หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 519 เหนือการคาดหมาย (1)
ตอนที่ 519 เหนือการคาดหมาย (1)
องค์ชายปกครองแผ่นดิน! ทุกคนในตำหนักต่างก็นิ่งงัน
ไม่นาน เว่ยจางและเฉิงอ๋องก็แลกเปลี่ยนสายตากัน แล้วหายจากไปทันที
ฮองเฮาและเฟิงจงเยี่ยต่างก็สนใจเฉิงอ๋อง จิ่นอ๋อง เยี่ยนอ๋อง เจิ้นกั๋วกง และหันซังเกอเท่านั้น พวกเขาไม่กระทั่งจะสังเกตเห็นเซียวหลิน ยิ่งไม่มีทางสังเกตเห็นเว่ยจางที่มีบทบาทเล็กน้อยขนาดนี้อยู่แล้ว…แม่ทัพที่ไม่มีตระกูลใหญ่ที่ทรงอำนาจหนุนหลัง ในสายตาของคนตระกูลเฟิงก็เป็นเพียงบทบาทเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
และเหยาเยี่ยนอวี่ก็ถูกจางชางเป่ยมองจนต้องหลบไปตรงมุมอย่างเงียบๆ เวลานี้ท่านอ๋องและเหล่ากั๋วกงกำลังพูดคุยเรื่องใหญ่ของแผ่นดิน ไม่มีหน้าที่ของพวกเขาที่เป็นหมอหลวงอยู่แล้ว
“องค์ชายปกครองแผ่นดิน?” จิ่นอ๋องแย้มพระสรวลจางๆ แล้วตรัสว่า “อัครเสนาบดีช่างกล้าคิดจริงๆ โชคดีที่ปกติฝ่าบาทให้ความสำคัญกับเจ้าขนาดนั้น วันนี้ฝ่าบาทเพียงบาดเจ็บเท่านั้น อัครเสนาบดีรีบกอดขาของเหล่าองค์ชายจริงๆ เลยนะ? ก่อนหน้านี้เป็นองค์ชายใหญ่ ตอนนี้จะเป็นใครอีก?”
เฟิงจงเยี่ยได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่รู้สึกเร่งรีบ แค่ประสานมือคารวะให้กับม่านอยู่ในห้อง “กระหม่อมเฟิงจงเยี่ยเฝ้าคะนึงถึงฝ่าบาทตลอดเลา จงรักภักดีเป็นอย่างยิ่ง ฟ้าดินเป็นพยานได้! วันนี้ฝ่าบาทยังทรงไม่ฟื้น และราชสำนักกลับปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ เพียงให้มีองค์ชายรับผิดชอบปกครองแผ่นดินชั่วคราว รอให้ฝ่าบาทพลานามัยดีขึ้นแล้ว คงไม่ต้องการองค์ชายแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ได้รับการยกเว้น แล้วเป็นไปไม่ได้อย่างไร หรือว่าจิ่นอ๋องอยากเห็นคนถ่อยทำสำเร็จ รากฐานของบรรพบุรุษถูกทำลายถูกจะรู้สึกมีความสุขใช่หรือไม่ หรือพูดได้ว่า ภายในใจของจิ่นอ๋องมีแผนการอย่างอื่นอยู่แล้ว!”
“เฟิงจงเยี่ย!” จิ่นอ๋องทรงเกรี้ยวโกรธขึ้นมาทันที ยกมือชี้หน้าเฟิงจงเยี่ย “เจ้าพูดจาเหลวไหล! เป็นถึงขุนนางฝ่ายบุ๋นที่เหล่าขุนนางก็นับว่าเป็นอาวุโส ข้าดูแล้ว คนพวกนั้นตาบอดจริงๆ ต่อให้เจ้าจะเป็นปัญญาชน จริงๆ ต่อให้มีอำนาจมากเพียงใดก็เป็นได้แค่คนถ่อย!”
เฟิงจงเยี่ยกลับทำสีหน้านิ่งเฉย แล้วเหลือบตามองจิ่นอ๋องที่กำลังโมโหด้วยสายตานิ่งเฉย พร้อมทูลด้วยเสียงเย็นชา “จิ่นอ๋องเตี้ยนเซี่ย ท่านได้โปรดพูดให้มีเหตุผลหน่อย หรือไม่มีหลักเหตุผลอะไรน่าพูดจนต้องเลียนแบบพวกพ่อค้าแม่ค้าปากตลาด นินทาว่าร้ายคนไปทั่ว? ที่นี่คือตำหนักฝ่าบาท ฝ่าบาทยังทรงประชวรจนไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้ จิ่นอ๋องเป็นเช่นนี้ หรือกลัวว่าบรรพบุรุษของราชวงศ์จะถือโทษ?”
ก่อนหน้านี้เรื่องพวกนี้สำหรับเหยาเยี่ยนอวี่แล้วเป็นเพียงเรื่องราวในประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่วันนี้เป็นมาเจอด้วยตัวเอง ก็ได้สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง อำนาจก็คือดาบสองคม ทำให้เรื่องความสัมผัสที่ใกล้ชิดกันนั้นถูกสังหารจนสิ้นซาก
หลังจากเฉิงอ๋องและเจิ้นกั๋วกงแลกเปลี่ยนสายตากันเพียงปราดเดียว ก็ทำเหมือนไม่เห็นว่าจิ่นอ๋องและเฟิงจงเยี่ยกำลังทะเลาะถกเถียงกันอยู่
น้องสาวของเยี่ยนอ๋องคือบุตรสะใภ้ของเฟิงจงเยี่ย ทว่าจิ่นอ๋องกลับเป็นญาติผู้น้องของเขา ท่านอ๋องที่ทั้งถ่อมตนและอ่อนโยนเช่นนี้ วันนี้ก็รู้สึกโมโหที่เห็นพวกเขาสองคนทะเลาะกัน จู่ๆ ก็ตะโกนหนึ่งที “พอเถอะ! พวกเจ้าไม่รู้จักอายเลยหรือ!”
เฟิงจงเยี่ยและจิ่นอ๋องตะลึงงันทันที ต่างก็แค่นเสียงไม่พอใจแล้วหันหลังใส่กัน
เยี่ยนอ๋องยังคงไม่ดูน่าเกรงขามไม่ลดน้อยลง แล้วตวาดด้วยความโมโห “เสด็จพี่ยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา พวกเจ้าก็มาทะเลาะถกเถียงกันตรงนี้ มีจุดประสงค์ในใจอะไรกันแน่? หากอยากจะทะเลาะกัน ก็ออกไปทะเลาะด้านนอกเถอะ อย่ามาสร้างความน่าอับอายแถวนี้!”
เยี่ยนอ๋องตะคอกด้วยความโมโหเช่นนี้ ทำให้ทุกคนต้องหยุดทะเลาะกัน หลังจากนั้น เยี่ยนอ๋องหันไปมองเหยาเยี่ยนอวี่ “หมอหลวงเหยา ช่วยไปวัดชีพจรให้ฝ่าบาทอีกหน่อยเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่โค้งคำนับตอบกลับ แล้วหันหลังเดินเข้าไปด้านใน
จางจือหลิงกำลังเฝ้าอยู่ข้างฮ่องเต้ พอเหยาเยี่ยนอวี่เข้ามาก็พูดว่า “เมื่อครู่ฝ่าบาททรงพึมพำเสียงต่ำ เหมือนจะทรมานอย่างมาก จากนั้นก็ทรงไม่รู้สึกตัวไปอีกรอบ ข้ากำลังจะไปเชิญหมอหลวงเหยาเข้ามา…”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันตอบกลับ สถานการณ์ตอนนั้นในเมื่อครู่นี้ จางจือหลิ่งก็ไม่อยากออกไปเป็นตัวรับกระสุนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงพูดยิ้มๆ “เช่นนั้นใต้เท้าจางเคยจับชีพจรให้ฝ่าบาทไหม?”
“เคย เหมือนจะดีกว่าก่อนหน้านี้ ทว่ายังคงไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมา” จางจือหลิงพูดไปก็ลุกขึ้นไป เอาเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าตั่งไม้ที่ฮ่องเต้ทรงบรรทมให้เหยาเยี่ยนอวี่
เหยาเยี่ยนอวี่เดินหน้าไปจับให้ฮ่องเต้อีกครั้ง จากนั้นก็ฝังเข็มอีกครั้ง นางยังคงใช้กำลังภายในของตนให้หมดไปแปดเก้าส่วนถึงจะดึงเข็มกลับ ก่อนหน้านี้จางชางเป่ยบอกไปแล้วว่าฮ่องเต้จะฟื้นในวันรุ่งขึ้น ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เหลือเวลามากแล้ว
“พวกเราต้องไปหาอิ๋นซิ่นมาสกัดเป็นของเหลวแล้วฉีดเข้าไปในเส้นเลือด” เหยาเยี่ยนอวี่พูดไปก็มองไปยังจางฉางเป่ย
ใบหน้าที่ซูบผอมและดูเข้มงวดของผู้เฒ่าจางขมวดเป็นปม ขมวดคิ้วทำแววตาที่ดูลุ่มลึกมากขึ้น “ข้าบอกให้คนไปตามชุ่ยผิงและหลินซู่มั่วมาแล้ว พวกนางชำนาญฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำมากที่สุดแล้ว”
“ได้” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า
ก่อนหน้านี้จางหย่วนจือและเหยาเหยียนอี้แค่รู้ว่าฮ่องเต้บัญชาให้เหยาเยี่ยนนอวี่มากะทันหัน ก็ยังนึกว่าฮ่องเต้ได้รับบาดเจ็บไม่หนักตอนทรงม้า ไหนๆ ในวังก็ไม่ได้ส่งข่าวใดๆ ออกมา พวกเขาก็ไม่อยากถามมากเกี่ยวกับพลานามัยของฮ่องเต้ ถามมากไปก็อาจจะโดนว่าร้ายว่าสมรู้ร่วมคิดก็ได้ ดังนั้นนิ่งเงียบไว้ถึงจะดีที่สุด
ตอนที่ชุ่ยเวยรีบกลับมารายงาน สองพ่อลูกเหยาหย่วนจือก็สะดุ้งตกใจอย่างมาก
“เช่นนั้น พระอาการของฝ่าบาทก็ร้ายแรงอย่างมากน่ะสิ!” เหยาหย่วนจือถลึงตามองชุ่ยเวย สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม และพูดด้วยเสียงเข้มทุ้มต่ำ
“บ่าวก็ไม่แน่ใจเจ้าค่ะ ทว่าบ่าวได้ยินว่าหลังจากตอนช่วงเช้าที่ฝ่าบาททรงล้มก็ยังไม่สติเจ้าค่ะ หมอหลวงจางและหัวหน้าหมอหลวงในสำนักหมอหลวง รวมไปถึงคุณหนูของพวกเราก็คอยเฝ้าอยู่ข้างกายฮ่องเต้ หมอหลวงจางยังส่งคนมารับชุ่ยเวยและหลินซู่มั่วไปด้วย แล้วยังให้เอายาสูตรใหญ่หลากหลายชนิดของสำนักแพทย์ไปด้วย บ่าวกลัว…ขืน…”
“ไม่มีคำว่าขืน” เหยาหย่วนจือขัดคำพูดของชุ่ยเวยทันที “เวลานี้ ห้ามเจ้าคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ยิ่งห้ามพูดจาเหลวไหล!”
“เจ้าค่ะ บ่าวจดจำคำพูดของนายท่านไว้แล้ว” ชุ่ยเวยพลันตอบกลับ
“ตอนนี้เจ้ากลับจวนแม่ทัพก่อนเถอะ ให้คนในจวนแม่ทัพทำใจสงบก่อน เอ่อ แล้วรองแม่ทัพถังและรองแม่ทัพเฮ่ออยู่จวนใดกัน”
“รองแม่ทัพเฮ่อไม่อยู่ในเมืองหลวง รองแม่ทัพถังอยู่กับแม่ทัพเจ้าค่ะ เวลานี้น่าจะอยู่ในวังหลวง”
“แล้วจวนแม่ทัพยังมีใครอยู่ล่ะ!”
“จ้าวต้าเฟิงติดตามรองแม่ทัพเฮ่อออกไปแล้ว มีเพียงเก๋อไห่ที่อยู่สำนักแพทย์ ทีแรกก็บอกว่าอยู่เพื่อรักษาความปลอดภัยของราชครูเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ไปหาเขา แล้วบอกเขาว่าให้ดูแลบ่าวไพร่ทั้งหมดในจวนแม่ทัพให้ดี ไม่ว่าจะได้ยินข่าวคราวใดๆ นอกจากมีคำสั่งของแม่ทัพพวกเจ้าลงมา ห้ามให้ใครหน้าไหนใจร้อนเด็ดขาด!”
“เจ้าค่ะ” เรื่องใหญ่สำคัญยิ่งกว่า ชุ่ยเวยจึงรู้สึกสบายใจเพื่อเห็นแววตาที่นิ่งสงบของเหยาหย่วนจือ
หลายปีมานี้นางติดตามเหยาเยี่ยนอวี่ ก็เจออะไรมาไม่น้อย อะไรคือความเป็นความตาย อะไรคือเจ้าตายข้าอยู่รอด อะไรคือการหลอกต้มกัน แล้วยังเจอกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสนามสงคราม การเอาชีวิตรอดจากความตาย นางก็เคยผ่านมาหมดแล้ว เมื่อครู่นางสะดุ้งตกใจเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเหยาเยี่ยนอวี่ เวลานี้มีคำสั่งของนายท่าน รู้ว่าหน้าที่พึงกระทำของตนเองคนอะไรแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้กระวนกระวายอีก จิตใจค่อยๆ สงบลง
เหยาเหยียนอี้มองชุ่ยเวยออกไปด้านนอก จึงถามเหยาหย่วนจือ “ท่านพ่อ เรื่องนี้ไม่ควรนั่งนิ่งดูดาย หากเหยาเยี่ยนอวี่รักษาฝ่าบาทไม่ได้ละก็…”