หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 465 ตระกูลเหยาตอกหน้า (2)
ตอนที่ 465 ตระกูลเหยาตอกหน้า (2)
ฮ่องเต้แย้มพระสรวลจางๆ แล้วถามอัครเสนาบดี “ตามที่เสนาบดีเฟิงกล่าว เรื่องนี้ควรจัดการเช่นไร”
“ฝ่าบาททรงทรงเมตาตากรุณาธิคุณ ราชครูเซียวช่างโชคดียิ่งนัก ตอนนี้เขาก็ไม่เป็นอะไรมากแล้ว กระหม่อมเห็นว่าควรให้ราชครูเซียวพักฟื้นตัวอย่างสบายใจ และให้หมอหลวงเหยารักษาเหมือนเดิมพ่ะย่ะค่ะ สำหรับการเรียนขององค์ชายหกและองค์ชายเจ็ด…กระหม่อมคิดว่ามหาบัณฑิตลู่เป็นนักปราชญ์รอบรู้ คิดว่าคงให้คำปรึกษาองค์ชายทั้งสองชั่วคราวได้เป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ”
อัครเสนาบดีเฟิงให้ข้อสรุปกับเรื่องนี้ด้วยคำพูดสองสามประโยคเท่านั้น ทั้งยังเสนอลู่ฉางปั๋วมาได้จังหวะพอดี หลังจากนั้นค่อยเสนอให้เขาเป็นอาจารย์สอนองค์ชายทั้งสอง ทุกอย่างได้วางแผนไว้เป็นอย่างดี
ฮ่องเต้ยิ้มจางๆ แล้วลูบเคราพยักหน้าอย่างไร้เสียง เวลานี้ อวี้สื่อต้าฟูฝ่ายขวาฝ่ายตรวจการเหยาหย่วนจือปรากฎตัวทันที แล้วถวายบังคมให้ฮ่องเต้ด้วยความเคารพ พร้อมทูลด้วยเสียงกังวาน “ฮ่องเต้ กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญพูด” ฮ่องเต้แย้มพระสรวลให้เหยาหย่วนจือ แล้วเมินเฉยใส่ความเห็นของอัครเสนาบดีเฟิง
เหยาหย่วนจือตรัสด้วยเสียงกังวาน “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าเรื่องของราชครูเซียว หมอหลวงเหยาและหมอหญิงหลินซู่มั่วต้องรับผิดชอบพ่ะย่ะค่ะ ถึงแม้ราชสำนักจะไม่ใช่ที่ทำการราชกิจ ทว่ากลับได้รับเบี้ยเลี้ยงจากราชสำนัก ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เหยาเยี่ยนอวี่รักษาอาการของราชครูเซียว ตอนนี้ราชครูเซียวหกล้มในสำนักแพทย์ ฉะนั้นต่อให้ตอนนั้นหมอหลวงเหยาไม่อยู่ที่นั่น นางก็ไม่พ้นความผิดนี้ หมอหญิงหลินซูมั่วที่ปรนนิบัติราชครูเซียวอย่างใกล้ชิด นางดูแลเป็นอย่างดีไม่ได้ ก็ยิ่งบกพร่องต่อหน้าที่ยิ่งกว่า ตามกฎระเบียบของต้าอวิ๋น ขุนนางบกพร่องต่อหน้าที่ ตามหลักแล้วจะถูกลงโทษอย่างสาสม ล้วนต้องลดตำแหน่งหรือหักเบี้ยเลี้ยงพ่ะย่ะค่ะ”
พอตรัสจบ ทุกคนในราชสำนักเริ่มซุบซิบเสียงเบา
มีคนกำลังเดาว่าเหยาหย่วนจือกำลังหมายความว่าอะไร เพื่อทะนงว่าตนแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้เป็นอย่างดีกระนั้นหรือ
มีคนบอกว่าสมกับเป็นอวี้สื่อต้าฟูฝ่ายตรวจการที่เพิ่งรับตำแหน่ง ช่างซื่อตรงไม่ยกยอประจบสอพลอใครจริงๆ
แล้วยังมีคนบอกว่าเหยาหย่วนจือกลับร้องเรียนบุตรีของตน! ไม่ใช้วิธีการไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศจริงๆ
เสียงดังกังวานของเฟิงจงเยี่ยทำลายเสียงซุบซิบในราชสำนักทันที “ทูลฝ่าบาท ใต้เท้าเหยาเป็นอวี้สื่อฝ่ายตรวจการ ซื่อตรงไม่ยกยอจริงๆ ช่างเป็นแบบอย่างที่ดี สมควรแก่การนับถือ!”
หลังจากคำว่า ‘สมควรแก่การนับถือ’ กล่าวออกมา จึงมีขุนนางสองสามคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเฟิงเดินหน้ามากล่าวเสริม “เป็นแบบอย่างที่ดี สมควรแก่การนับถือ!”
ฮ่องเต้เห็นเช่นนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ เหล่าขุนนางในราชสำนักเห็นฮ่องเต้แย้มพระสรวลอย่างลึกลับ ทุกคนต่างจับต้องไม่ถูก
“เอาเถอะ” สายพระเนตรของฮ่องเต้กวาดไปยังศีรษะของขุนนางในราชสำนัก แล้วตรัสขึ้นช้าๆ “เจ้ากล่าวได้มีเหตุผล สร้างคุณงามความดีสมควรแก่การยกย่อง กระทำผิดสมควรแก่การลงโทษ แยะแยะถูกผิดอย่างชัดเจนถึงจะได้รับการนับถือ เรื่องของราชครูเซียว หมอหลวงเหยาเยี่ยนอวี่และหมอหญิงหลินซู่มั่วต่างมีส่วนต้องรับผิดชอบ เช่นนั้นก็หักเบี้ยเลี้ยงพวกนางสองคนครึ่งปีเถอะ สำหรับลดตำแหน่ง…ก็ไม่จำเป็น ปีก่อนที่ราชครูเซียวป่วยหนักจนใกล้สิ้นใจ หลังจากหมอหลวงเหยารักษามาหลายเดือนนี้ สุขภาพร่างกายก็แข็งแรงขึ้นมามาก นี่ก็เป็นคุณงามความดีของหมอหลวงเหยา”
“ฝ่าบาททรงพระปรีชายอย่างยิ่ง!” เหล่าขุนนางในราชสำนักตรัสอย่างพร้อมเพรียง
ฮ่องเต้ก็แย้มพระสรวลด้วยความพอพระทัย
จากนั้น เหยาหย่วนจือโค้งคำนับอีกครั้ง “ทูลฝ่าบาท หยางกวงรุ่นเป็นขุนนางในหออาลักษณ์หลวงแท้ๆ ทว่ากลับไม่รู้หน้าที่พึงกระทำในราชสำนัก พูดจาเลยเถิด บิดเบือนความจริง ซ้ำยังประพฤติไม่ดี ว่าร้ายผู้อื่น ไร้มโนธรรมต่อมารดาและภรรยาตนเอง เป็นความล้มเหลวของขุนนางอวี้สื่อจริงๆ ได้โปรดฝ่าบาททรงสืบหาความจริงเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อรักษากฎเกณฑ์ศีลธรรมของขุนนางต้าอวิ๋นไว้พ่ะย่ะค่ะ”
“เหยาหย่วนจือ เจ้าใส่ความคนอื่นไปเรื่อย!” สีหน้าหยางกวงรุ่นซีดเซียวไปทันที แล้วชี้หน้าสบถหยาบเหยาหย่วนจือ “เจ้าพูดจาเหลวไหล! เจ้าแค้นเคืองข้าเพราะเรื่องส่วนตัว!”
เหยาหย่วนจือหันไปมองหยางกวงรุ่นด้วยด้วยความเยือกเย็น พร้อมพูดว่า “ข้าได้พูดจาเหลวไหลหรือไม่ ให้ศาลต้าหลี่สืบหาความจริงแล้วจะรู้เอง ช่วงนี้เจ้ารับสินบนเป็นบ้านพักตากอากาศจากพ่อค้าร่ำรวยคนหนึ่งใช่ไหม แล้วยังเลี้ยงอนุภรรยาไว้ที่นั่นด้วย ทว่ากลับปล่อยให้มารดาเจ้าทำไร่ทำนาหาเลี้ยงตนเองในบ้านเกิดชิ่งหนาน หยางกวงรุ่น เจ้ากล้าพูดว่าไม่มีเรื่องพวกนี้? วันนี้เจ้ายังมีหน้ามากล่าวหาจิ้งไห่โหวว่าอกตัญญูอีกหรือ เจ้ายังเทียบไม่ได้กับพวกสุนัขสุกรเลยด้วยซ้ำ!”
“เจ้า…เจ้า…” หยางกวงรุ่นเหมือนมีอะไรยัดปากไว้ ผ่านไปสักพักก็ยังพูดอะไรไม่ออก
“คนอย่างเจ้ายังสมควรเป็นอวี้สื่ออีกหรือ” เหยาหย่วนจือแสยะยิ้มเย็นชาพลางหันไปโค้งคำนับให้ฮ่องเต้ “หยางกวงรุ่นอกตัญญูต่อมารดา ไม่สัตย์ซื่อต่อราชสำนัก แอบรับสินบน มีจวนสำหรับเลี้ยงอนุภรรยา ไร้ศีลธรรมต่อภรรยาเอก กลับยังมีหน้ามาว่าร้ายผู้อื่นในราชสำนัก บิดเบือนความจริงให้ฝ่าบาท ตามกฎระเบียบของต้าอวิ๋น ต้องถูกปลดตำแหน่งและเนรเทศไปยังถิ่นทุรกันดารไกลสองพันลี้ และจะไม่ได้รับราชการตลอดชีวิต ทว่าได้โปรดฝ่าบาททรงเมตตามารดาที่แก่ชราของเขา เห็นแก่นางที่ไม่มีคนเลี้ยงดู ปลดตำแหน่งเขาก็พอแล้ว คงไม่ต้องเนรเทศเขาไปที่แดนไกลหรอกพ่ะย่ะค่ะ ให้เขากลับไปดูแลมารดาที่บ้านเกิดเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
กล่าวจบ เหยาหย่วนจือคุกเข่าลงด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
ฮ่องเต้โกรธเกรี้ยวดั่งเพลิงกาฬไปตั้งนานแล้ว ได้ยินเหยาหย่วนจือยังขอร้องแทนหยางกวงรุ่นในตอนสุดท้าย ก็ทนดูไม่ได้อีกต่อไป จึงยกพระหัตถ์ทุบโต๊ะอย่างแรง พร้อมตรัสด้วยน้ำเสียงโมโห “หยางกวงรุ่น เจ้ามีอะไรจะพูดอีก!”
“กระ…กระ…” หยางกวงรุ่นเข่าทรุดไปแต่เนิ่นๆ แล้ว เหยาหย่วนจือล้วนพูดความจริงทั้งหมด ถึงแม้เขานึกว่าตนเองจะปิดเรื่องนี้ไว้อย่างดี ทว่าเพียงฮ่องเต้อยากสืบหาความจริง แล้วมีอะไรบ้างที่จะหาไม่เจอ ฉะนั้นตอนนี้เขาพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ฮ่องเต้เห็นสภาพของหยางกวงรุ่น จึงเกรี้ยวโกรธกว่าเดิม ดังนั้นตรัสด้วยความโมโห “ทหาร! ถอดหมวกของหยางกวงรุ่น แล้วจับไปขังที่คุกหลวงฝ่ายอาญา! รอให้สืบหาความผิดพวกนี้ให้ชัดเจนแล้วต้องลงโทษให้สาสม!”
ทหารรักษาการณ์นอกราชสำนักขานรับแล้วเข้ามา เดินหน้ามาลากตัวหยางกวงรุ่นไป ตอนนี้เขาพูดอะไรออกมาได้เสียที จึงตะโกนอย่างต่อเนื่อง “ฝ่าบาทได้โปรดเมตตา! ฝ่าบาทได้โปรดเมตตา!”
ในราชสำนัก ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ขอร้องแทนเขา ขุนนางระดับหกที่พูดจาคล้อยตามหยางกวงรุ่นในเมื่อครู่นี้ตกใจจนร่างสั่นเทา แม้แต่ยืนยังยืนไม่อยู่
หลังจากจัดการหยางกวงรุ่นเสร็จ ความโกรธเกรี้ยวของฮ่องเต้ยังไม่ลดลงแม้แต่น้อย ขุนนางทุกคนไม่กล้าพูดอะไรใดๆ ฮ่องเต้ใช้สายพระเนตรเยือกเย็นกวาดไปยังขุนนางแต่ละคน พลางลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้อ
หลังจากรอให้เหล่าขุนนางคุกเข่าส่งฮ่องเต้เสด็จจากไปแล้ว อัครเสนาบดีเฟิงก็เพิ่งนึกถึงความเห็นของตนที่เสนอให้ลู่ฉางปั๋วสอนองค์ชายหกและองค์ชายเจ็ด ฮ่องเต้กลับไม่ได้อนุญาต และไม่ได้บอกว่าไม่อนุญาต
นี่มันหมายความว่าอะไรกัน! ภายในใจของอัครเสนาบดีเฟิงเปรยด้วยความเศร้าหมอง พลางลุกขึ้นหันไปมองเหยาหย่วนจือ พร้อมทั้งต่อว่าในใจ เจ้าหมอนี่มันฉวยโอกาสกอบโกยผลประโยชน์ สตรีของตนแค่โดนหักเบี้ยเลี้ยงครึ่งค่อนปี ฝ่ายตรงข้ามกลับต้องสูญเสียขุนนางระดับห้าคนหนึ่งไป
อันที่จริงยังไม่เพียงแค่นี้
ภายนอกดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามที่เป็นศัตรูกับตระกูลเหยาสูญเสียขุนนางระดับห้าไปเพียงคนเดียว อันที่จริงสถานการณ์เคลื่อนไหวในวันนี้ พวกเขาได้เห็นตระกูลเซียว ตระกูลเหยาและตระกูลเว่ยเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้ว ทั้งยังทำให้พวกเขาต้องหยุดจู่โจมได้ ส่วนองค์ชายหกที่นิ่งเงียบไม่แก่งแย่งตำแหน่งกับใครเสมอมา กลับได้รับการโปรดปรานจากฮ่องเต้อย่างมาก ด้วยเหตุนี้ทั้งสามตระกูลจึงเริ่มสนับสนุนเขาอย่างเงียบๆ
ขุนนางหมอหลวงไม่มีอำนาจว่าราชกิจ ดังนั้น เหยาเยี่ยนอวี่คอยข่าวคราวที่สำนักแพทย์