยงไร ต้องรู้ว่าราชโองการนี้ถูกแพร่งพรายออกไป ไม่เพียงกำจัดชีวิตของพระชายาฉู่อ๋อง ยังทำให้ชื่อเสียงของฉู่อ๋องต้องเสียไปด้วย องค์ชายที่ถูกภรรยาล่อลวงจะรับผิดชอบตำแหน่งยิ่งใหญ่ได้หรือ
ฉีอ๋องลุกขึ้นมาก่อน เอ่ยเสียงเข้ม “เป็นไปไม่ได้”
เขาเป็นน้องชายแท้ๆ ของฮ่องเต้ไท่ชู ถูกพี่ชายเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจนโต ต่อให้มีเรื่องอันใดที่ฮ่องเต้ไท่ชูไม่อาจเอ่ยกับเว่ยจวินมั่วได้ แต่ฮ่องเต้ไท่ชูยังเอ่ยกับฉีอ๋องได้ ฮ่องเต้ไท่ชูคิดอย่างไร ต่อให้ฉีอ๋องไม่อาจคาดเดาได้สิบในสิบส่วน แต่อย่างไรก็รู้หกเจ็ดส่วนได้ ประหารหนานกงมั่ว เสด็จพี่ของเขาบ้าไปแล้ว หรือเสด็จพี่สะใภ้บ้าไปแล้วกันเล่า
ท่านอ๋องหลายพระองค์มองสบตากันรู้สึกลังเลขึ้นมา แม้จะดูออกว่าสถานการณ์ไม่ปกติ แต่พวกเขาไม่สนิทกับหนานกงมั่ว หนานกงมั่วจะตายหรือไม่ความจริงไม่เกี่ยวอันใดกับพวกเขา หนิงอ๋องกลับยืนขึ้นมา หัวเราะเสียงดัง เอ่ย “เสด็จพี่ฉีอ๋องเอ่ยไม่ผิด ข้าเองก็ไม่เชื่อ”
ขันทียกราชโองการในมือขึ้น เอ่ย “ท่านอ๋องทั้งสองต้องการขัดราชโองการหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หนิงอ๋องเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่าได้เอาหมวกใบนี้มาสวมให้กับข้า ข้าคงรับไว้ไม่ไหว พระชายาฉู่อ๋องเป็นพระชายาเอกในชินอ๋อง หากมีราชโองการประหาร คงต้องมีหลักฐานและรับสั่งจากฝ่าบาทกระมัง ต่อให้ไม่มี อย่างน้อย…ก็ควรให้เสด็จพี่สะใภ้ฮองเฮามาด้วยพระองค์เองกระมัง”
ขันทีเอ่ย “ฮองเฮาและฝ่าบาทต่างไม่อยากเห็นพระชายาฉู่อ๋องแล้ว ท่านอ๋องทุกพระองค์หากต้องการขัดราชโองการ…” วาจาด้านหลังไม่ได้เอ่ยออกมา ทว่ากลิ่นอายการข่มขู่ยังคงเผยออกมาอย่างชัดเจน ฉีอ๋องและหนิงอ๋องต่างขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ จิ้นอ๋องอายุมากที่สุดแน่นอนว่าเป็นเขาที่เอ่ยปากก่อน เอ่ยเสียงเข้ม “ต่อให้พระชายาฉู่อ๋องทำผิดอันใด ก็ไม่มีเหตุผลให้สั่งประหารทันทีในยามนี้ วันนี้…เป็นวันพระบรมราชสมภพของฝ่าบาท มิสู้รอเสียก่อน รอพวกข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้วค่อยตัดสินดีหรือไม่” วันพระบรมราชสมภพของฮ่องเต้ แม้แต่ฝ่าบาทเองยังไม่มีทางรับสั่งประหาร ไม่เป็นมงคล
“เอ่ยเช่นนี้ จิ้นอ๋องต้องการขัดราชโองการหรือ” องครักษ์คนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างขันทีเอ่ยขึ้น ดาบในมือถูกชักออกจากฝัก จ่อไปที่ลำคอของจิ้นอ๋อง อ๋องเหล่านี้มาเข้าเฝ้าฮองเฮาที่วังหลัง แน่นอนว่าไม่ได้พาองครักษ์ของตนมาด้วย แน่นอนว่าไม่มีใครให้ใช้งานได้
โจวอ๋องดึงจิ้นอ๋องออกไป เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พระชายาฉู่อ๋องเป็นลูกสะใภ้ของฝ่าบาทและฮองเฮา ตามหลักแล้วไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะเข้าไปยุ่ง เสด็จพี่รองเพียงระมัดระวังสักหน่อยก็เท่านั้น ไม่ได้มีความคิดขัดราชโองการ”
จิ้นอ๋องตื่นตระหนกอยู่ในใจ เพียงรู้สึกไม่พอใจอยู่ในใจ องครักษ์เหล่านี้แม้แต่เขาที่เป็นผู้ปกครองเมืองยังกล้ายกดาบขึ้นมาง่ายๆ เพียงนี้ คิดจะสังหารพระชายาผู้หนึ่งคงไม่ใช่เรื่องยากอันใด แต่ว่า…นี่คงไม่ใช่พระประสงค์ของฮองเฮาและฝ่าบาทอย่างแน่นอน เกิดเรื่องขึ้นแล้วหรือ
จิ้นอ๋องขมวดคิ้ว มองไปยังฉีอ๋องและหนิงอ๋อง “น้องห้า น้องสิบเจ็ด พวกเจ้าเห็นว่าอย่างไร” ฉีอ๋องและหนิงอ๋องมีความสนิทชิดเชื้อกับฮ่องเต้ที่สุด แน่นอนจิ้นอ๋องต้องถามความคิดเห็นของพวกเขา
ฉีอ๋องเอ่ยเสียงเข้ม “ฝ่าบาทและฮองเฮาไม่มีทางมีราชโองการเช่นนี้อย่างแน่นอน พวกเจ้าเป็นใครกัน ถึงกล้าปลอมแปลงราชโองการ”
องครักษ์ผู้นั้นส่งเสียงหยัน “ฉีอ๋อง ท่านยุ่งมากเกินไปแล้ว ขัดราชโองการตายสถานเดียว” เอ่ยจบ ฟันไปยังฉีอ๋องโดยไม่สนใจสิ่งใด
“พี่ห้า ระวัง” ห้องโถงเสียงดังขึ้นมา หนิงอ๋องรีบเข้าไปผลักฉีอ๋องออก