หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 481 ปกป้องอย่างดี ศัตรูเคลื่อนทัพ (2)
ตอนที่ 481 ปกป้องอย่างดี ศัตรูเคลื่อนทัพ (2)
ภายในใจของเหยาเยี่ยนอวี่คิด เกรงว่าฮูหยินผู้เฒ่าขนครื่องปั้นดินเผาขนาดเล็กกะทัดรัดพวกนั้นมาถึงเมืองหลวงจนหมดแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าคนนี้อายุมากเช่นนี้แล้วยังจะลำบากได้ขนาดนี้ คำพูดเช่นนี้แค่กล้าคิดแค่ในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมา ดังนั้นจึงขานรับ “เรื่องนี้ข้าจะเป็นคนจัดการเอง พี่สะใภ้วางใจเถอะ”
หนิงฮูหยินน้อยพลันขอบคุณ แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “พี่สะใภ้ใหญ่สั่งให้คนเขียนจดหมายมาบอกว่าทีแรกฮูหยินไม่อยากมา แต่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าเป็นกังวลนายท่าน ว่ากันว่าบุตรเดินทางไปพันลี้ มารดาเป็นห่วง คำพูดนี้ไม่ผิดเลยจริงๆ”
เป็นกังวลหรือไม่พอใจกันแน่ เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจในใจ ปากกลับส่งยิ้มพลางตอบกลับ “ฮูหยินผู้เฒ่ามีบุตรชายเพียงคนเดียว จะไม่ให้กังวลได้อย่างไร ว่าไปแล้ว วันข้างหน้าตระกูลพวกเราจะตั้งหลักปักฐานในเมืองหลวงแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าต้องมาในไม่ช้าก็เร็วแน่นอน ถือโอกาสที่จวนโหวเกิดเรื่องเช่นนี้มาเยือนที่นี่ จะได้ไม่ต้องเดินทางหลายรอบ”
หนิงฮูหยินน้อยพูดยิ้มๆ “น้องสาวพูดถูก” พูดจบก็หันไปสั่งจินหวนที่เป็นเมียบ่าวของเหยาเหยียนอี้ “ไปดูว่าโรงครัวทำน้ำแกงกระดูกเห็ดหัวลิงหลิงจือให้คุณหนูรองเสร็จหรือยัง”
จินหวนพลันตอบกลับแล้วออกไป เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “ข้าไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย คงไม่ต้องพี่สะใภ้ตุ๋นน้ำแกงให้ข้ากินทุกครั้งเช่นนี้”
หนิงฮูหยินน้อยพูดยิ้มๆ “ก็แค่น้ำแกงเท่านั้น สูตรน้ำแกงพวกนี้น้องสาวเป็นคนสอนเองประเดี๋ยวลองชิมว่าอร่อยหรือไม่ และช่วยสอนข้าดีๆ เสียหน่อย ฮูหยินก็ชอบดื่มน้ำแกงรสชาติเช่นนี้ ทว่าแม่ครัวในจวนกลับตุ๋นได้ไม่ดีนัก”
ไม่นานจินหวนก็กลับมาบอกว่าน้ำแกงตุ๋นเสร็จแล้ว และอาหารก็ทำเสร็จหมดแล้วด้วย จึงอยากถามฮูหยินว่าจะจัดโต๊ะอาหารไว้ที่ใด หนิงฮูหยินน้อยพูดยิ้มๆ “ส่งไปที่ลานถังตี้ในสวนบุษบาด้านหลังเลย” ขณะพูด ก็หันไปมองเหยาเยี่ยนอวี่ “น้องสาวไปดูว่าเจ้าพึงพอใจกับการจัดเรือนฝั่งโน้นไหม”
เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกซาบซึ้งที่หนิงฮูหยินน้อยปฏิบัติต่อตนเช่นนี้จริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ที่เหยาเหยียนอี้มีบทบาทในราชสำนักได้ ก็เพราะว่าตัวเองเป็นคนช่วย และที่ผ่านมา เหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่ได้สนใจที่หนิงฮูหยินน้อยมาประจบประแจงตนเช่นนี้ ทว่าดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ต่อกัน นางก็ต้องการความช่วยเหลือจากพี่รองเช่นกัน ดังนั้น หนิงฮูหยินน้อยยังปฏิบัติตัวกับตนเองเช่นนี้ น่าจะมาจากใจจริง
ลานถังตี้เป็นลานขนาดเล็กที่ปลูกต้นไห่ถังซีฝู่อายุสิบกว่าปีไว้หนึ่งต้น ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ ดอกไห่ถังบานสะพรั่งจนกิ่งงอสู่พื้น
มื้อเที่ยงที่จัดโต๊ะไว้ใต้ต้นไห่ถัง บนตั่งไม้เตี้ยมีโต๊ะเล็กวางอยู่ หนิงฮูหยินน้อยและเหยาเยี่ยนอวี่นั่งหันหน้าเข้าหากัน บนโต๊ะเล็กมีกับข้าวที่ทำอย่างพิถีพิถันอยู่สี่อย่างและน้ำแกงหนึ่งอย่าง พร้อมกับข้าวเม่าสองถ้วย ทางฝั่งนี้กำลังจะเริ่มรับประทาน ก็มีสาวใช้เข้ามารายงาน “เรียนฮูหยิน คุณหนูรอง แม่ทัพเว่ยมาเยือนเจ้าค่ะ”
“แหม!” หนิงฮูหยินน้อยพูดยิ้มๆ “เหตุใดถึงมาหาถึงที่นี่ได้”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ “เกรงว่าคงมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“เช่นนั้นก็รีบเชิญเข้ามาเถอะ” หนิงฮูหยินน้อยพูดไป ก็สั่งจินหวนที่อยู่ด้านข้าง “รีบสั่งให้โรงครัวเตรียมข้าวให้น้องเขยรองที”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันพูด “พี่สะใภ้ไม่ต้องเตรียมหรอก เขาคงกินเสร็จถึงจะมาเยือนที่นี่แล้ว”
“เวลาเช่นนี้ จะกินอะไรมาได้อย่างไร” หนิงฮูหยินพูดยิ้มๆ ด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “เจ้าเป็นฮูหยินของผู้อื่นได้อย่างไร ข้าไม่เป็นห่วงสุขภาพร่างกายของสามีเช่นนี้ไม่ถูกต้องนัก”
ระหว่างเสวนา เว่ยจางก็เดินตามสาวใช้เข้าลานถังตี้ หนิงฮูหยินน้อยลุกขึ้นพร้อมพูดยิ้มๆ “น้องเขยนั่งก่อนเถอะ ข้าต้องขอตัวก่อน จะไปดูบุตรของข้าหน่อย”
เว่ยจางค้อมตัวลง “พี่สะใภ้รองเชิญตามสบายเถอะ”
หนิงฮูหยินน้อยเหลือบตาเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยรอยยิ้มเบ่งบาน แล้วค่อยเดินจากไป เหยาเยี่ยนอวี่จึงถามว่า “เหตุใดถึงมาหาข้าถึงที่นี่”
“เมื่อครู่ข้ามาจากวังหลวง ต้องไปทำธุระที่อื่นเสียหน่อย ประมาณสามสี่วันถึงจะกลับมา” เว่ยจางพูดไป ก็วางหีบที่ถือไว้ในมือตลอดไว้บนโต๊ะ จากนั้นเปิดออก “นี่เป็นเกาทัณฑ์แขนเสื้อที่ข้าสั่งให้คนไปทำ ยื่นมือออกมา ข้าจะสอนเจ้าใช้”
เหยาเยี่ยนอวี่ยื่นมือขวาออก เว่ยจางส่ายหัว “เปลี่ยนเป็นมือซ้าย”
“ทำไมหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ค่อยเข้าใจ “มือขวาเร็วกว่ามือซ้าย”
เว่ยจางยื่นมือดึงมือซ้ายของนางมา ขณะเดียวกันก็พันสายหนังแกะของเกาทัณฑ์ไว้ข้อมือนาง พลางอธิบาย “ฉะนั้นถึงต้องใช้มือซ้าย มือขวายังต้องทำงานหลายอย่าง ของชิ้นนี้ใช้งานง่ายมาก ดูให้ดี แบบนี้…”
เว่ยจางใช้อาวุธลับนี้ไปด้วยพลางอธิบายทุกรายละเอียดด้วยความอดทน
เหยาเยี่ยนอวี่กลับถือโอกาสก้มหน้ามองเขา ดูจากองศานี้ คิ้วอันเยือกเย็นนั้นชัดเจนกว่าเดิม แววตาคมเฉียบดั่งหมึก ขนตายาวจนบดบังสายตา แก้มซูบผอมกว่าตอนมองตรงๆ โหนกแก้มและคางที่เมื่อมองจากด้านข้างนั้นดูเยือกเย็นกว่าเดิม ทั้งๆ ที่เขาดูเย็นชาและดูเจ้าเล่ห์ สีหน้าก็เคร่งขรึมเช่นนี้ ทว่ากลับยังทำให้นางลุ่มหลงได้
เว่ยจางมัดเกาทัณฑ์ให้นางเสร็จก็อธิบายอย่างละเอียดอีกรอบ เงยหน้ามองแววตาฮูหยินที่กำลังมองตนอย่างลุ่มหลง จึงหลุดยิ้มทันที “เจ้าได้ยินสิ่งที่ข้าพูดเมื่อครู่ไหม”
“ไม่ได้ยิน” เหยาฮูหยินกัดริมฝีปากเบาๆ แล้วกะพริบตาใส่เขา
แม่ทัพเว่ยยิ้มอย่างรักใคร่และจนปัญญา ยกมือจับจมูกน้อยๆ ของนาง “ข้าจะอธิบายกับเจ้าอีกรอบ อย่าเหม่อลอยอีกล่ะ”
“นี่เหมือนจะยากแฮะ” เหยาฮูหยินถอนหายใจอย่างจนหนทาง
เว่ยจางถามด้วยความน่าขบขัน “นี่มีอะไรยากเล่า ง่ายมาก ง่ายกว่าอุปกรณ์ที่เจ้าใช้ในสำนักแพทย์ตั้งเยอะ”
เหยาฮูหยินหยอกเย้ายิ้มๆ “บุรุษที่หล่อเหลาเช่นนี้อยู่ตรงหน้าข้า ข้าฟังอย่างใจจดใจจ่อไม่ได้”
“…” สายตาของแม่ทัพเว่ยดูเร่าร้อนขึ้นมาทันที เขาจับจ้องนางด้วยความลุ่มหลง ลมหายใจเฮือกต่อไป ก็กดสตรีที่ยั่วยวนเขาไปพิงบนหมอนด้านหลัง
เหล่าสาวใช้และผัวจื่อที่ยืนด้านข้างต่างสะดุ้งตกใจ จึงรีบหันหลังไปแอบยิ้ม
เขากำลังสอนนางอย่างสุดความสามารถ จนสุดท้ายก็สอนเหยาฮูหยินให้รู้วิธีการใช้เกาทัณฑ์ ถึงแม้ยังต้องปรับปรุงความแม่นยำในการยิง ทว่าถือว่าใช้งานได้แล้ว
ก่อนที่เว่ยจางจะเดินทาง ก็สั่งให้จ้าวต้าเฟิงและเก๋อไห่มาพบ พร้อมกำชับเหมือนเดิม “พักเรื่องอื่นไว้ก่อน ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าสองคนห้ามจากฮูหยินของข้าไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว”
เก๋อไห่ถูกแม่ทัพเว่ยกำชับซ้ำๆ จนหมดความอดทน จึงพูดยิ้มๆ “แม่ทัพ ท่านกลายเป็นแม่เฒ่าจู้จี้ตั้งแต่เมื่อใด กำชับซ้ำๆ อยู่นั่นแหละ ข้าว่าหากท่านไม่ไว้วางใจสหายของพวกเรามากเช่นนี้ พาฮูหยินออกเดินทางไปด้วยจะดีกว่า”
เว่ยจางถลึงตามองเก๋อไห่ แล้วไม่พูดไม่จา จ้าวต้าเฟิงสะกิดเก๋อไห่เบาๆ สื่อให้รู้ว่าก่อนที่จะทำให้พี่ใหญ่โมโห ให้เขาเงียบปากไปเสีย
ครั้งนี้ฮ่องเต้จะออกเดินทางด้วยการปลอมตัวเป็นสามัญชนธรรมดา เพื่อสืบสวนเหตุก่อโจรกรรมครั้งก่อน ดังนั้นเฉิงอ๋องกำชับให้ฮ่องเต้ต้องบัญชาให้เว่ยจางพาทหารตามเสด็จอย่างเงียบๆ นี่เป็นงานอันตราย จึงไม่ตามเสด็จไม่ได้ เว่ยจางกำลังเคร่งเครียดอยู่ ทว่าเก๋อไห่กลับพร่ำบ่นโดยไม่สนใจสีหน้าของเขา
“ข้าบอกไว้ก่อน หากพวกเจ้าทำไม่ได้ก็บอกมาแต่เนิ่นๆ แต่ถ้าตกลงกับข้าแล้วกลับปล่อยให้นางเป็นอะไรขึ้นมา อย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ ถึงเวลานั้นจะไม่นับพวกเจ้าเป็นสหายอีก” เว่ยจางทิ้งท้ายด้วยคำพูดนี้ก็จากไป
ผ่านไปพักใหญ่ เก๋อไห่ก็ยังไม่ได้สติกลับมา จ้าวต้าเฟิงถอนหายใจ พลางมองเก๋อไห่ที่นั่งริมบ่อน้ำ พลางเปรยว่า “แม่ทัพอารมณ์ไม่ดีอยู่ เจ้ากลับมารนหาที่ตายอีก”