หนุ่มเดาใจเก่งกับสโนว์ไวท์ซึนเดเระปากร้าย - ตอนที่ 3: ความงามที่มีลิ้นเป็นพิษและทักษะเดาใจ (3)
- Home
- หนุ่มเดาใจเก่งกับสโนว์ไวท์ซึนเดเระปากร้าย
- ตอนที่ 3: ความงามที่มีลิ้นเป็นพิษและทักษะเดาใจ (3)
และด้วยเหตุนี้เมื่อคาบเรียนทั้งหมดสิ้นสุดโคยูกิจึงมายืนรอนาโอยะอยู่ตรงหน้าประตูโรงเรียน เธอนั้นโดดเด่นเป็นอย่างมากท่ามกลางสายตานักเรียนที่สับสน เธอกอดอกพร้อมกับยืนหลังตรงและทำสายตาเย็นเฉียบ
“ขอโทษ นี่เธอรอนานไหม?”
“ช่างเถอะ ก็ฉันก็บอกไปแล้วว่าทำไปเพราะไม่อยากติดหนี้”
โคยูกิแสดงอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
แตกต่างจากตอนเที่ยง แก้มของเธอไม่ได้แดงอีกต่อไป เธอยกนิ้วชี้ใส่นาโอยะแล้วจ้องมาที่เขาเหมือนกับสิงโตที่กำลังล่าเหยื่อพร้อมแผ่คลื่นความกดดันออกมา
“อย่างที่นายพูดไปวันนี้ ที่ฉันทำไปก็เพราะอยากขอบคุณนาย มันไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น เพราะงั้นอย่าเข้าใจผิด เข้าใจไหม!?”
“เอ๋? ไม่ใช่ว่าเธอกำลังขอเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่เหรอ?”
นาโอยะยืนรับแรงกดดันของโคยูกิแบบซึ่งๆ หน้าแล้วยิ้มออกมาแบบเจื่อนๆ
“ก็แบบ…นี่ฉันกำลังจะได้ไปเดทกับสาวที่น่ารักขนาดนี้เลยนะ ฉันเองก็เป็นเด็กม.ปลายธรรมดาด้วยสิ จะเข้าใจผิดไปบ้างก็ไม่แปลกหรอก”
“น่ารั—เดท!?”
ใบหน้าของโคยูกิแดงจนราวกับปลายบุหรี่
ถึงจะพยายามทำเป็นนิ่งแต่ร่างเล็กๆ ของโคยูกิมันกลับสั่นอย่างรุนแรง จากนั้นเธอก็เบือนหน้าหนี
“ห…หืมมม ไอ้คำเยินยอแบบนั้นมันใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก ว่าแต่ฉันตกใจจริงๆ นะที่นายกล้าพูดเรื่องน่าอายแบบนี้ออกมาด้วย”
“อืม พอดีฉันพูดไม่เก่งน่ะ เพราะงั้นเลยคิดอะไรก็พูดออกมาเลย”
“เอาเถอะ ฉันก็ไม่ได้จะขัดนายหรอก ในฐานะผู้มีความงามสุดเพอร์เฟ็ค คำสรรเสริญพวกนี้เป็นสิ่งที่ฉันได้ยินอยู่ทุกวันนั่นแหละ เชิญนายจินตนาการต่อได้ตามใจเถอะ”
“เข้าใจแล้ว~”
ถึงปากจะบอกไม่แยแสแต่การแสดงออกของโคยูกิกลับเต็มไปด้วยความสุข ปากของเธอยิ้มไม่หุบและร่างสั่นสะท้านอย่างผิดปกติ แต่ก่อนที่นาโอยะจะทันได้พูดอะไรโคยูกิก็รีบเดินต่อไปข้างหน้าทันที
“รีบไปได้แล้ว! แล้วก็ห้ามชวนฉันคุยก่อนถึงร้านด้วย เข้าใจไหม!”
“เป็นเดทที่มีเงื่อนไขซับซ้อนจังเลยนะ”
“ก็บอกว่าไม่ใช่เดท! ช่วยอยู่เงียบๆ แล้วตามฉันมาได้แล้วย่ะ!”
หมัดของโคยูกิสั่นเทาด้วยความโกรธ ดังนั้นนาโอยะจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตามเธอไปอย่างเงียบๆ
เหล่านักเรียนที่อยู่รอบๆ ต่างมองเหตุการณ์นี้ด้วยความสนใจ จากนั้นก็เริ่มมีข่าวลือว่า‘สโนว์ไวท์พิษ’ ออกไปข้างนอกกับ ‘หนุ่มม.ปลายน่าเบื่อ A’
***
หลังเดินได้สักพักพวกเขาก็มาถึงถนนช้อปปิ้งหน้าสถานีรถไฟใกล้สถาบันโอสึกิ พวกเขายืนอยู่ตรงกลางย่านที่พักอาศัย ดังนั้นบริเวณรอบๆ ร้านค้าจึงมีเด็กนักเรียนเต็มไปหมด โคยูกิเดินเข้ามายังร้านแห่งหนึ่ง นาโอยะไม่มีข้อโต้แย้งและเดินตามเข้าไปแต่โดยดี เมื่อถึงร้านพวกเขาก็เริ่มสั่งกาแฟและโดนัท จากนั้นก็นั่งลงที่โต๊ะโดยหันหน้าเขาหากัน
“………”
โคยูกิจ้องโดนัทนิ่งเงียบๆ โดยไม่เปิดปาก นาโอยะรู้ว่าเธอประหม่า ดังนั้นเขาจึงเป็นคนริเริ่มบทสนทนา
“งั้นฉันกินมันเลยได้ไหม?”
“……”
โคยูกิพยักหน้ารับอย่างเงียบๆ
เมื่อได้รับอนุญาต นาโอยะก็หยิบโดนัทขึ้นมากัดเพื่อลิ้มรสทันที
“เอ่อคือว่า…”
โคยูกิเปิดปากพูด
“หืม?”
“ดูเหมือนว่านายจะเป็นคนที่เดาความรู้สึกคนอื่นเก่งสินะ…”
โคยูกิเหลือบตามองนาโอยะ
“เพราะงั้น…นายคงรู้แล้วใช่ไหมว่าฉันกำลังจะพูดอะไร?”
“อืม ก็ประมาณนั้น”
นาโอยะวางโดนัทลงแล้วเช็ดนิ้วด้วยกระดาษเช็ดปาก
“แต่เธอคงอยากพูดออกมาจากปากตัวเองมากกว่าใช่ไหม? นั่นแหละเหตุผลที่ฉันรอ”
“นายรู้จริงๆ ด้วย… หรือว่าที่จริงแล้วนายจะอ่านใจได้อะไรทำนองนั้น?”
“เปล่าหรอก ฉันก็แค่พอจะเดาใจคนอื่นได้เท่านั้นแหละ”
“ ‘พอจะ’ เหรอ… เอาเถอะ”
โคยูกิหรี่ตาและถอนหายใจ
จากนั้นก็ก้มศีรษะของตัวเองลง
“เมื่อวานต้องขอบคุณนายมากนะ นายช่วยฉันไว้ได้พอดีจริงๆ เลยล่ะ”
“ด้วยความยินดี”
นาโอยะน้อมรับคำพูดอันเถรตรงของโคยูกิ
โคยูกิดูโล่งใจเพราะในที่สุดก็สามารถพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมาได้แล้ว ในที่สุดเธอเอื้อมมือไปหยิบโดนัทและเอามันเข้าปาก
“นายนี่เป็นคนแปลกๆ จังเลยนะ”
“อา ฉันได้ยินอยู่บ่อยๆ”
“ก็กะไว้แล้วล่ะ”
โคยูกิยกริมฝีปากขึ้นราวกับจะยิ้มเยาะ
“ปกติผู้ชายแปลกๆ อย่างนายคงไม่มีทางได้ดื่มกาแฟกับฉันแบบนี้หรอกนะ เพราะงั้นจงรู้สึกเป็นเกียรติเถอะ”
“จริงๆ แล้วเธอจะพูดว่า ‘ฉันอยากดื่มกาแฟกับซาซาฮาระคุงจังเลย’ ใช่ไหม?”
“ไปเอามาจากไหนกันยะ! นั่นมันไม่ได้ใกล้เคียงเลยสักนิดย่ะ!”
โคยูกิพยายามปฏิเสธแต่ใบหน้าของเธอกลับแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด
การตระโกนของเธอเรียกความสนใจจากลูกค้ารอบๆ เป็นอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงรูดซิบปากและเปลี่ยนมาจ้องหน้านาโอยะที่จิบกาแฟอยู่เงียบๆ แทน
“จริงๆ เลย… ฉันว่าหูของนายมันต้องมีตรงไหนผิดปกติแน่ๆ ไหงถึงบิดเบือนคำพูดของฉันไปขนาดนั้นได้ล่ะนั่น…”
“ก็แบบ…ท่าทางของชิโรกาเนะซังมันดูออกง่ายจะตายนี่นะ”
นาโอยะตอบกลับไปอย่างหน้าตาเฉย
จริงๆ แล้วการคาดเดาความรู้สึกของโคยูกิมันไม่ได้ยากอย่างที่คิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง การเคลื่อนไหวของดวงตา รวมไปถึงท่าทางที่เธอใช้สางผม การสังเกตุรายละเอียดเล็กๆ เหล่านี้ช่วยให้เขาเปิดเผยความรู้สึกของเธอได้ทุกอย่าง
“จริงเหรอ…? ฟังดูแหม่งๆ นะ”
สายตาของโคยูกิจับจ้องไปที่นาโอยะ จากนั้นเธอก็ยิ้มออกมาราวกับจะลองเชิง
เธอหยิบเหรียญ 100 เยนออกมาจากกระเป๋าสตางค์ จากนั้นก็ชูกำปั้นทั้งสองข้างยื่นมาตรงหน้าของนาโอยะ
“งั้นก็ลองเดาหน่อยซิ ว่าเหรียญของฉันมันอยู่ที่ไหน?”
“มันวางอยู่บนตักของเธอสินะ?”
“………ถูกต้อง”
โคยูกิแบมือของตนออกอย่างไม่เต็มใจ มือทั้งสองข้างของเธอเผยให้เห็นถึงอากาศอันว่างเปล่า
เธอหยิบเหรียญขึ้นมาจากตักตัวเอง จากนั้นก็มองใบหน้าของนาโอยะราวกับเพิ่งได้เห็นปาฏิหาริย์
“นายมันจะขี้โกงเกินไปแล้ว… ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองถูกมองทะลุปรุโปร่งเลย หรือว่าความจริงแล้วนายจะเป็นนักสืบไม่ก็อะไรทำนองนั้น?”
“นักสืบม.ปลายมันมีอยู่แค่ในเกมและอนิเมะเท่านั้นแหละ ส่วนฉันเป็นแค่นักเรียนม.ปลายธรรมดาผู้ต่ำต้อยเท่านั้น”
“นักเรียนม.ปลายธรรมดาที่ไหนเขาเล่นกลแบบนี้ได้กันยะ”
โคยูกิจับจ้องใบหน้าของนาโอยะอย่างรู้สึกเคลือบแคลง
ถึงมันจะไม่ใช่ท่าทีที่ควรใช้มองผู้มีพระคุณ แต่นาโอยะก็หาได้ใส่ใจและทำเพียงยักไหล่กลับ
“อา ความจริงฉันก็โดนถามเรื่องความสามารถนี้บ่อยๆ เหมือนกัน”
“ก็สมควรแล้วนี่ ว่าแต่นายได้ความสามารถนี้มายังไงกันน่ะ?”
“มันก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนหรอก…”
นาโอยะยิ้มแบบเจื่อนๆ
เขาไม่ได้มีความคิดที่จะปกปิด
“ความจริงคือตอนยังเด็กแม่ของฉันเคยติดเตียงอยู่พักหนึ่งน่ะ”
“…เอ๊ะ!”
โคยูกิกลืนลมหายใจไปชั่วขณะ เธอทำท่าทางเหมือนกับได้ยินเรื่องที่ไม่ได้คาดคิด
ถึงอย่างนั้นนาโอยะก็ไม่ได้สนใจและเริ่มพูดต่อ เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อนาโอยะอายุประมาณหกขวบ วันหนึ่งแม่ของเขาได้ล้มป่วยลงอย่างกะทันหันและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เธอลงเอยด้วยการติดเตียงและต้องเชื่อมเครื่องช่วยหายใจกับเครื่องจักรต่างๆ ด้วยเหตุการณ์นั้นจึงทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีปัญหาเรื่องการแสดงความต้องการกับผู้อื่นอย่างแรงกล้า
แต่ต่อให้เป็นแบบนั้นนาโอยะก็ยังแวะมาเยี่ยมเยียนแม่ของเขาทุกวัน เขาพยายามที่จะจดจ่อเพื่อเฝ้าดูปฏิกิริยาของเธออยู่ตลอด จนในที่สุดวันหนึ่งเขาก็สามารถอ่านสิ่งที่เธอคิดได้จากแค่จ้องมองเท่านั้น เพราะแบบนั้นนาโอยะจึงสามารถแบ่งเบาภาระเล็กๆ ของแม่เขาได้
“นั่นเป็นสิ่งดีที่สุดที่ฉันทำได้ในตอนนั้น สุดท้ายมันเลยทำให้ฉันเข้าใจความคิดและความต้องการของคนอื่นได้ดีขึ้นจนถึงวันนี้”
“เข้าใจแล้ว นายทำไปเพื่อแม่ของนาย…”
แน่นอนที่คำถามต่อไปของเธอนั่นคือ…
“แล้วตอนนี้แม่นายอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ…?”
“……เธอไปอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกลน่ะ”
“……!”
ใบหน้าของโคยูกิขาวซีด
ในเวลาเดียวกัน นาโอยะก็เริ่มพูดต่ออย่างใจเย็น
“บางทีคงจะอยู่ที่ไหนสักแห่งแถวๆ ทะเลแคริบเบียน”
“…ฮะ?”
“ท่านตามพ่อของฉันไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศน่ะ”
ในตอนนั้นระหว่างที่แม่ของนาโอยะกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตจู่ๆ ก็ได้มีปาฏิหารย์ทำให้เธอฟื้นขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ หนำซ้ำตอนนี้เธอยังแข็งแรงยิ่งกว่าตอนก่อนป่วยเสียอีก หลังจากเหตุการณ์นั้นพ่อกับแม่ของเขาก็ตัดสินใจพากันไปใช้ชีวิตหวานแหววหลังแต่งกันที่ต่างประเทศ และเมื่อนาโอยะขึ้นชั้นม.ปลายพวกเขาก็เหมือนจะลืมเรื่องลูกของตัวเองไปแล้วด้วยซ้ำ
พวกเขาส่งเมลมาหานาโอยะทุกเดือนเพื่อถามสารทุกข์สุขดิบ แต่ภาพที่แนบมามันกลับเต็มไปด้วยภาพคู่สุดหวานแหวว หลังฟังเรื่องนี้จบโคยูกิก็ลงมือกัดโดนัทของเธอด้วยความหงุดหงิดทันที
“แล้วนายจะทำให้มันดราม่าไปทำไมกันยะ…!”
“ฮ่ะๆ โทษที มันแค่บังเอิญน่ะ”
นาโอยะถูกโคยูกิต่อว่าเพราะเหมือนโดนปั่นประสาท เขายิ้มกลับไปแบบขี้เล่นแต่เธอก็ไม่ได้โกรธเคืองมากนัก
“ฮึ อย่างน้อยฉันก็ได้รู้สักทีว่าทำไมนายถึงเป็นคนแปลกๆ”
“อย่างน้อยก็พูดว่าไม่เหมือนใครสิ”
“แล้วมันต่างกันตรงไหน?”
โคยูกิจิบกาแฟของตนขณะโต้กลับ
จากนั้นเธอก็แสยะยิ้มออกมาแบบหยิ่งผยอง
“แต่ถึงแบบนั้นก็เสียใจด้วยนะ นั่นก็เพราะความสามารถของนายมันใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก”
“เอ๊ะ จริงเหรอ?”
“ก็จริงน่ะสิ ทำไมฉันต้องมีความสุขเพราะได้ดื่มกาแฟกับนายด้วยล่ะ ให้ฉันไปฟังข่าวจราจรทางวิทยุแล้วดื่มน้ำประปาที่บ้านมันยังจรรโลงใจกว่าอีก”
โคยูกิยักไหล่พร้อมกับเหลือบมองนาโอยะ
“เอาเถอะ ไหนๆ ฉันก็อยู่ที่นี่แล้ว งั้นฉันขอถามนายตรงนี้เลยแล้วกัน… มีอะไรที่นายเกี่ยวกับฉันอีกบ้างไหม?”
“หืม งั้นจะเอาประมาณไหนดีล่ะ?”
นาโอยะพยักหน้ารับ
เมื่อพิจารณาจากนิสัยของโคยูกิ ดูแล้วเธอน่าจะเป็นลูกสาวคนโต มือข้างที่ถนัดก็คือข้างขวาแต่ไม่แน่ว่าอาจจะเขียนหนังสือด้วยมือข้างซ้าย เธอเป็นพวกที่ชอบอยู่ในเงามืดและเกลียดการแสดงจุดอ่อนต่อหน้าคนอื่น อย่างเช่นตอนนี้เธอก็กำลังบังคับตัวเองให้ดื่มกาแฟดำ แต่ใจจริงๆ แล้วเธอคงอยากจะดื่มคาคาโอะที่มีครีมเยอะๆ มากกว่า
ในขณะที่นาโอยะกำลังรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ สีหน้าของโคยูกิก็รัดกุมขึ้น
(โอ๊ะ มันคงได้เวลาแล้วสินะ)
นาโอยะตัดสินใจตอกตะปูใส่ฝาโลง มีบางอย่างที่น่าสนใจในข้อมูลที่เขารวบรวมได้จากการสังเกต
“ยกตัวอย่างเช่น… เรื่องที่เธอกำลังตกหลุมรักฉันอยู่เป็นไง?”
“พรู้ดดดดดดดดดดดด!”
โคยูกิพ่นกาแฟออกมาจากปาก
หลังของเธอขดและหายใจหอบ แต่กระนั้นนาโอยะก็ทำเพียงเฝ้าดู จากนั้นโคยูกิจ้องมาที่นาโอยะเขม็งโดยที่ใบหน้าของเธอแดงราวกับมะเขือเทศ
“แค่กๆๆ อุ่ก… ม-มุกของนายมันตลกดีนี่… เมื่อกี้นี้นายบอกว่าใครกำลังชอบใครอยู่กันนะ?”
“เอ๊ะ? นี่ฉันพูดผิดเหรอ?”
“ก-ก็แน่อยู่แล้วสิยะ!!!”
โคยูกิกรีดร้องด้วยเสียงสั่น
ไม่เพียงร่างกายของเธอจะแดง แต่ตรงมุมดวงตาสีฟ้าๆ ของเธอมันยังมีน้ำตาเม็ดเล็กๆ รินอยู่อีกด้วย แต่กระนั้นโคยูกิก็ยังคงต่อต้าน
“มันก็จริงที่นายช่วยฉันออกมาจากสถานการณ์วิกฤติ แต่นายคิดจริงๆ เหรอว่าคนสวยสมบูรณ์แบบอย่างฉันจะไปตกหลุมรักคนแปลกๆ แบบนาย? อย่าด่วนสรุปไปเอง เข้าใจไหม!?“
“อันที่จริงฉันคิดว่าถ้าพูดผิดมันคงจะดีกว่า…”
“…เอ๊ะ!”
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง
นาโอยะเกาศีรษะของตัวเองจากนั้นก็ถอนหายใจ
“ความจริงฉันมีเหตุผลที่มาที่นี่กับเธออยู่น่ะ ชิโรกาเนะซัง”
“เหตุผล…?”
“ใช่ มันเป็นเหตุผลง่ายๆ”
นาโอยะปรับท่าทางของตนให้มองตรงไปยังใบหน้าของโคยูกิ
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงใจเย็น
“ขอพูดตรงๆ เลยนะชิโรกาเนะซัง”
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ… แต่ฉันคงคบกับเธอไม่ได้หรอก”
——————————
ตัดจบแบบละครไทย