หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 485 ถือโอกาสโต้กลับ (2)
ตอนที่ 485 ถือโอกาสโต้กลับ (2)
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งได้ยินคำพูดนี้ ดวงหน้าเคล้าด้วยรอยยิ้มขึ้นมา แล้วเปรยว่า “เยี่ยนเจี่ยเอ๋อร์นางนี่แหละที่พูดได้เข้าใจที่สุด คนที่ได้รับเบี้ยเลี้ยงจากราชสำนักล้วนไม่ธรรมดา” ขณะที่พูด ก็ถามเรื่องในสำนักแพทย์กับเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยสีหน้าเบิกบาน ถามว่าเหนื่อยหรือไม่ ยุ่งหรือไม่ ต่อให้งานราชกิจจะยุ่งเพียงใดก็ควรรักษาสุขภาพให้ดี แล้วยังถามว่าเหตุใดหลานเขยถึงไม่มา งานราชกิจยุ่งเกินไปหรือ
เหยาเยี่ยนอวี่ทำได้เพียงตอบกลับทีละคำถาม บอกว่าเหตุเพราะเว่ยจางจัดการงานทางการทหาร จึงไม่อยู่ในเมืองหลวง รอให้เขากลับมาต้องมาน้อมคำนับฮูหยินผู้เฒ่าแน่นอน
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งได้ยินก็รู้สึกดีใจอยู่แล้ว ทุกวันนี้ในบรรดาหลานสาวสามคน คนที่นางให้ความสำคัญที่สุดก็คือเยี่ยนเจี่ยเอ๋อร์
คงไม่ต้องกล่าวถึงเหตุผลก็รู้ดี เยี่ยนเจี่ยเอ๋อร์รู้วิชาการแพทย์ เป็นขุนนางระดับที่สามในราชสำนัก ซ้ำยังแต่งงานกับแม่ทัพใหญ่ฝู่กั๋วจนเป็นฮูหยินเก๊ามิ่งระดับสอง ฮูหยินระดับสอง ตนเองอายุเยอะขนาดนี้ยังได้เป็นเพียงฮูหยินระดับหนึ่ง บุตรชายได้เป็นขุนนางระดับหนึ่ง บุตรสะใภ้ถึงจะถูกแต่งตั้งให้เป็นฮูหยินระดับสอง เยี่ยนเจี่ยเอ๋อร์เพิ่งจะอายุยี่สิบก็ได้เป็นฮูหยินระดับสองแล้ว! ในเมืองเจียงหนาน เหล่าญาติมิตรต่างรู้ว่านางมีหลานสาวที่เป็นถึงฮูหยินระดับสอง ทุกครั้งที่กล่าวถึงเรื่องนี้ นางก็มักจะรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งวางแผนนี้ไว้เป็นอย่างดี นางยืนหยัดที่จะมาเมืองหลวง เหตุผลบางส่วนก็มาเพราะเยี่ยนเจี่ยเอ๋อร์ หลานสาวคนรองของนาง วันนี้นางมีอายุปานนี้แล้ว หากยังไม่มามีหน้ามีตาในเมืองหลวงหน่อย คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายในชีวิตนี้
ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเห็นเหยี่ยนอวี่ จึงรู้สึกสนิทสนมกว่าใคร นางเอาแต่พูดคำว่าเหลนอย่างต่อเนื่อง ส่วนเหยาเยี่ยนอวี่ที่ต้องคอยรับมือกับนางก็รู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย ภายในใจของนางมีเรื่องเก็บไว้มากมาย มีคนอารมณ์มาพูดคุยเล่นเป็นเพื่อนกับฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างไร
หนิงฮูหยินน้อยรู้จักเหยาเยี่ยนอวี่เป็นอย่างดี หากมีเวลาเมื่อใดน้องสาวคนนี้เพียงต้องการหาที่สงบๆ แล้วงีบหลับสักพัก เรื่องที่ต้องคอยมานั่งพูดคุยเล่นกับสตรีพวกนี้ นางไม่เคยชื่นชอบเลย ดังนั้นจึงพูดยิ้มๆ “เมื่อคืนหวนเอ๋อร์ไอแห้งๆ วันนี้น้องสาวมาพอดี คงต้องลำบากน้องสาวไปดูอาการเด็กคนนี้หน่อยเถอะ ดูว่าจะให้เขากินยาบรรเทาอะไรหรือไม่”
เหยาเยี่ยนอวี่จึงพูด “ตอนนี้อากาศแห้ง เกรงว่าเด็กคงเป็นไข้ปอด พี่สะใภ้ เช่นนั้นข้าจะไปดูอาการเขาหน่อย”
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งขมวดคิ้ว “วันๆ แม่นมทำอะไร ถึงได้ไม่ระมัดระวังเช่นนี้ ปล่อยให้เด็กที่เล็กเช่นนี้โดนความเย็นได้อย่างไร”
หนิงฮูหยินน้อยยกยิ้มไม่พูดไม่จา เหยาเยี่ยนอวี่จึงพูดว่า “อาจจะไม่ได้โดนความเย็นก็ได้ ข้าจะไปดูเขาหน่อย”
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งพูดอย่างไม่พอใจอีกครั้ง “ไหนๆ เป็นเช่นนี้แล้ว สั่งให้แม่นมอุ้มมาไม่ดีกว่าหรือ จำเป็นต้องให้เจ้าไปดูอาการเองเลยหรือ บ่าวไพร่ในจวนกลับไม่มีมารยาทเช่นนี้เชียวหรือ”
หวางฮูหยินพูดขึ้น “ไม่ใช่ว่าบ่าวไพร่ไม่มีมารยาทหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่เด็กน้อยไม่สบาย ถ้าอุ้มมาก็กลัวว่าจะแพร่เชื้อให้ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ ไม่พูดไม่จา เหยาเยี่ยนอวี่กลับไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ จึงน้อมคำนับให้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งและหวางฮูหยินพร้อมกับหนิงฮูหยินน้อยแล้วเดินจากไป
ออกจากเรือนหนิงฮูหยินน้อยก็อมยิ้มไม่ได้ เหยาเยี่ยนอวี่เปรยว่า “เฮ้อ! ฮูหยินผู้เฒ่าเอาชีวิตชีวามาจากไหนเยอะแยะ! คุยจนข้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
“ข้ารู้เจ้าเหนื่อยมาก ดังนั้นหาข้ออ้างให้เจ้าออกมา” หนิงฮูหยินน้อยจูงมือเหยาเยี่ยนอวี่กลับเรือนตน เข้าประตูก็สั่งจินหวน “ไปอุ้มเกอเอ๋อร์มาที”
จินหวนตอบกลับสั้นๆ ไม่นานก็อุ้มเหยาเซิ่งหวนมา เหยาเยี่ยนอวี่มองเด็กน้อยจ้ำม่ำ ภายในใจก็รู้สึกรื่นเริงยิ่งนัก เหตุเพราะอุ้มไว้บนตักและหยอกเล่นไปสักพัก จึงลอบจับข้อมือน้อยๆ จากนั้นมองลิ้นของเด็กน้อย พลางพูดว่า “ไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงต้มเปลือกส้มให้เขาดื่มสองวัน แล้วสั่งให้แม่นมกินอาหารจืดหน่อย กินผักสดเยอะหน่อย”
หนิงฮูหยินน้อยตอบกลับพลางกำชับจินหวน “จำไว้หรือยัง ประเดี๋ยวไปบอกโรงครัวและแม่นมด้วย”
จินหวนพลันตอบกลับ หนิงฮูหยินน้อยสั่งจินหวนให้อุ้มเด็กน้อยไปเล่น ตนเองจึงให้เหยาเยี่ยนอวี่กินของว่างแล้วพักผ่อน เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ทันอยู่กินมื้อเที่ยง เฝิงหมัวมัวส่งคนมาบอกว่าในจวนมีเรื่องเร่งด่วน จึงเชิญฮูหยินกลับไปก่อน
เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินจึงกระวนกระวายอย่างมาก เฝิงหมัวมัวเป็นคนมาทำงานรอบคอบ เรื่องที่นางจัดการได้ ก็ยังไม่มีทางมาตามนางกลับมาอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ ทว่าหากนางมาเชิญกลับไป ก็แสดงว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่ หนิงฮูหยินน้อยพูดขึ้น “ไหนๆ ก็เป็นเช่นนี้แล้ว สั่งคนไปเตรียมรถม้ากลับไปดู มีเรื่องอะไรก็ส่งคนมาบอกพี่ชายเจ้าเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่รีบออกจากเรือนไปทันที แม้กระทั่งยังลืมที่จะกล่าวอำลากับฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยิน ก็ขอม้าจวนเหยามาหนึ่งตัว พลางขี่กลับจวนอย่างเร่งรีบ
นางเร่งม้าอย่างรวดเร็ว ทำให้เก๋อไห่ที่ติดตามอยู่ตลอดเวลาถึงกับสะดุ้ง พลางสั่งให้ลูกน้องขี่ม้าตามนางไปทันที จนชาวบ้านที่สัญจรไปมาบนถนนต้องหลีกทางโดยเร็ว ทุกคนกลัวว่าจะหาเหาใส่หัว
นางรีบกลับถึงจวน พอเขาประตูก็เห็นฉังเหมาเข้ามาต้อนรับด้วยสีหน้ากังวลอย่างมาก เหยาเยี่ยนอวี่โยนบังเหียนม้าไป แล้วถามด้วยคิ้วขมวด “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ฉังเหมาก้มหน้าตอบกลับ “เรียนฮูหยิน โรงกระจกที่อยู่ทิศตะวันออกของเมืองหลวง…ระเบิด! คนมีเสียชีวิตไปสิบสองคน ได้รับบาดเจ็บสาหัสดยี่สิบหกคน ส่วนที่เหลืออาการไม่ค่อยหนักมาก…มีช่างไม้ครอบครัวหนึ่งสิ้นชีวิตจนเกือบหมด เหลือไว้แต่เพียงทารกอายุแปดเดือน…”
“อะไร…” เหยาเยี่ยนอวี่นิ่งงันไปทันที แล้วยืนตรงใต้ระเบียงทางเข้าประตูสอง ไม่ได้ขยับไปไหน
“พวกบ่าวเชิญฮูหยินรีบกลับมา เพราะว่าน้าเฝิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส…เฝิงหมัวมัว…ร้องไห้จนหมดสติไปแล้ว บ่าวจนปัญญา ดังนั้นถึงอยากเชิญฮูหยินกลับมา ดูว่าจะรักษาอย่างไร”
เหยาเยี่ยนอวี่รเจ็บปวดใจ กำหมัดแน่นพลางถาม “น้าเฝิงอยู่ไหน”
“พากลับมาแล้วเจ้าค่ะ อยู่ที่เรือนของตนเองเจ้าค่ะ”
“พาข้าไป…” เหยาเยี่ยนอวี่พูดไป ค่อยๆ ยื่นมือออกไป
เซียงหรูพลันเดินหน้าไปพยุงนางไว้ แล้วตามฉังเหมามุ่งหน้าไปเรือนข้างด้านหลัง
แผลของเฝิงโหย่วฉุนส่วนมากเป็นแผลเผาไหม้ ส่วนมากจะโดนเผาตรงแผ่นหลัง เฝิงโหย่วฉุนไปช่วยช่างฝีมือคนหนึ่งถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ช่างฝีมือที่ถูกช่วยชีวิตได้รับบาดเจ็บแค่ขาเท่านั้น ในบรรดาคนงานที่ได้รับบาดเจ็บ ถือว่าเป็นแผลที่เล็กที่สุดแล้ว
เตาหลอมระเบิด ถ่านขนาดใหญ่กระจุยกระจายไปทั่วทุกทิศ จึงลุกไหม้ไปทั่วโรงงาน ถึงแม้โรงงานกระจกจะมีมาตรการป้องกันอัคคีภัย ทว่าเตาหลอมระเบิดคงป้องกันไม่ได้ ทุกคนต่างลนลาน ต่างพากันวิ่งหนี ใครก็ไม่อาจไปสนใจใครได้
ตอนที่เหยาเยี่ยนอวี่เห็นเฝิงโหย่วฉุน ความคิดบางอย่างผุดออกมา จึงรีบสั่งฉังเหมาทันที “เจ้ารีบส่งคนไปจวนเหยา บอกเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงงานกระจก จากนั้นก็บอกว่าข้าเป็นคนบอกให้เขาส่งคนไปเฝ้าโรงยานอกเมือง! อีกเรื่อง เจ้าส่งคนไปหาท่านเซียวโหว บอกพวกเขาว่าโรงงานกระจกนอกเมืองของพวกเขาต้องหยุดทำการชั่วคราว”
ฉังเหมารับคำแล้วหันหลังจากไป เหยาเยี่ยนอวี่รั้งเขาไว้ “เจ้าส่งคนไปรับคนงานที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมารักษาที่จวน ส่วนคนที่อาการไม่ค่อยหนักก็ให้พวกเขากลับไปพักฟื้นตัวที่บ้าน ค่อยเชิญหมอไปรักษาถึงบ้าน”
“ขอรับ” ฉังเหมาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างลนลาน ทว่าฮูหยินกลับมา เขาก็ได้สติขึ้นมาก การพูดและการกระทำจึงไม่พรวดพราดและมีแบบแผน