หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 55 ฉันเลี้ยงเขาไหว
บทที่ 55 ฉันเลี้ยงเขาไหว
"แม่งเอ๊ย ทำไมเป็นไอ้บ้านนอกนี่" เห็นลู่เสี้ยงหยางเดินเข้ามา ชายในชุดสูทที่กำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนานก็วางไมค์ในมือลง แล้วจ้องลู่เสี้ยงหยางเขม็ง
ชายในชุดสูทนี้ก็คือคนที่ขับเฟอร์รารี่ ที่เกือบจะขับรถชนลู่เสี้ยงหยางเมื่อครู่
"ฮือ? พี่ หรือว่าพี่จะรู้จักมัน? " ชายผมแหลมๆ ที่ยกมือขึ้นมาผลักลู่เสี้ยงหยางเมื่อกี้ถามขึ้น
ชายในชุดสูทกระแอมก่อนจะพูดดูถูก "ไอ้ลูสเซอรนี่ เมื่อเพิ่งจะขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา เกือบจะถูกฉันชนเข้าให้"
"อะไรนะ? ขับมอเตอร์ไซค์? มาเที่ยวที่นี่? " คนไม่น้อยรู้สึกว่าสมองมึนงง คนขับมอเตอร์มันยาจกไม่ใช่เหรอ? ดันกล้ามาเที่ยวในที่ที่ไฮโซแบบนี้
ในเวลานั้นลูกเศรษฐีทั้งหลายในห้องก็เริ่มนินทาตามๆ กัน พลางชี้ พลางมองไปทางลู่เสี้ยงหยาง ราวกับกำลังมองไอ้ลูสเซอรอยู่
เย่สวนก้มหน้า ใบหน้าเริ่มร้อน ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคิด ลู่เสี้ยงหยางมากับเธอ ก็จะโดนคนอื่นรุมว่า
พอคิดได้ว่าถ้าลู่เสี้ยงหยางอยู่ต่อก็จะโดนรุมว่า จึงทำเป็นไม่รู้จักลู่เสี้ยงหยาง แล้วพูดกับเขาว่า: “นายมาผิดที่แล้วมั้ง. ยังไม่รีบไปอีก”
ลู่เสี้ยงหยางชะงัก แต่ก็เข้าใจ ว่าเย่สวนคิดแทนเขา
“แม่ง” ลู่เสี้ยงหยางแอบถอนหายใจ และหันหลังเดินไป
แต่เขาเดินออกไปไม่กี่ก้าว ซุนหยันเสว่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เย่สวนก็พูดขึ้นอย่างสงสัย “ทำไมฉันรู้สึกว่าหน้าตาเขาคุ้นๆ”
เธอเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน ไม่เคยเจอกับลู่เสี้ยงหยางอย่างเป็นทางการ เมื่อก่อนก็แค่เคยเห็นผ่านทางรูปถ่าย จึงไม่ได้สนใจ
โดนเธอพูดแบบนี้ สาวขาเรียวอีกคนก็ตบโซฟา และพูดรัวๆ : “ใช่แล้วๆ ฉันนึกออกแล้ว เขาไม่ใช่สามีของเย่สวนหรอกเหรอ?”
คนสวยๆ อย่างเย่สวน ถูกผู้นำตระกูลจับแต่งงานกับคนไม่ได้เรื่อง ทำเอาทุกคนช็อก ข่าวนี้แพร่ออกไปเร็วกว่าไฟป่าอีก ถูกสื่อไร้จรรยาบรรณสื่อจับผิด คนทั้งเมืองปินเหอต่างรู้เรื่องนี้
“อะไรนะ? ไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย ไอ้ยาจกนี่คือสามีที่ไม่ได้เรื่องของเย่สวน?” ด้านในห้องทั้งห้องก็ปั่นป่วน ลู่เสี้ยงหยางตัวจริงไม่ได้เรื่องกว่าที่พวกเขาคิดอีก
เย่สวนหายใจถี่ขึ้น มือเรียวๆ บีบแน่น แทบอยากจะมุดแผ่นดินหนี
ชายผมแหลมโจวหนิงส่ายหน้า แล้วตั้งสติ มองไปทางลู่เสี้ยงหยาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัวแปลกๆ “ที่แท้นายก็เป็นคนมีชื่อเสียงนะ เสียมารยาทแล้วๆ เมื่อฉันดูถูกนาย ขอโทษด้วยจริงๆ หวังว่านายจะไม่เก็บมาใส่ใจนะ ยิ่งห้ามจ้างคนมาตีฉันขาหักนะ”
ประโยคนี้เป็นประโยคตรงกันข้าม รังสีดูถูกเหยียดหยามยิ่งเพิ่มมากขึ้น
“ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะดังขึ้นลั่นห้องอีกครั้ง
หลังจากถังหลงหัวเราะก็มองไปทางเย่สวนพลางพูด: “เย่สวน สเปคเธอนี่แปลกดีนะ มีสุภาพบุรุษตั้งมากมายเข้าหาเธอ ทำไมถึงได้เลือกคนไม่เอาไหนแบบนี้ หรือว่าเขาเป็นลูกเศรษฐีของตระกูลไหน ที่ชอบใช้ชีวิตแบบลำบากๆ ถึงได้แต่งตัวเป็นยาจกแบบนี้”
เย่สวนหึออกมา: “จะแต่งกับใคร ฉันเลือกเอง นายยุ่งไรด้วย?”
“เหอะๆ” ทุกคนต่างหัวเราะ
บนหน้าของถังหลงมีสีหน้าเย็นชา มองเย่สวนที่กำลังพูดโม้ เขาก็ไม่พอใจ แค่พูดประชดเสียดสีลู่เสี้ยงหยาง นั้นมันก็น่าเบื่อเกินไป มาหาอะไรสนุกๆ ทำดีกว่า
“โอเค ยังไงก็มาแล้ว งั้นก็อย่าเพิ่งกลับ นั่งเถอะ ยังไงนายกไม่เคยมาที่หรูๆ แบบนี้ ก็ให้นายเปิดหูเปิดตาดู” ถังหลงพูดกับลู่เสี้ยงหยาง
ลู่เสี้ยงหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย คนพวกนี้อยากจะดูเรื่องตลกของเขา งั้นเขาจึงอยู่ต่อ เขาอยากจะดู ว่าสุดท้ายแล้วจะได้ดูเรื่องน่าขำของใครกันแน่
ลู่เสี้ยงหยางก้าวเท้าเดินไปทางโซฟา ฝั่งซ้ายสุดของโซฟายังมีที่ว่างเหลืออยู่ที่นึง
แต่เมื่อเขาเดินไปถึงที่นั่ง ขณะที่ยังไม่ทันได้นั่งลง ก็มีเสียงที่เย็นชาดังขึ้นจากข้างๆ : “ทั้งตัวนายมีแต่กลิ่นขยะ เหม็นจริงๆ รบกวนไปนายไปนั่งที่อื่น อย่ามาทำให้ฉันอารมณ์เสีย”
ลู่เสี้ยงหยางหันกลับไปมอง ก็เห็นผู้หญิงคนนึงมองเข้าด้วยสีหน้ารังเกียจสุดๆ
ผู้หญิงคนนี้สวยมากๆ โครงหน้าสวยได้รูป โหงวเฮ้งก็ดี ขาเรียวยาวสวย แม้แต่นางแบบยังอาย
คนไม่น้อยมองลู่เสี้ยงหยางอย่างตลก ยาจกคนนี้มองไม่ออกจริงๆ เหรอ คิดว่าจะมีที่ว่างข้างคนสวยๆ อย่างซูเยียนรันหรือไงกัน? เพราะซูเยียนรันเป็นคนเย็นชา จนโดนคนอื่นเรียกกว่าราชินีน้ำแข็ง ที่สูงส่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายแบบไหนเธอก็ไม่สนใจ อย่างไอ้ลูสเซอรลู่เสี้ยงหยางหาเรื่องซวยเองไม่ใช่หรือไง?
“อ๊ะ ขอโทษด้วยจริงๆ เห็นที่ในห้องนี้จะไม่มีที่นั่งสำหรับนาย งั้นนายนั่งพื้นก็แล้วกัน?” ถังหลงพูดพลางหัวเราะ
โจวหนิงรับต่อ “พวกเราให้ชามนายอีกใบ นายแสดงเป็นขอทานให้พวกเราดูดีมั้ย บางทีพวกเราอาจจะดีใจ แล้วให้นายคนละ 100 เหรียญก็ได้ คืนนี้นายอาจจะหาเงินได้หลายพันเลยนะ”
“ฮ่าๆๆ” ทุกคนหัวเราะออกมาดังลั่น จนน้ำตาเล็ด
ในสายตาของคนพวกนี้ ลู่เสี้ยงหยางก็เป็นแค่ตัวตลก
ซุนหยันเสว่ที่ใจดี ก็ทนไม่ได้ที่เห็นลู่เสี้ยงหยางโดนรังแก จึงขมวดคิ้วทันทีและพูดขึ้น: “พวกนายพูดให้มันน้อยๆ หน่อย ไม่เห็นหัวเขา ก็เห็นหัวคนนี้บ้าง เย่สวนยังนั่งอยู่ตรงนี้นะ”
เป็นเพราะคำพูดของซุนหยันเสว่ พวกของถังหลงถึงได้หยุดไป
แต่ว่าถังหลงก็ยังคงมองไปที่ลู่เสี้ยงหยางอย่างน่ากลัว “นายน่าสนใจดี คืนนี้พวกเรายังเล่นสนุกกันไม่พอ หาวันที่มีเวลา ค่อยๆ เล่นด้วยกัน”
“ไอ้โง่ คืนนี้มีแต่นายที่พูดมาก คิดว่าตัวเองเก่งนักหรือไง?” ลู่เสี้ยงหยางถลึงตา และสบถออกมาอย่างเย็นชา
“เหอๆ” ถังหลงไม่ได้โกรธ แต่แค่หัวเราะอย่างมีเลศนัย: “หวังว่ากระดูกของแกจะแข็งเหมือนปากนะ พวกเราจะคอยดู”
ลู่เสี้ยงหยางทำสีหน้านิ่งๆ
ทันใดนั้น เย่สวนเอ่ยปากพูด: “ลู่เสี้ยงหยาง นายมานั่งตรงนี้กับฉัน”
เธอพูดพลางเขยิบที่ให้ จนมีที่ว่างให้นั่ง
ลู่เสี้ยงหยางยิ้ม แล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ เย่สวน
ยังคงเป็นภรรยาที่ดีกับเขา
ต่อมา ลูกเศรษฐีพวกนั้นก็รู้งาน ไม่มีใครมากวนลู่เสี้ยงหยางต่อ
ซุนหยันเสว่เห็นหน้าเย่สวน แล้วพูดกับลู่เสี้ยงหยาง: “คืนนี้นายทำให้ถังหลงโมโห ตระกูลเขานั้นมีเบื้องหลัง ถ้าต่อไปนายไม่อยากมีปัญหาทุกวัน ตอนนี้ทางที่ดียอมก้มหัวให้เขาดีกว่านะ”
ลู่เสี้ยงหยางพูดอย่างไม่แยแส “เขาหาเรื่องเอง ทำไมผมต้องไปขอโทษด้วย?”
“นาย!” ซุนหยันเสว่โมโห คิดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าไม่มีความสามารถ แต่ปากกล้าดี
“ช่างเถอะๆ นายมันทั้งโง่ทั้งดื้อ หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ งั้นฉันก็ช่วยไม่ได้แล้ว” ซุนหยันเสว่พูดออกมาอย่างโมโห ขี้เกียจยุ่งกับลู่เสี้ยงหยางคนนี้แล้ว
สายตาของเย่สวนดูสับสนพลางมองไปที่ลู่เสี้ยงหยาง สำหรับคงเป็นได้แค่คนจนไปทั้งชีวิต คงปีนขึ้นมาชั้นบนไม่ได้
ในสถานการณ์นี้ต้องเป็นผู้ชายที่มีความสามารถจริงๆ ถึงจะไปต่อกรกับลูกเศรษฐีพวกนี้ ต้องพยายามเข้าหา เพื่อปูทางต่อไปในอนาคต
แต่ลู่เสี้ยงหยางยังดี ผู้คนต่อหน้าเขาไม่มีคนไหนดี นอกจากเขา เหมือนว่าทุกคนจะเป็นคนไม่มีทั้งนั้น
“ช่างเถอะ ปล่อยเขาไปเถอะ ยังไงตอนนี้ฉันก็หนุนตระกูลเย่อยู่ ต่อไปฉันเลี้ยงเขาไหว” เย่สวนไม่ได้คาดหวังในตัวลู่เสี้ยงหยาง เธอพูดในใจ