หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 478 ศัตรูตระหนก เตรียมแผนรับมือ (4)
ตอนที่ 478 ศัตรูตระหนก เตรียมแผนรับมือ (4)
“เสด็จแม่” อวิ๋นเหยาเข้าไปก็น้อมคำนับให้หวังเฟยก่อน จากนั้นเดินหน้าไปพยุงเสด็จแม่นั่งลง แล้วช่วยสวมเสื้อผ้าให้เฉิงหวังเฟยด้วยตัวเอง
ตอนที่อวิ๋นคุนเข้ามา เฉิงหวังเฟยลงจากเตียงแล้ว สองพี่น้องประกบซ้ายขวาพลางพูดคุยกับเฉิงหวังเฟย ขณะเดียวกันก็มองสาวใช้หวีผมให้นางไปด้วย
“เมื่อวานสกุลหลี่บอกข้า เวลาที่เจ้าจะขอสู่สะใภ้คือตอนเดือนหกหรือ” เฉิงหวังเฟยถลึงตามองคันฉ่องพลางถาม
“น่าจะใช่พ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้หอชินเทียนและเสด็จพ่อเป็นผู้ตัดสิน ลูกไม่ได้สนใจอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
เฉิงหวังเฟยพยักหน้า แล้วเหมือนกำลังคุยกับตนเอง “บุตรีจวนจิ้งกั๋วกงมีนิสัยและรูปลักษณ์หน้าตาไม่เลว ฮองเฮาเหนียงเหนียงโปรดปรานนางนานแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือพี่สาวนางสมรสกับเหิงจวิ้นอ๋อง ปีที่สองที่แต่งเข้าจจวนก็มีบุตรชายได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าบุตรีของตระกูลพวกเขามีร่างกายแข็งแรงราวกับบุรุษจริงๆ”
อวิ๋นคุนยกยิ้ม เพียงแค่ทูลว่า “เสด็จแม่ชื่นชอบก็พอพ่ะย่ะค่ะ”
เฉิงหวังเฟยถามบุตรีที่อยู่ด้านขวาด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “เหยาเอ๋อร์ล่ะ มีบุรุษที่หมายดองหรือยัง”
รอยยิ้มบนใบหน้าของอวิ๋นเหยาค่อยๆ จืดจางไป ผ่านไปสักพักถึงจะทูลว่า “เสด็จแม่ ลูกไม่อยากออกเรือนเพคะ”
“เหลวไหล” เฉิงหวังเฟยปั้นหน้าบูดบึ้งทันที “สตรีจวนใดไม่ออกเรือนเล่า หรือว่าเจ้ายังอยากจะเปลี่ยนแซ่ว่าเว่ยอีก”
อวิ๋นเหยายิ้มจางๆ “เป็นไปได้อย่างไร ชีวิตนี้ลูกไม่มีทางหาบุรุษที่มีภรรยาแล้วแน่นอน ลูกไม่อยากเป็นอนุภรรยาใคร”
“เช่นนั้นก็ถูกต้องแล้ว! เจ้าเป็นบุตรีของท่านอ๋อง เป็นจวิ้นจู่แห่งแคว้นต้าอวิ๋น บุรุษใต้หล้านี้ยังมีให้เจ้าเลือกเยอะไม่พอหรือ แล้วจะเฝ้าคอยบุรุษเพียงคนเดียวไปไยกัน!” หวังเฟยพูดไป ก็กำชับบุตรชาย “เจ้าก็ช่วยน้องสาวเจ้าดูๆ ไว้หน่อยเถอะ หากเจอคนที่เหมาะสม จะได้ไม่พลาดโอกาส”
อวิ๋นคุนพลันตอบกลับ “พ่ะย่ะค่ะ ลูกรู้แล้ว”
อวิ๋นเหยาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ จึงพยุงเฉิงหวังเฟยลุกขึ้น พร้อมโน้มน้าว “วันนี้อากาศดียิ่ง ดอกท้อและดอกลูกไหนกำลังเบ่งบานงดงามพอดี เสด็จแม่ออกไปเดินเล่นดีหรือไม่ เดินวนหนึ่งรอบค่อยกลับมากินมื้อเช้า”
“ดี ไปเถอะ” วันนี้เฉิงหวังเฟยอารมณ์ไม่เลว จึงพยุงมือบุตรีพลางลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก ตอนเดินไปถึงประตู ก็เรียกบุตรชายพร้อมกำชับ “เจ้าไปน้อมคำนับเสด็จพ่อของเจ้าเถอะ ไม่ต้องมาเฝ้าข้าแล้ว”
อวิ๋นคุนรับคำทันที แล้วมองน้องสาวพยุงมารดาเดินออกไป จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังห้องอักษรของเฉิงอ๋อง
ช่วงนี้เฉิงอ๋องค้างคืนที่เรือนเช่อเฟยสกุลหลี่ตลอด ฉะนั้นอวิ๋นคุนน้อมคำนับตอนเช้าก็จะไปที่เรือนของเฉิงหวังเฟยก่อน อีกอย่างช่วงนี้เฉิงอ๋องมีสุขภาพร่างกายไม่สู้ดีนัก จึงลาป่วยกับฮ่องเต้แล้วไม่ไปว่าราชกิจตอนเช้า โดยส่วนมากก็จะกินมื้อเช้าที่เรือนสกุลหลี่แล้วค่อยไปห้องอักษรด้านหน้าจวน
วันนี้กลับบังเอิญนัก ตอนที่อวิ๋นคุนไปถึง เฉิงอ๋องก็เพิ่งตื่นนอน ยังไม่ได้กินมื้อเช้าก็ไปห้องอักษรแล้ว
หลังจากน้อมคำนับเสร็จ อวิ๋นคุนพยุงเฉิงอ๋องไปนั่งบนเก้าอี้สานที่อยู่กลางสวน
เฉิงอ๋องถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ได้ข่าวว่าเหยาเอ๋อร์ไปก่อปัญหาอีกแล้วหรือ”
อวิ๋นคุนยกยิ้ม แล้วทูลว่า “เมื่อครู่ลูกสั่งสอนนางแล้ว”
เฉิงอ๋องแสยะยิ้ม แล้วตรัสว่า “คังผิงก็ทำเกินไปจริงๆ”
อวิ๋นคุนไม่ได้มากความ องค์หญิงคังผิงเป็นบุตรีคนโตของฮ่องเต้ นับจากอายุตนเองยังต้องเรียกนางว่าพี่สาว อีกอย่างถึงแม้ทุกคนล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์ ทว่าฮ่องเต้กับอ๋องก็ย่อมต่างกัน ต่อให้นางทำเกินไปจริงๆ ตนเองก็ไม่มีสิทธิ์ต่อว่าใดๆ
ทว่าว่าไปแล้ว คังผิงก็ไม่ได้ทำอะไรกับอวิ๋นเหยา ต่อให้นางจะโปรดปรานบุรุษผู้นั้นเพียงใด ก็เป็นเพียงบ่าวคนหนึ่ง นางคงไม่ถึงขั้นสร้างเรื่องบาดหมางกับจวนเฉิงอ๋องเพราะข้ารับใช้คนหนึ่งอยู่แล้ว
เฉิงอ๋องไม่ได้มากความในเรื่องนี้ แล้วเบี่ยงประเด็นโดยตรง “ทางฝั่งจวนติ้งโหวใกล้จะเสียศพแล้วใช่ไหม”
“พ่ะย่ะค่ะ ยังเหลืออีกสิบวัน วันเสียศพคือวันที่สิบเจ็ดเดือนนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องนี้ต้องจัดการให้ดี ไม่ว่าอย่างไร ติ้งโหวก็คือสายเลือดขององค์หญิงต้าจั่ง เซ่าชูยังเป็นสหายที่เล่นกับเจ้าตั้งแต่เด็กจนโต ตอนนี้เขาเจอกับเหตุไม่คาดคิดเช่นนี้ เป็นช่วงเวลาที่กำลังเสียใจอย่างมาก ข้าไม่สะดวกไปแสดงความเสียใจ หากเจ้ามีเวลาก็ไปดูเขาหน่อยเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ ลูกรู้แล้ว” อวิ๋นคุนพลันตอบกลับ “ก่อนหน้านี้ลูกยังไปเยี่ยมเขา เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อเขามากเกินไป ลูกเห็นเขาเหมือนหุ่นไม้ ไร้ชีวิตชีวายิ่งนัก”
เฉิงอ๋องถอนหายใจอีกครั้งพลางตรัสว่า “เมื่อวานเข้าวังหลวง ฝ่าบาทตรัสกับข้าว่าการล่วงลับไปของท่านโหวนี้ค่อนข้างน่าสงสัย เจ้าคิดอย่างไร”
“ข่าวลือด้านนอกย่อมเชื่อไม่ได้อยู่แล้ว ทว่าท่านโหวและฮูหยินป่วยเมื่อฤดูหนาวปีที่แล้ว อาการป่วยครั้งนี้เดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ เหล่าหมอหลวงผลักกันมาดู ทว่าอาการของทั้งสองไม่ได้ดีขึ้น คิดว่าฟ้าคงลิขิตไว้แล้ว”
เฉิงอ๋องได้ยินคำพูดนี้ จึงยิ้มอย่างเศร้าหมอง “พวกเขาสองสามีภรรยา กลับล่วงลับในเดือนเดียวกันปีเดียวกัน”
อวิ๋นคุนได้ยินคำพูดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองสีหน้าของเฉิงอ๋อง พร้อมทั้งขานเรียกอย่างลังเล “เสด็จพ่อ…”
“อืม?” เฉิงอ๋องกำลังขยับแหวนสีเขียวที่เสด็จย่ามอบให้บนนิ้ว “มีอะไรก็ว่ามา เหตุใดถึงต้องอ้ำๆ อึ้งๆ เช่นนี้ด้วยเล่า”
“ช่วงนี้ลูกเชิญผู้เฒ่าไป๋มาฝังเข็มให้เสด็จแม่ หมอหลวงเหยาบอกว่าการฝังเข็มอู่หลงก็ดีเช่นกัน เพียงแค่ว่าทุกวันนี้ ผลลัพธ์ที่ยังค่อนข้าง…”
เฉิงอ๋องหันไปมองอวิ๋นคุนเพียงปราดเดียว พร้อมเปรยด้วยเสียงเบา “ช่างเถอะ ประเดี๋ยวข้าจะไปโน้มน้าวนางเอง จะคิดหาวิธีเชิญหมอหลวงเหยามารักษานาง”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ” อวิ๋นคุนรีบโค้งลำตัวทันที
“ขอบพระทัยอะไรเล่า นางก็คือหวังเฟยของข้า” เฉิงอ๋องถอนหายใจเบาๆ… ต่อให้นางไม่ดีเพียงใด ก็คือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของตนเองแล้ว!
อวิ๋นคุนได้ยินคำพูดนี้ สุดท้ายก็รู้สึกวางใจ ตอนแรกยังคิดว่าจะบอกกับเว่ยจางให้เกลี้ยกล่อมเหยาเยี่ยนอวี่มารักษาตาให้เสด็จแม่อย่างไรดี
และช่วงนี้เว่ยจางกลับตามหาทหารรักษาการณ์มากฝีมือมาคุ้มกันเหยาเยี่ยนอวี่ เพราะการปรากฎตัวของหยาจวิ้น
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่เหมือนสตรีผู้อื่น นางต้องไปสำนักแพทย์ทุกวัน ไม่ได้อยู่ครองเรือนไม่ไปไหน จากจวนแม่ทัพฝู่กั๋วไปสำนักแพทย์ต้องผ่านถนนสามเส้น ระหว่างเดินทางยังต้องผ่านถนนที่ทำการค้าอันแสนครึกครื้น ขืนอยากใช้ถนนเส้นนี้ลอบทำร้ายผู้อื่น คิดว่าคงต้องสะดวกอย่างยิ่ง
แม่ทัพเว่ยเคยคิดว่าจะย้ายงานทุกอย่างในสำนักแพทย์กลับไปที่จวนทั้งหมด เขาไม่อยากให้ฮูหยินออกจากประตูใหญ่แม้แต่ก้าวเดียว เพียงแค่ว่าเรื่องนี้ก็ทำได้เพียงครุ่นคิดเท่านี้ สตรีที่เขาสู่ขอไม่ใช่สตรีทั่วไป จะหวังให้นางเป็นสตรีที่รู้แต่ชมละครเพลงและเย็บปักถักร้อยไปวันๆ ได้อย่างไร
แต่ว่า เรื่องหาทหารรักษาการณ์ก็เป็นเรื่องค่อนข้างลำบาก หากสั่งให้บุรุษมาคุ้มกันอย่างใกล้ชิดก็คงไม่สะดวก สตรี…ภายใต้การบังคับบัญชาของเขาก็ไม่มีสตรีผู้ใดที่รู้วรยุทธ์ เวลานี้แม่ทัพเว่ยจะไปหาใครที่เหมือนน้าตู้ซานล่ะ!
เห็นว่าพิธีเสียศพของจวนติ้งโหวใกล้เข้ามาทุกที เหยาเยี่ยนอวี่ที่เป็นฮูหยินจวนแม่ทัพฝู่กั๋ว วันนั้นก็ต้องไปเสียศพอยู่แล้ว
วันนี้ เฝิงหมัวมัวสั่งให้คนตัดเสื้อผ้าเรียบง่ายโดยเฉพาะ ถือโอกาสตอนที่เหยาเยี่ยนอวี่กลับจากสำนักแพทย์ ก็รีบไปวัดสัดส่วนร่างกายของนาง
จู่ๆ ม่านประตูเลิกขึ้น หร่วนฮูหยินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเบิกบาน เหตุเพราะเห็นเฝิงหมัวมัวและสาวใช้มัวแต่ให้เหยาเยี่ยนอวี่ลองชุด จึงพูดยิ้มๆ “ข้ากำลังสั่งทำเครื่องประดับสีเรียบสองชุด ไม่รู้ว่าฮูหยินจะโปรดปรานหรือไม่ จึงเอามาให้ฮูหยินดูโดยเฉพาะ”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “เครื่องประดับสีเรียบ ข้ามีอยู่หลายแบบ จะให้เจ้าเสียเงินได้อย่างไรกันเล่า”