หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 1020 หลบหนีล้มเหลว มาช้าไปหนึ่งก้าว (1)
ตอนที่ 1020 หลบหนีล้มเหลว มาช้าไปหนึ่งก้าว (1)
เอ้อกั๋วกงเดินออกมาจากห้องทรงอักษร พอดีเจอกับไทเฮาและฮองเฮาที่กำลังเดินเข้ามา
“กระหม่อม ถวายพระพรไทเฮา ถวายพระพรฮองเฮา” เอ้อกั๋วกงเดินเข้ามาถวายพระพร ไทเฮาถอนหายใจเสียงเบา รีบเอ่ย “ท่านกั๋วกงไม่ต้องทำเช่นนี้ ไม่ต้องมากพิธี”
“ท่านพ่อ” ฮองเฮาเดินเข้ามาหา ยื่นมือไปประคองเอ้อกั๋วกง มองดูเอ้อกั๋วกงที่ดูซูบโทรมไร้ชีวิตชีวาตรงหน้า ดวงตาของฮองเฮาพลันแดงระเรื่อหลากหลายอารมณ์อยู่ในใจ ท่านพ่ออายุเพียงนี้แล้วยังต้องลงสนามรบทำสงคราม ยามนี้ทำสงครามพ่ายแพ้กลับมา ไม่รู้คนพวกนั้นจะจัดการเยี่ยงไร
เอ้อกั๋วกงมองไปยังบุตรี ถอนหายใจอยู่ในใจไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ยกมือขึ้นประสานและกล่าวลาไทเฮาและฮองเฮา
ยามนี้สถานการณ์ไม่ดี หากมีสักวันที่เยี่ยนอ๋องบุกโจมตีจินหลิง ตนเองสองสามีภรรยาก็อายุมากแล้ว อย่างไรก็อยู่ได้อีกไม่นาน แต่บุตรีที่เป็นถึงฮองเฮา…ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นเช่นไร นึกถึงบุตรีที่ไม่ว่าจะอยู่ในจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องหรือในพระราชวังต่างก็ไม่มีความสุข เอ้อกั๋วกงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นไม่ปฏิเสธสมรสพระราชทานจากอดีตฮ่องเต้ แต่งงานกับตระกูลขุนนางธรรมดาก็คงไม่เป็นเช่นนี้
โชคชะตาเป็นเช่นนี้ ช่างเถิด
ในป่าที่เงียบสงบ ซังเจี้ยวอุ้มเยาเยาวิ่งไปข้างหน้าไม่หยุดแม้เพียงเสี้ยวเวลา เหงื่อซึมผ่านเสื้อผ้าและเส้นผมของเขาจนเปียกชื้น ใบหน้าเล็กที่ยังอ่อนเยาว์ตึงเครียด เผยให้เห็นความเด็ดเดี่ยวและหนักแน่น เยาเยาพิงอยู่กับไหล่ของเขา แม้จะรู้สึกอึดอัดจากการกระแทกเพราะซังเจี้ยววิ่งอย่างรวดเร็ว ทว่ากลับไม่ส่งเสียงแม้เพียงนิด
เนิ่นนาน ซังเจี้ยวจึงหยุดลง หันกลับไปมองทางที่วิ่งผ่านมา ค่อยผ่อนลมหายใจออกเบาๆ ยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าเล็กเบาๆ “เยาเยาไม่เป็นไรใช่หรือไม่” เยาเยาส่ายศีรษะ “พี่อาเจี้ยวเหนื่อยหรือไม่” ซังเจี้ยวยิ้มบาง “ไม่เหนื่อย เยาเยาพักก่อนสักหน่อย พวกเราจะรีบไปต่อ”
เยาเยาลังเลอยู่ชั่วครู่ มองไปรอบๆ เอ่ยถาม “พี่อาเจี้ยว ที่นี่คือที่ใดหรือ”
ซังเจี้ยวไม่สนรอบข้าง งุนงงขึ้นมา หลายวันมานี้พวกหนานกงไหวพาพวกเขาตรงไปทิศตะวันออกเพื่อไปข้ามแม่น้ำ ระหว่างทางพบคนของวังจื่อเซียวถึงสองครั้ง น่าเสียดายเยาเยาอยู่ในมือของหนานกงไหว ต่อให้คนของวังจื่อเซียวกล้าหาญเพียงใดก็ไม่มีประโยชน์ เพียงหนานกงไหวเอาชีวิตเยาเยามาข่มขู่ พวกเขาจำต้องล่าถอย
ก่อนหน้านี้ไม่นาน คนของวังจื่อเซียวลองชิงตัวคนหนึ่งครั้ง ซังเจี้ยวถึงได้ถือโอกาสพาเยาเยาหนีออกมา แม้ว่าพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด แต่คนของวังจื่อเซียวจะต้องอยู่ใกล้ๆ อย่างแน่นอน เพียงแต่…คงต้องดูว่าพวกเขาจะโชคดีหรือไม่ จะเป็นคนของวังจื่อเซียวหรือสำนักหอธาราที่จะเจอพวกเขาก่อน
ในป่าที่มืดมิด มองเห็นเพียงดวงตาที่สะท้อนแสงออกมาของอีกฝ่าย เยาเยารู้สึกกลัว เกาะเกี่ยวชายเสื้อของซังเจี้ยวเอาไว้แน่นไม่ปล่อย ซังเจี้ยวเองก็รู้ว่านางตกใจ เด็กอายุน้อยเพียงนี้ หลายวันมานี้ยังต้องเผชิญกับเรื่องราวที่น่าตกใจมากมาย โน้มตัวลงไปอุ้มเยาเยาขึ้นมา เอ่ยเสียงเบา “ไม่ต้องกลัว ไม่นานพวกเราก็ออกไปได้แล้ว พวกเราไปกินขนมฝูหรงที่เยาเยาชอบที่สุด ดีหรือไม่”
“อืม” เยาเยาพยักหน้าอย่างว่าง่าย
ซังเจี้ยวอุ้มเยาเยาเดินผ่านป่าอย่างรวดเร็ว ห่างออกไปไม่ไกลมีเสียงดังขึ้น ดวงตาซังเจี้ยวหดเกร็ง มีคนเข้ามาใกล้
ซังเจี้ยวมองไปรอบๆ ซ่อนเยาเยาไว้ระหว่างต้นไม้ใหญ่และโขดหินข้างทาง ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เงียบเอาไว้ เยาเยากะพริบตายกมือเล็กขึ้นมาปิดปากเล็กของตน ซังเจี้ยวยกมือลูบศีรษะปลอบโยนนางก่อนจะลุกขึ้นเดินไปด้านหลัง เดินไปได้เพียงสองก้าว พลันมองเห็นชายชุดดำกำลังมุ่งหน้าตรงมาทางนี้ น่าเสียดาย…เป็นมือสังหารของสำนักหอธารา ซังเจี้ยวถอนหายใจเสียดายอยู่ในใจ
ชายชุดดำมองเห็นซังเจี้ยว พลันหยุดเท้า “คุณชายซังช่างวิ่งเก่งเสียเหลือเกิน เด็กคนนั้นเล่า”
ซังเจี้ยวยักไหล่ เอ่ย “ไยข้าต้องบอกเจ้า”
ชายชุดดำยิ้มเย็น เอ่ย “ไม่เป็นไร ฆ่าเจ้าแล้วค่อยหาก็ได้”
ซังเจี้ยวเองก็ยิ้มเย็น “เจ้าคิดว่า…เจ้าจะฆ่าข้าได้อย่างนั้นหรือ”
“ลองดู” ชายชุดดำเองก็ไม่เสียเวลาพูดมาก พุ่งเข้าหาทันที
ซังเจี้ยวเม้มริมฝีปาก หยิบมีดสั้นที่ข้างเอวขึ้นมาพุ่งเข้าหาเช่นกัน นี่เป็นมีดที่เขาอาศัยจังหวะชุลมุนเก็บมาได้ และใช้มีดสั้นเล่มนี้ทำร้ายหนานกงไหว น่าเสียดายที่ยังไม่ตาย
การเป็นเด็กที่บิดาทอดทิ้งมารดาจากไปอย่างอนาถไม่ได้รับความรู้สึกปลอดภัย ซังเจี้ยวชอบเรียนการต่อสู้มากกว่าร่ำเรียนตำรา ตลอดสองปีมานี้มีหนานกงมั่วและซังหรงคอยสั่งสอน บางครั้งยังมีเว่ยจวินมั่วคอยแนะนำบ้าง แม้ซังเจี้ยวจะอายุเพียงสิบสามทว่าวรยุทธ์ไม่อ่อนแล้ว แม้จะด้อยกว่ามือสังหารสำนักหอธาราที่ผ่านประสบการณ์มามากอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่ามือสังหารทุกคนจะมีฝีมือร้ายกาจ บังเอิญที่ครั้งนี้คู่ต่อสู้ของซังเจี้ยวไม่ใช่คนที่ฝีมือร้ายกาจนัก
ซังเจี้ยวรู้ดีว่าหากเขาพลาด การหนีที่ยากลำบากของพวกเขาจะสูญเปล่า ดังนั้นจึงไม่คิดออมมือตั้งแต่ต้น แต่ละกระบวนท่าล้วนแล้วแต่ใช้กำลังเต็มเปี่ยม รุนแรง เพียงดูถูกศัตรู มือสังหารคนนั้นพลันรับมือไม่ทัน ซังเจี้ยวถือโอกาสใช้มีดสั้นแทงเข้าไปที่อกของชายชุดดำ เขาตัวเตี้ยกว่าเล็กน้อย แทงจากด้านล่างขึ้นด้านบนชายชุดดำคนนั้นพลันล้มลงไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
ซังเจี้ยวมองเห็นมือสังหารล้มลงไปกองกับพื้น หอบหายใจไม่หยุด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาลงมือสังหารคน ยกมือขึ้นนวดไหล่ที่เจ็บปวดของตนเอง แม้เพียงเวลาไม่นานที่เขาสามารถสังหารชายชุดดำได้ แต่คนนี้ก็ไม่ได้ปล่อยให้เขาได้เปรียบนัก หากโชคไม่ดี ไม่แน่ว่าสุดท้ายคนที่ตายจะเป็นใครไปได้
ซังเจี้ยวรู้สึกว่าตนเองอ่อนแรงลง กัดฟันแน่นพลางเก็บมีดสั้นหมุนตัวเดินกลับไปหาเยาเยา เยาเยาถูกหินก้อนใหญ่บดบังเอาไว้ มองไม่เห็นภาพซังเจี้ยวสังหารคน เพียงแต่เสียงด้านนอกทำให้นางรู้ว่าพี่อาเจี้ยวกำลังต่อสู้กับคน ยามนี้เห็นซังเจี้ยวมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เยาเยารีบลุกขึ้นพุ่งเข้าไปหา “พี่อาเจี้ยว”
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องร้อง…”
ยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าเล็กที่เปียกชื้นของเด็กน้อย ก็รู้แล้วว่านางร้องไห้ ซังเจี้ยวเอ่ยเสียงเบา “เราไปกันเถิด” ในเมื่อมีคนตามมาทันแล้ว ไม่นานก็คงมีคนตามมาอีก ไม่อาจอยู่ที่นี่นานๆ ได้
เด็กทั้งสองที่ติดอยู่ในป่าแน่นอนไม่รู้ว่ายามนี้บนเขาลูกนี้และบริเวณโดยรอบวุ่นวายเพียงใด เพราะซังเจี้ยวและเยาเยาหายไป คนของสำนักหอธาราและวังจื่อเซียวกำลังจะมารวมตัวกันที่นี่ ฝั่งหนึ่งอยากจับตัวพวกเขา ฝั่งหนึ่งอยากช่วยพวกเขา ทั้งสองฝ่ายเมื่อเจอกันก็ปะทะต่อสู้กันให้ตายไปข้าง
ในยามฟ้าสาง ทั้งสองถูกหนานกงไหวที่นำกำลังคนมาเจอเข้าก่อน
หนานกงไหวบาดเจ็บไม่มาก เพียงถูกซังเจี้ยวฟันเข้าที่แขนซ้ายโดยไม่ทันระวังเท่านั้น จากนั้นกระโดดตัวลอยถีบเข้าที่หลัง หลังจากตามหามาทั้งคืน เมื่อเจอซังเจี้ยวกับเยาเยาอีกครั้ง ใบหน้าของหนานกงไหวเต็มไปด้วยไอทะมึนและความโกรธ ซังเจี้ยวกอดเยาเยาเอาไว้แน่น จ้องมองคนตรงหน้าอย่างระมัดระวัง
หนานกงไหวยิ้มเย็น เอ่ย “ช่างเก่งเสียจริง น่าเสียดายยังเด็กไปสักหน่อย เอาเด็กนั่นมาให้ข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
ซังเจี้ยวกัดฟัน “ฝันไปเถิด”