หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 532 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส (1)
ตอนที่ 532 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส (1)
เพียงแต่ว่า…
ลองไปครั้งแล้วครั้งเล่า เดิมทีกำลังภายในที่สะสมในจุดชี่ไห่กลับไม่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย ไม่ได้อ่อนแอเหมือนก่อนหน้านี้ ทว่ากลับไม่มีกำลังแม้แต่น้อย
กำลังภายในที่ฝึกมาใกล้จะสามปีหมดไปแล้ว! เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!
เหยาเยี่ยนอวี่ตกตะลึงมาก
เว่ยจางซ้อมดาบเสร็จไปหนึ่งชุด แล้วหันมามองฮูหยินที่ยืนสีหน้าขาวซีด จึงรีบเดินไปเก็บดาบยาวแล้ววิ่งไปหานาง “เป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือไม่ สีหน้าของเจ้าเหตุใดถึงได้ดูย่ำแย่เช่นนี้!”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันยื่นมือจับเขาไว้ แล้วน้ำตาคลอ “ข้า กำลังภายในของข้าไม่มีแล้ว…”
“ไม่มีแล้ว ไม่มีก็ไม่มี เจ้าไม่ต้องร้องไห้หรอก!” เว่ยจางกอดนางไว้ด้วยความเอ็นดู “ไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เจ้านั่งอยู่ที่นั่น ยังรักษาชีวิตของบุตรชายจิ้งไห่โหวไว้ได้ ใครจะกล้าดูหมิ่นเจ้าเล่า อีกอย่าง พลังกำลังภายในนี้ฝึกฝนได้อยู่แล้ว พวกเราค่อยฝึกก็ได้ ก่อนหน้านี้ก็เคยหมดนี่? อย่าร้องเลย! เด็กดี…”
แม่ทัพเว่ยที่ไม่ใช่คนช่างพูดมาโดยตลอดกอดฮูหยินไว้พูดเป็นน้ำไหลไฟดับเลยทีเดียว นำเอาคำปลอบโยนทั้งหมดในใต้หล้านี้งัดออกมาทั้งหมด จนกว่าสตรีที่อ้อมกอดค่อยๆ หยุดร้องไห้ไป
“ฝนตกแล้ว” เว่ยจางยื่นมือไปเอาร่มในมือของอูเหมย แล้วกางเหนือศีรษะของพวกเขาทั้งสอง ยกมือเช็ดคราบน้ำตาตรงหางตาของเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วเปรยด้วยเสียงต่ำ “พวกเรากลับไปกันเถอะ ตื่นมาตอนเช้าก็ร้องไห้เช่นนี้ เวลาที่พักฟื้นมาในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคงจะสูญเปล่า”
“ทำเช่นไรดี!” เหยาฮูหยินพิงอยู่ในอ้อมกอดของแม่ทัพเว่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง เหมือนกลับไปเป็นเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว
แม่ทัพเว่ยยื่นร่มในมือให้นาง จากนั้นค้อมตัวลงไปกอดนางไว้ ขณะที่เดินกลับไปก็พูดไปด้วย “จะทำเช่นไรได้ เจ้าอยากฝึกใหม่ก็ฝึก ไม่อยากฝึกก็ไม่ต้องฝึก อย่างไรเจ้าก็มีความรู้ด้านยา วิจัยยาสูตรใหม่ออกมามากมาย ยังมีความสามารถในการรักษาแผลภายนอก เจ้ายังคงรักษาผู้ป่วยได้เหมือนเดิม หากอยากใช้ชีวิตที่สุขสบาย ก็ไม่ต้องฝึกแล้ว แค่อยู่เคียงข้างข้าก็พอ ข้าจะให้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ”
“ขอบคุณเจ้าจริงๆ” เหยาเยี่ยนอวี่ซาบซึ้งเป็นอย่างมาก เอาหน้าแนบชิดข้างหูของเขา
“มา บอกข้า ข้าคือใคร” เว่ยจางอุ้มนางขึ้น แล้วเงยหน้ามองนาง
“เจ้าคือเว่ยจาง เว่ยเสี่ยนจวิน” เหยาเยี่ยนอวี่อดยิ้มจางๆ ไม่ได้ “คือแม่ทัพฝู่กั๋ว เป็นสามีของข้า”
“ใช่ ข้าคือสามีของเจ้า” เว่ยจางยื่นคอจุมพิตนางหนึ่งทีอย่างดุเดือด “ดังนั้นอย่าเกรงใจกับข้าเด็ดขาด”
เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้ม พยักหน้าเล็กน้อย “ข้ารู้แล้ว”
“ตอนนี้ พวกเรากลับไปกินข้าวกันเถอะ” เว่ยจางสาวเท้าเร็วขึ้น
เทศกาลชีซีนี้ สองสามีภรรยาถังเซียวอี้ก็เคยมาเยี่ยมเยียน
รถม้าจอดตรงหน้าประตูบ้านนา ซูอวี้เหิงดึงดันที่จะเดินเข้าไปด้านใน บอกว่าทิวทัศน์ของที่นี่ดีมาก เลยอยากพารองแม่ทัพถังเยี่ยมชม
ถังเซียวอี้เข้าบ้านนาเป็นครั้งแรก จึงเดินชมตามหลังของฮูหยินตนเอง เห็นแต่ละที่ติดตั้งสัญญาณเตือนภัยลับไว้ ด้านนอกไม่ต่างจากบ้านนาทั่วไป แต่อันที่จริงคือบ้านนาที่มีความปลอดภัยสูง มองไปที่ไกลและรายงานได้รวดเร็ว ครอบครองตำแหน่งการจู่โจมได้ดี หลบหนีได้ง่าย เป็นบ้านนาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
“เจ้าว่าบ้านนาที่ดีเช่นนี้ ทำไมแม่ทัพถึงยอมขายตั้งแต่แรก” แม่ทัพถังส่ายหัวด้วยความน่าเสียดาย
ซูอวี้เหิงโต้แย้งกลับอย่างไม่พอใจทันที “พูดอะไรน่ะ เดิมทีพี่สาวซื้อบ้านนามาก็เหลือเรือนเก่าชำรุดเพียงสองสามหลังเท่านั้น แม้แต่พื้นที่เพาะปลูกยังปล่อยให้กลายเป็นที่โล่ง หากไม่ใช่เพราะว่าพี่สาวซ่อมแซมขึ้นใหม่ ตอนนี้เจ้าก็คงเห็นแต่ซากปรักหักพังแล้ว”
“ต่อให้กลายเป็นซากปรักหักพัง แต่พื้นฐานเดิมยังอยู่ บ้านเฉกเช่นนี้ บ้านบนน้ำเช่นนี้ หากไม่มีโครงสร้างเดิม เกรงว่าฮูหยินคงไม่สร้างเช่นนี้หรอก”
“เช่นนั้นตามความหมายของเจ้าแล้ว แม่ทัพเว่ยจงใจขายบ้านนาแห่งนี้ให้พี่เหยาหรือ”
“นี่ยังต้องพูดอีกหรือ” ถังเซียวอี้ยิ้มอย่างภูมิใจ
ซูอวี้เหิงมองเขาเพียงปราดเดียว จู่ๆ ก็ยิ้มจางๆ “เช่นนั้นประเดี๋ยวข้าแค่ถามพี่เหยาว่าซื้อมาจากที่ไหน”
“นี่ๆ …อย่า อย่าเลย” ถังเซียวอี้กำลังคิดในใจว่าหากให้ฮูหยินรู้ว่าแม่ทัพมีใจให้นางมานานแล้ว อาจจะโมโหจนหาวิธีเล่นงานตนเองอีก
“ทำไมข้าต้องฟังเจ้าด้วย” ซูอวี้เหิงเบะปาก แล้วหมุนตัวเดินจากไปเร็วกว่าเดิม
“นี่ ฮูหยิน…ฮูหยิน!” รองแม่ทัพถังเดินหน้ามาดึงแขนเสื้อของฮูหยินไว้ แล้วเปรยด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “วันแต่งงานข้ายังอับอายไม่พอหรือไร เจ้ายังจะร่วมกับกับพี่สาวที่แสนดีของเจ้ามารังแกข้าอีก”
“เยี่ยม!” ซูอวี้เหิงหัวเราะพุ่ง แล้วดึงแขนเสื้อเร่งสามี “เร็วเข้า ยังมีธุระสำคัญอีก”
“ได้!” ถังเซียวอี้ช้อนตัวฮูหยินแบกบนไหล่ ใช้วิธีตัวเบาบินไปถึงกลางสวนทันที
สาวใช้หวงฉีที่กำลังรดน้ำต้นไม้สะดุ้งตกใจทันที ไม่ทันจับขันน้ำให้แน่น จึงสาดไปทางฝั่งรองแม่ทัพถังพอดี ทั้งหน้าของเขาเปียกโชกไปด้วยน้ำทันที
“เจ้าทำอะไร!” รองแม่ทัพถังที่ต่อให้ตายก็จะคงความหล่อเหลานั้น ตอนนี้ราวกับไก่ตกน้ำแกง จึงรีบตวาดใส่สาวใช้คนนั้นด้วยความโมโห
“เจ้าเป็นใคร! ลักพาตัวแม่นางบริสุทธิ์ผุดผ่อง ยังกล้ามาเร่ร่อนแถวนี้อีก! ระวังแม่ทัพพวกเราจับเข้าไปในคุกหลวงล่ะ!” หวงฉีชี้หน้ารองแม่ทัพถังด้วยความโหดเหี้ยม
“ข้า? ลักพาตัวแม่นางบริสุทธิ์ผุดผ่อง?! เจ้า…ตาของเจ้าเห็นแค่ข้าลักพาตัวแม่นางบริสุทธิ์กระนั้นหรือ!” ถังเซียวอี้ชี้หน้าบ่าวคนนั้น มืออีกข้างหนึ่งดึงฮูหยินตัวเองไว้ เขารู้สึกไม่สบอารมณ์กับสาวใช้ไร้มารยาทคนนั้นจนหน้าซีดเซียว
ซูอวี้เหิงถึงกับหัวเราะจนตัวงอ แล้วจับท้องพลางพูด ‘อั๊ยโย’
“นางเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายของข้ารองแม่ทัพถัง! ข้าอยากอุ้มนางบินทั่วฟ้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า!” รองแม่ทัพถังตะคอกด้วยความโมโห
“บินทั่วฟ้า?” เว่ยจางที่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็ออกมาตั้งนานแล้ว พอเห็นบุรุษราวกับไก่ตกน้ำแกงกลางสวน จึงถามด้วยความแปลกใจ “นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไก่แจ้ทำหรอกหรือ เหตุใดเจ้ายังทำได้อีก”
“แม่ทัพ…ท่าน!” ถังเซียวอี้แทบจะวิ่งชนกำแพงจนตาย เจ้าอย่าพูดถึงเรื่องไก่แจ้ได้หรือไม่ เจ้าไม่รู้หรือคำพูดนั้นแทงใจข้าที่สุด!
หวงฉีเห็น ‘บุรุษลักพาตัวแม่นาง’ กลับรู้จักแม่ทัพของตนเองด้วย ทันใดนั้นก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา แล้วโค้งคำนับทันที “บ่าวไม่รู้ว่าเป็นใต้เท้า ใต้เท้าได้โปรดอย่าถือสาเถอะ ใต้เท้าได้โปรดอภัย”
ถังเซียวอี้กำลังพูด กลับถูกแม่ทัพเว่ยขวางไว้ “สาดได้ดี ครั้งหน้าใครกล้าอุ้มสตรีบินทั่วฟ้าอีก เจ้าก็เอาน้ำสาดเขาอีก” กล่าวจบ จึงเหลือบตาไก่ตกน้ำแกงเพียงคราเดียว แล้วหันหลังเดินเข้าไปด้านใน
ซูอวี้เหิงเอาผ้าเช็ดให้ถังเซียวอี้ แล้วเปรยด้วยเสียงต่ำ “ข้าสั่งให้เจ้าอยู่ดีๆ กลับไม่เชื่อ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
“คุณหนูซู!” หวงฉีรู้จักซูอวี้เหิง จึงเดินหน้ามาน้อมคำนับ “บ่าวขอน้อมคำนับคุณหนูซูค่ะ!”
“ดูให้ดี!” ถังเซียวอี้โมโหเป็นฟืนเป็รไฟ แล้วเดินฝ่าสาวใช้ไป “ตอนนี้นางไม่ใช่คุณหนูซู! นางเป็นฮูหยินของข้า! ถังฮูหยิน! เข้าใจไหม!”