หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 528 เจ้ามีหน้าที่เอาแต่ใจ ข้ามีหน้าที่เอาใจ (1)
ตอนที่ 528 เจ้ามีหน้าที่เอาแต่ใจ ข้ามีหน้าที่เอาใจ (1)
ชุ่ยผิงถอนหายใจเบาๆ นิ้วมือชี้ไปตามแนวเส้นขาวตรงหน้าท้องของหันหมิงชั่น แล้วตอบกลับ “เห็นเจ้าค่ะ”
เส้นขาวตรงหน้าท้องคือพังผืดกล้ามเนื้อหน้าท้องใต้ผิวหนังที่วิ่งไปตามแนวยาวตรงกลางช่องท้อง เนื่องจากไม่มีเส้นเลือดใหญ่อยู่ด้านใต้ จึงมักถูกเลือกเป็นแนวทางในการผ่าตัดแบบเปิด นี่เป็นสิ่งที่เหยาเยี่ยนอวี่เคยกล่าวมาก่อน
“เยี่ยม” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า “ผ่าจากสะดือไปด้านล่างเจ็ดนิ้ว ลึกสองส่วนครึ่ง”
“เจ้าค่ะ” ชุ่ยผิงตอบกลับ แล้วเริ่มลงมือ มีดผ่าตัดแหลมคมค่อยๆ ผ่าหนังท้องให้แยกออกจากกัน
หันหมิงชั่นแค่รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย แม้กระทั่งนางยังส่งยิ้มให้เหยาเยี่ยนอวี่ได้
หันซังเย่ว์ที่กำลังถ่ายเลือดอยู่ด้านล่างก็อดหันหน้าไปทางอื่นไม่ได้…โอ้สวรรค์! มีดเล่มเล็กนั้นกรีดหน้าท้องเบาๆ หนังท้องของน้องสาวก็แยกออกจากกันแล้ว! ที่แท้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในใต้หล้านี้ไม่ใช่นักสังหารหรือศัตรู แต่เป็นหมอหญิงที่รู้ทักษะการแพทย์เหล่านี้!
ตอนเด็กถูกดึงออกจากท้อง ใบหน้าเขียวซีด สายสะดือพันคอสองรอบอย่างแน่น ทำให้ทารกถูกรัดคอจนใกล้จะหายใจไม่ออก ชุ่ยผิงใช้มีดตัดสายสะดือออก แล้วส่งทารกน้อยให้หมอตำแยที่อยู่ด้านข้าง หมอตำแยมือสั่นจนเกือบทารกเกือบจะตกลงบนพื้น
“ได้สติหน่อย!” ชุ่ยผิงสบถเสียงเบา
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ…” ตามหลักแล้วหมอตำแยก็เห็นคนเป็นคนตายมามาก ทว่าวันนี้เป็นครั้งแรกที่ผ่าตัดเปิดหน้าท้อง นางไม่ตกใจจนทรุดลงบนพื้นก็ดีแค่ไหนแล้ว
เหยาเยี่ยนอวี่ปลอบโยนทุกคนด้วยเสียงเบา “ไม่ต้องกลัว จะรีบเย็บแผลให้เสร็จ จากนั้นใช้ยาทาที่พวกเราคิดค้นเอง ใช้ยาหยุดเลือดในเร็วที่สุด เจ็ดวันถัดไป แผลก็คงจะหายดีหมดแล้ว”
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ…” หมอตำแยค่อยๆ หลุดออกภวังค์ มือข้างหนึ่งจับขาของทารกน้อยไว้ อีกข้างตบก้นของทารกเบาๆ
“อุแว้!” ทารกน้อยคายก้อนเลือดออกจากปากแล้วร้องไห้ออกมา เสียงร้องไห้ที่ดังสนั่นนี้ทำให้กลิ่นคาวเลือดของห้องคลอดจางหายไปมาก ทุกคนได้สติกลับมา
“พี่หัน ได้ยินแล้วหรือยัง” เหยาเยี่ยนอวี่กุมมือหันหมิงชั่นไว้ แล้วพูดยิ้มๆ “ได้บุตรชายแน่ะ! ช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
“น้องเหยาผู้แสนดี…ขอบคุณเจ้าจริงๆ ข้าแค่อุ้มท้องมาสิบเดือน แต่เจ้ากลับช่วยชีวิตเด็กคนนี้ไว้ เด็กคนนี้ก็คือบุตรชายของเจ้า ข้าจะให้เขาเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้า วันข้างหน้าต้องกตัญญูต่อเจ้าเหมือนกตัญญูต่อข้าแน่นอน”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างมีความสุข “เยี่ยมเลย มาเยือนคราวนี้คุ้มแสนคุ้มจริงๆ”
รุ่งเช้าในฤดูร้อนนี้ ฟ้าสว่างตั้งแต่ยามอิ่น แสงรุ่งอรุณสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในเรือน สะท้อนให้เห็นเงามุ้งสีเขียวมรกต ทั้งเตียงเคล้าด้วยความอบอุ่น
เสียงนกร้องอันไพเราะดังจากนอกหน้าต่าง เว่ยจางลืมตาโน้มตัวลงไปมองเหยาเยี่ยนอวี่ที่กำลังหลับใหลอยู่ในอ้อมอก มุมปากอดยกขึ้นไม่ได้
เมื่อวานตอนอยู่ในจวนจิ้งไห่โหว เหยาเยี่ยนอวี่คอยสั่งให้ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงผ่าตัดให้หันหมิงชั่น หลังจากรักษาชีวิตของสองแม่ลูกไว้ได้ องค์หญิงใหญ่หนิงหวากลับกุมมือเหยาเยี่ยนอวี่ไว้ น้ำตาไหลพรากลงมาไม่หยุด
องค์หญิงใหญ่หนิงหวาได้รับการโปรดปรานจากไทเฮาและฮ่องเต้ ชีวิตนี้อยากได้อะไรก็ย่อมได้รับทุกอย่าง แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้นางเจ็บปวดจนอยากที่จะลืมเลือน นั่นก็คือตอนคลอดบุตรี วันนี้ฝันร้ายที่เคยเกินขึ้นกลับมาอีกครั้ง นางกับหันหมิงชั่นเหมือนไปเยี่ยมเยียนยมโลกมาหนึ่งรอบ
สองพี่น้องเซียวหลินก็รู้สึกขอบคุณในบุญคุณครั้งนี้ของเหยาเยี่ยนอวี่
หันซังเย่ว์เป็นคนที่ดีใจที่สุด ไม่ได้รู้สึกอ่อนล้าเพราะเสียเลือดมากเกินไป กลับอุ้มหลานชายไว้ตลอดเวลา ทั้งยังยิ้มและหยอกล้อทารก “เจ้าตัวแสบ เกือบจะทำให้มารดาเจ้าลำบากแล้ว! ถ้าโตมาไม่รู้จักกตัญญู ท่านน้าคนนี้จะถลกหนังเจ้า คอยดู!”
องค์หญิงใหญ่หนิงหวาได้ยินคำพูดนี้ก็ยิ้มทั้งน้ำตา จากนั้นแย่งหลานหัวแก้วหัวแหวนมาจากในมือของบุตรชาย
สถานการณ์ที่น่าชื่นชมยินดีมีเพียงเท่านั้น และผู้ที่เสียสละที่สุดก็คือสตรีที่กำลังหลับฝันหวานในอ้อมอกของตน ณ ตอนนี้
เว่ยจางยื่นมือไปลูบคิ้วเรียงสวยของเหยาเยี่ยนอวี่ ราวกับกำลังจับวัตถุโบราณที่หายากในใต้หล้านี้
ราวกับว่าสายตาคู่นี้ที่จับจ้องเหยาเยี่ยนอวี่กำลังรบกวนการนอนหลับ นางลืมตามองเขาเพียงพริบตาอย่างไม่เต็มใจ แล้วพลิกตัวพิงอยู่กลางอกของเขา ดึงหมอนมากอดพร้อมพึมพำ “ยามใดแล้ว”
“ยังเช้าอยู่ หลับก่อนเถอะ” เว่ยจางลูบผมที่ยุ่งเหยิงของนางไปท้ายทอย เกลี้ยกล่อมให้นางหลับตาอีกครั้ง
ไม่นาน คนในอ้อมอกก็หลับสนิทอีกครั้ง แม่ทัพเว่ยถึงจะลืมตาขึ้น แล้วดึงแขนออกมาซอกคอของนางเบาๆ จากนั้นลุกขึ้น
เหยาเยี่ยนอวี่หลับถึงยามเฉิน ถึงจะค่อยๆ ตื่นขึ้นมา เซียงหรูและคนอื่นๆ ยกกะละมังและผ้าเช็ดหน้าเข้ามาแต่งตัวให้นาง แม่ทัพเว่ยเข้ามาตอนหวีผม ในมือถือดอกหรงฉิวสีม่วงไว้สองดอก
“ไปเด็ดมาจากไหนกัน” เหยาเยี่ยนเวี่ยื่นมือรับไว้ด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
“ข้าเจอตอนไปฝึกซ้อมดาบที่ดงไผ่ รู้สึกว่าสวยดีเลยเด็ดกลับมาให้เจ้า” เว่ยจางยืนมองเครื่องประดับที่เรียงรายบนถาดตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จึงเอาไปเทียบด้วยความตั้งใจ สุดท้ายก็เลือกปิ่นหยกม่วงลายเมฆให้เซียงหรู “ปักอันนี้”
เซียงหรูรับปิ่นพลางมองเหยาฮูหยินในคันฉ่อง แล้วยิ้มอย่างจนปัญญา วันนี้ฮูหยินสวมเสื้อผ้าสีเขียวอ่อน ปักปิ่นหยกม่วง…
เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “ปักอันนี้ แล้วปักดอกไม้นี่ด้วย” พูดไป ก็ยื่นดอกสีม่วงในมือให้เซียงหรู
เซียงหรูรับคำแล้วยื่นรับดอกไม้มาเทียบกับผมมวยของเหยาฮูหยิน เลือกตำแหน่งปักปิ่นที่เหมาะสม จากนั้นคุยกับอูเหมยที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าไปเลือกชุดกระโปรงสีม่วงอ่อนให้ฮูหยินที”
กระโปรงสีม่วงลายเหยี่ยวสีฟ้าล้อมรอบด้วยลวดลายใบไม้ ชุดกระโปรงผืนสำหรับฤดูร้อนนี้บางเบาราวกับควัน เมื่อสวมใส่บนตัวบางเบาราวกับหมอกควัน ทำให้เรือนร่างของนางดูเบาบางและอ่อนแอจนทนกับแรงลมไม่ได้
เว่ยจางค้อมตัวลงช้อนนางขึ้นเดินจากเรือนไปยังสวนหน้า แล้ววางลงบนเก้าอี้สาน
ในสวนอันร่มเงา แสงแดดอ่อนๆ สีน้ำผึ้งสาดส่องผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้
เหล่าสาวใช้หน้าตาสะสวยเดินไปเดินมา ต่างก็ยุ่งกับการจัดอาหารเช้าอันสมบูรณ์ เว่ยจางมองข้าวต้มสามอย่างบนโต๊ะพลางถาม “มีข้าวต้มผลไม้ ข้าวต้มถั่วแดง และข้าวต้มเนื้อไก่ฉีก เจ้าจะกินอันไหน”
“ข้าวต้มเนื้อไก่ฉีก” เหยาเยี่ยนอวี่พิงบนเก้าอี้สาน เงยหน้าหรี่ตาลง
“เว่ยจางยกข้าวต้มไก่ฉีกขึ้น ตักหนึ่งช้อนมาเป่าข้างปาก พอแน่ใจว่าหายร้อนแล้วถึงจะยื่นไปข้างปากของฮูหยิน “อ้าปาก”
“อ้ำ” เหยาฮูหยินหรี่ตาอ้าปาก แม่ทัพเว่ยป้อนข้าวต้มให้นางคำแล้วคำเล่า
เหล่าสาวใช้ลอบยิ้มอยู่ข้างๆ ใครจะไปรู้ว่าแม่ทัพที่ชอบปั้นหน้าโหดเหี้ยมนี้กลับป้อนอาหารฮูหยินด้วย
เหยาฮูหยินน้อยกินข้าวต้มไปครึ่งถ้วย แล้วส่ายหัว “ไม่กินอันนี้แล้ว”
“เปลี่ยนข้าวต้มถั่วแดง?” แม่ทัพเว่ยวางถ้วยข้าวต้มไก่ฉีกลง แล้วรอให้ฮูหยินพูดขึ้นต่อ
“ไม่เอา เอาข้าวต้มผลไม้” เหยาฮูหยินมองแม่ทัพเว่ยตักข้าวต้มผลไม้มาลองอุณหภูมิ จึงพูดขึ้นต่อ “ตอนเที่ยง ข้าอยากกินปลา”