สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 380 ชําระแค้น
ตอนที่ 380 ชําระแค้น
มู่หรงหยุนเคอหลั่งน้ําตาให้กับเสด็จอาของตน แม้ว่าเสด็จอาจะมีชายาคนแรกแล้ว ทว่านั่นก็เป็นเพียงสตรีที่จักรพรรดิทรงหมั้นหมายให้เท่านั้น
สุดท้ายแล้วหยุนจึงเอ่อที่รักและปรารถนาก็จากไปดังที่คะเนไว้ และตอนนี้แม้แต่ลูกสาวของนางก็ยังไม่คิดกลับไปหา
เนื่องจากฉินหลงได้ติดสอยห้อยตามอ่องแห่งอวหยางอย่างใกล้ชิด จึงไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ และไม่คิดว่าอ๋องแห่งอวี่หยางกับชายาองค์ใหม่มีความรักต่อกัน
ดังนั้นสิ่งที่เขาทําไว้กับอ๋องแห่งอวหยางและหยุนจึงเอ๋อต้องมีเจตนาแอบแฝงอยู่เป็นแน่ หยุนเคอพลางนึกไปว่าฉินหลงคงไม่มีทางปล่อยหยุนเถียนเถียนไปโดยง่าย ไม่แน่ว่าเขาอาจลงมือทําอะไรอีกก็ได้
“ไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ! อย่างไรเสียตอนนี้เจ้าอาจอยู่ลําพังได้แล้ว แต่ข้า… ไม่ช้าก็เร็ว พวกนั้นก็คงจะตามมากําจัดข้าในสักวันหนึ่ง!”
“เช่นนั้นข้าก็ต้องฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งพอ แล้วจะลากคอคนที่หวังปองร้ายมาชําระแค้นให้ได้!”
หยุนเถียนเถียนพยักหน้าหนักแน่น “เจ้าอยากกลับไปชําระแค้นข้าก็เข้าใจ… แต่ถึงตอนนั้นที่เจ้ากลายเป็นองค์ชายมีหญิงมากมายอยู่รายล้อม แล้วเจ้าจะจดจําข้าได้หรือไม่?”
มู่หรงหยุนเคอยิ้ม “เจ้ากําลังคิดสิ่งใดอยู่นั่น? ข้าอยู่ในพระนครมาหลายปีแล้ว หากต้องการเช่นนั้นจริงป่านนี้ก็คงมีหญิงรายล้อมเช่นเจ้าว่าไปแล้ว!”
หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วพลางเบือนหน้าหนี “นี่เจ้าคิดจะอวดเบ่งความเนื้อหอมต่อหน้าข้าหรือไรกัน? แต่ข้าจะบอกไว้ว่าหากเจ้าพาหญิงอื่นใดมาอยู่ด้วย เจ้าจะไม่มีวันได้เห็นหน้าข้าอีกต่อไป!”
มู่หรงหยุนเคอยกยิ้มอย่างสุดปัญญา เขาไม่กล้าตอบเพราะบางเรื่องพูดไปก็คงไม่เป็นผลดีนัก ในภายภาคหน้าเขาคงมีเวลาให้นางได้ทําความเข้าใจ
ช่องว่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างทั้งสองถูกขจัดออกไป และบรรยากาศ ณ ที่นี้ก็แปรเปลี่ยน ทั้งสองจึงถอนใจด้วยความโล่งอก… ฟ้าดินยังเมตตาที่หยุนเกียนเถียนกับองค์ชายหยุนเคอไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ หากเป็นเช่นนั้นหยุนเคอคงรู้สึกสิ้นหวังไปจนตาย
ในฟูเฉิงทุกอย่างล้วนมีราคา หยุนเถียนเถียนใช้เงินมากมายไปกับบ้านหลังนี้ และเพื่อขยับขยายการทําไร่ข้าวสาลี นางได้ซื้อที่ดินเปล่ามาอีกหลายไร่
ผู้คนต่างลงหลักปักฐานที่นั่นอีกครั้ง แม้จะซื้อหมู่บ้านมาแล้วทว่ากลับไม่มีใครจะมาบุกเบิกที่ดินตรงนี้เลย ซึ่งหยุนเสียนเถียนก็อดเป็นกังวลไม่ได้
หลังจากมองหยุนเถียนเถียนแล้ว มู่หรงหยุนเคอก็ถอนหายใจพลางเอามือลูบหัวในขณะที่กําลังนับเงินที่มีอยู่ในมือ
“เป็นอะไรไปรี?”
หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วก่อนตอบ “เงินเท่านี้คงไม่พอ ข้าสร้างหมู่บ้าน จัดการที่ดินเปล่าที่แรกยังใช้เงินไม่กี่พันตําลึง ผ่านไปพักเดียวก็ต้องใช้เพิ่มอีกสองสามพันตําลึงเสียแล้ว… ข้าไม่มีเงินถึงเพียงนั้นหรอก!”
“หมู่บ้านก็สร้างออกมาแล้ว เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าจะไปหาคนบุกเบิกที่ดินได้ที่ไหนเท่านั้น หยุนเคอ… หรือเป็นเพราะข้าเริ่มสร้างหมู่บ้านอย่างไม่คิดอะไรเลยหรือเปล่า? เช่นนั้นแล้ว…”
มู่หรงหยุนเคอยิ้มเย้ย “หากเงินไม่พอก็บอกข้ามาสิ หรือเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเคยทําอะไร? ลําพังหากตัวเจ้าจะหาเงินมาก็คงไม่ยากนัก ส่วนกําลังคนก็หาซื้อจากนายหน้าเอาได้ เจ้าซื้อแล้วก็เอาใบสําคัญมาด้วย เช่นนั้นจะปลอดภัยกว่า!”
หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วพลางตอบเชิงไม่ยอม “ข้าไม่ต้องการใช้เงินเจ้าหรอก! ข้าอยากหาเงินด้วยตัวเองมากกว่า! จะซื้อทาสสักคนมันไม่ยากนักหรอก เพียงแต่… น่าเสียดายที่มันพอแค่ซื้อทาสเท่านั้น ยังไม่พอให้ข้าซื้อแรงงานสร้างหมู่บ้าน”
มู่หรงหยุนเคอยักไหล่อย่างรู้สึกช่วยไม่ได้ “บัดนี้ตัวตนและความสัมพันธ์ของเราก็ชัดเจนแล้วไยไม่ใช้เงินข้าด้วยเล่า?”
“ไม่… เจ้าไม่เข้าใจหรอก หากข้าเป็นน้องสาวก็คงยอมใช้เงินที่ว่า เพียงแต่หากข้าต้องการแต่งงานกับเจ้าจริง ๆ ข้าก็ต้องดิ้นรนหาสินสอดทองหมั้นด้วยน้ําแรงของข้าเองโดยไม่ต้องพึ่ง เจ้า… เข้าใจหรือเปล่า?”
“ไม่เข้าใจ! แต่หากยืนกรานเช่นนั้น เจ้าก็ไปซื้อทาสมาไว้ที่หมู่บ้านเสีย แล้วก็หาจ้างแรงงานระยะยาวอีกสักหน่อย แรงงานประเดี๋ยวนี้ใช่ว่าจะต้องจ้างแพงนัก”
หยุนเถียนเถียนตระหนักได้ก่อนจะลุกพรวดทันที “เช่นนั้นก็ดี… ข้าจะไปซื้อทาสสักสองสามคนเสียตอนนี้เลย!”
มู่หรงหยุนเคอลุกขึ้นก่อนตะโกนตามหลังนางไป “ระวังตัวด้วย อย่าให้เจ้าเมืองหลงรู้ว่าเจ้าอยู่ไหนเชียว!”
หยุนเถียนเถียนโบกมือตอบก่อนเดินออกไปข้างนอกโดยมีเชิ้นสิ่งตามอย่างใกล้ชิด
แม้หยุนเถียนเถียนจะไม่รู้จักสถานที่เช่นนี้ในฟูเฉิง ทว่าเซิ่นสิ่งก็นําทางไปสู่สถานที่ที่ตัวนางรังเกียจมากที่สุดจนได้!
นายหน้าค้าทาสยืนอยู่ที่หน้าประตูแต่งกายเรียบร้อย คอยให้ชนชั้นสูงมาซื้อไถ่ตัวใครไปสักคน ส่วนกลุ่มคนที่ถูกกักขังเบียดเสียดอยู่ด้านในนั้นมีเนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยมีกลิ่นเหม็นสาบโชยตลบอยู่ทั่ว
หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้ว นางเพิ่งได้เห็นสถานที่อันโสมมเช่นนี้เป็นครั้งแรกในชั่วชีวิตของตน และในเมืองอันรุ่งโรจน์เช่นนี้ก็มีอีกด้านของเหรียญปรากฏอยู่เบื้องหน้า
หยุนเถียนเถียนรู้สึกพูดไม่ออก นางเป็นคนที่รักในความยุติธรรมอย่างที่สุด มิเช่นนั้นนางก็คงไม่เข้ากรมตํารวจในทีแรก ทว่าในบริบทสังคมเช่นนี้ นางก็ไม่มีปัญญาจะทําอะไรได้
นางขมวดคิ้วเดินเข้าไป ก่อนที่นายหน้าจะแยกยิ้มประจบประแจง หากแขกผู้นี้มาเพื่อซื้อทาส ก็คงเป็นเรื่องสําคัญเลยทีเดียว
เหล่าผู้ถูกขังต่างงงงวยกับกริยาของพวกนาง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สนใจว่าตนจะเป็นเช่นไรต่อไป
หยุนเถียนเถียนมีเงินอยู่จํากัดในมือในการเลือกซื้อทาสเหล่านี้! นางหันไปเห็นหนุ่มวัยแรกรุ่นมีแผลเป็นอยู่ในนั้น แผลเป็นสองรอยที่ประทับบนใบหน้าเด็กหนุ่มบ่งบอกทันทีว่าเขาคงถูกใครบางคนเอาแส้ฟาดจนเป็นเช่นนี้
อย่างไรเสียดวงตาของเด็กชายก็กําลังจ้องนายหน้าด้วยความเคียดแค้น ซึ่งนายหน้าผู้นี้คงเป็นคนลงโทษเขา คนเหล่านี้มักมีวิธีในการปฏิบัติต่อทาสที่ไม่ยอมอยู่ใต้โอวาทด้วยวิธีที่รุนแรงเสมอ
หยุนเถียนเถียนทอดถอนใจอยู่นาน หรือเด็กหนุ่มผู้นี้กําลังต้องการอิสระภาพอยู่กันแน่
นายหน้าจ้องขู่เมื่อเห็นแววตาของคนเหล่านั้น ทว่าเมื่อเห็นว่าหยุนเถียนเถียนสะดุดตาที่เด็กหนุ่มเขาก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มเพื่อประจบลูกค้าทันที
“แม่นาง… ท่านกําลังสนใจไอ้ขี้ครอกเลี้ยงไม่เชื่องนี้อยู่หรือ? ถึงมันจะดื้อรั้นนักแต่ข้าก็มียาดี เช่นนั้นแล้วท่านจะทําสิ่งใดกับมันก็ได้ตามใจปรารถนาเลย”
คําพูดเช่นนี้ของเขาไม่อาจมองอย่างผิวเผินได้เพราะมันมีสิ่งอื่นแอบแฝงอยู่แน่นอน หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วยืนครุ่นคิด
เซิ่นสิงเอ็ดขึ้นมา “ช่างบังอาจนัก! ใยเจ้าจึงกล้าพูดเรื่องเช่นนี้ต่อหน้านายหญิงของข้าได้?”