สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 343 ความหึงหวงของหยุนเคอ
ตอนที่ 343 ความหึงหวงของหยุนเคอ
หยุนเถียนเถียนรู้สึกว่าแขนที่นางจับไพล่หลังไว้หลุดออกจากข้อต่อ
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าหญิงชราจะโหดร้ายถึงขั้นกล้าหักมือตัวเองเพื่อหนีเอาตัวรอด!
สตรีผู้นั้นกล้าหักข้อมือตัวเองเพื่อให้มีพื้นที่พอในการดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ จากนั้นก็เตะเข้าที่เอวของหยุนเถียนเถียนเต็มแรง ความเจ็บปวดทําให้นางเผลอปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว
หญิงชราใช้โอกาสนี้ในการหลบหนี นางส่งเสียงร้องก่อนที่คนชุดดําทั้งหมดจะรีบวิ่งหนีตามนางไป
เซิ่นสิงออกวิ่งไล่ตามหลังคนเหล่านั้นไปทันที หยุนเกียนเถียนไม่อาจหยุดนางไว้ได้จึงต้องปล่อยให้วิ่งตามออกไปเช่นนั้น
คิดดูแล้วก็เห็นว่าแม้หยุนเคอจะเป็นคนมองการณ์ไกลนัก ทว่าองครักษ์หญิงผู้นี้มีนสัยหุนหันพลันแล่นเขากลับตั้งชื่อให้ว่าเซ็นสิ่ง…ดังนั้นเขาควรระวังมากกว่านี้เมื่อต้องตั้งชื่อให้ใครสักคนเพราะนามควรแสดงถึงตัวตนของเจ้าของนามนั้น
* เซ็นสัง = ภาษาจีนแปลว่ารอบคอบหรือระมัดระวัง
มู่หรงป้อตกตะลึงเพราะไม่คาดคิดว่าแม้องครักษ์ชุดด่าเหล่านั้นจะยังไม่ได้รับค่าสัง ทว่ากลับไล่ล่าทําร้ายผู้คนได้ตามอําเภอใจ เช่นนี้จึงดูเหมือนว่าเจ้านายขององครักษ์เหล่านั้นต้อง…
“เอาล่ะ ตอนนี้องครักษ์ประจําตัวของเจ้าไม่อยู่แล้ว ฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าถูกลอบทําร้ายอีกข้าจะเข้าไปข้างในกับเจ้าด้วยเพื่ออยู่รอจนกว่าจะมีคนมาคอยดูแลเจ้า ข้าคิดว่าต้องมีคนเก่งกาจคอยอยู่ข้างกายเจ้าอีกใช่หรือไม่?”
หยุนเสียนเถียนไม่อาจขัดได้จึงตัดสินใจเดินนําเข้าไปในสวนเล็ก ๆ มู่หรงป้อมองไปยังทิศที่เหล่าคนชุดดําวิ่งหนีไปอย่างไม่สบายใจนัก เขาจึงสั่งให้องครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างตามไปตรวจสอบดู
องครักษ์เยี่ยหลีที่ยืนอยู่ข้างเขากลอกตาอย่างไม่เต็มใจ ทว่าเป็นคําสั่งของเจ้านายจึงจําต้องเชื่อฟัง สุดท้ายเขาก็ต้องตามไปช่วยสตรีที่เคยแทงเขาจนได้!
หยุนเคอได้รับสัญญาณร้องทุกข์จากเซ็นสิ่งจึงรีบเดินทางมายังบ้านพักสกุลหลี่ทันที เมื่อมาถึงเขาก็พบร่องรอยการต่อสู่ในที่แห่งนี้ทว่าทุกคนได้แยกย้ายกันไปหมดแล้ว
เขาตื่นตระหนกเสียจนไม่สนใจพนักงานต้อนรับ ก่อนจะกระโดดข้ามกําแพงเข้าไปในสวนเล็ก ๆ ภายในที่พัก
หยุนเวียนเถียนนั่งบนโต๊ะกลมในสวนพลางมองชายผู้นั่งตรงข้ามด้วยรอยยิ้ม ภาพเช่นนี้ทําให้มู่หรงหยุนเคอเกิดความหึงหวงนัก!
“หยุนเคอ เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”
หยุนเถียนเถียนเห็นว่าหยุนเคอเงียบผิดปกติ นางยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดใบหน้าของเขาจึงบดบึงเช่นนั้นทว่าก็ยังกล่าวคําทักทายออกไป
เมื่อมู่หรงป๋อเห็นผู้มาเยือนเขาก็ถึงกับตาเบิกโพลง แน่นอนว่าเขาจําชายตรงหน้าได้… อ่องล่วยผู้หายสาบสูญไปนานแล้ว!
“อ่องล่วย… ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบท่านที่นี่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นมู่หรงหยุนเคอก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่คือเจ้าเด็กหน้าเหม็นที่ตนไม่อยากพบเจอเลยสักนิด
“ผู้ติดตามหน้าเหม็น เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่?”
มู่หรงป๋อมองหยุนเคอด้วยรอยยิ้มจาง “เหตุใดข้าจึงมาที่นี่อย่างนั้นหรือ? ข้าคิดว่าท่านน่าจะรู้มานานแล้วเสียอีก ด้วยความสามารถอันเก่งกาจของท่านย่อมล่วงรู้ทุกสิ่งได้โดยง่ายอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”
มู่หรงหยุนเคอเลือดขึ้นหน้า “เรื่องนั้นไม่สําคัญหรอก! ข้าเกรงว่าเจ้าจะทําเรื่องน่ารังเกียจเหมือนที่เคยทําเมื่อเจ้ายังเด็กเสียมากกว่า”
เมื่อพูดถึงความอับอายเมื่อครั้งเยาว์วัยขึ้นมา สีหน้าของมู่หรงป๋อก็บูดบึงทันที “ตอนนั้นข้ายังเป็นเด็กผู้โง่เขลาจึงสร้างเรื่องอื้อฉาวขึ้นมาโดยไม่ทันยั้งคิด ทว่าเหตุใดท่านต้องนําความผิดพ ลาดของผู้อื่นมาประจานได้ไม่เลือกที่เช่นนี้! ข้าต้องถามท่านเสียมากกว่าว่าท่านเกี่ยวข้องกับสาว น้อยผู้นี้อย่างไร?”
สาวน้อยผู้นี้? ทั้งสองสนิทกันขนาดนั้นเลยหรือ? ทีแรกนางบอกว่าไม่อาจรู้ว่าเขาจะเป็นมิตรหรือศัตรูทว่าบัดนี้กลับดูสนิทชิดเชื้อกันถึงเพียงนั้นเลยหรือ?
“สาวน้อยที่เจ้าเรียกออกมาบัดนี้นางคือ…”
หยุนเถียนเถียนผุดลุกขึ้นขัดจังหวะพูดของหยุนเคอทันที “พอได้แล้วหยุนเคอ! บัดนี้เจ้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับข้าอีกต่อไปแล้ว ข้าจะสนิทสนมกับใครก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้าดังนั้นเจ้าไม่จําเป็นต้องทําราวกับสอบสวนนักโทษเช่นนี้หรอก!”
หยุนเคอพลันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นในใจ เขาไม่คาดคิดเลยว่านางจะกล่าววาจาเสียดแทงตนต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้
มู่หรงป๋อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปจึงทําให้เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย
“เถียนเถียน หากชายผู้นี้กล้ารังแกเจ้าก็จงบอกข้ามาเถิด แม้ว่าข้าอาจจะไม่สามารถเอาชนะเขาได้ทว่าข้าก็จะยืนหยัดเพื่อเจ้า!”
มู่หรงหยุนเคอกล่าวเย้ยกลับไปทันที “เจ้าก็รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าไม่อาจเอาชนะข้าได้ดังนั้นก็จงรีบอยู่ให้ห่างสตรีผู้นี้เสีย…ฉะนั้นก็อย่ามาโทษว่าข้าไม่ไว้หน้าลูกพี่ลูกน้องของตัวเองก็แล้วกัน!”
หยุนเสียนเถียนยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “องค์รัฐทายาท ท่านพอใจการดูแลของนายอําเภอหรือไม่? หากขาดตกบกพร่องสิ่งใดข้าคิดว่าท่านควรย้ายมาพักอยู่ใกล้กับพวกข้าดีกว่า”
มู่หรงป๋อเผยรอยยิ้มราวกับจะประกาศชัยชนะเหนือมู่หรงหยุนเคอ “ก็ดีเหมือนกัน! ข้าคิดว่าข้าอาศัยอยู่ที่นั่นนานพอสมควรแล้วจึงต้องเอ่ยคําลาเขาเสียก่อน เดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา…อ๋องล่วยก็อยู่ที่นี่ทั้งคนข้าจึงหายกังวลเรื่องความปลอดภัยของเจ้า”
ก่อนที่มู่หรงหยุนเคอจะขัดขวางไว้ได้มู่หรงป๋อก็เดินออกไปเสียแล้ว เขาแค่กลับไปบอกลานายอ่าเภอแล้วจะย้ายมาอยู่ที่บ้านพักสกุลหลทันที
หยุนเคอรู้สึกขมขึ้นในใจทว่าเขากลับพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “หากเจ้าชวนเขามาอยู่ที่บ้านพักสกลหลี่ เจ้าไม่กลัวว่าหลี่ซื่อฮวาจะไม่เห็นด้วยหรือ?”
หยุนเสียนเกียนยิ้มก่อนจะมองตามหลังรถม้าที่กําลังแล่นออกไป “ข้ารู้จักนายน้อยผู้นี้ดี หลี่ซื่อ ฮวาไม่กล้าระรานข้าและขับไล่คนใหญ่คนโตออกไปเวลานี้อย่างแน่นอนหากมีมู่หรงป้ออยู่ใกล้ ๆ เรื่องความปลอดภัยก็จะได้รับการคุ้มกันเป็นพิเศษด้วย”
“เมื่อครู่มีคนมาลอบสังหารข้า ต้องขอบคุณเขาที่มาช่วยข้าไว้ได้ทัน”
แม้ว่ามู่หรงหยุนเคอจะรู้ว่าชายผู้นั้นคงไม่ได้ต้องการจะทําเรื่องไร้ยางอายใด ทว่าเขาก็ยังพูดออกไปอย่างไม่พอใจว่า “ใครจะไปรู้ว่าจิตใจสกปรกของคนผู้นั้นกําลังคิดสิ่งใดอยู่…บางทีเขาอาจถูกส่งตัวมาทําแผนการร้าย ทว่าแสร้งทําเป็นช่วยชีวิตเจ้าเพื่อเอาชนะใจเจ้าก่อนก็ได้”
หยุนเถียนเถียนปัดมืออย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้ามีความคับข้องใจอย่างไร ทว่าเจ้าแสดงออกเสียจนเห็นชัดถึงเพียงนี้! หากเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นแผนการร้ายตามที่เจ้าบอกก็แสดงว่าเขาต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่ เช่นนั้นก็โปรดบอกข้ามาว่าจุดประสงค์ของชายผู้นั้นคืออะไร?”
มู่หรงหยุนเคอไม่รู้จะกล่าวตอบเช่นไรเพราะเขายังหาเหตุผลมาหักล่างไม่ได้ ท้ายที่สุดเขาก็ก้มหน้าลงก่อนพูดว่า “เจ้าปลอดภัยข้าก็พอใจแล้ว ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะ…”
ก่อนจะพูดจบเขาก็เหลือบไปเห็นบาดแผลที่คอของหยุนเถียนเถียน แม้จะได้รับการปฐมพยาบาลแล้วทว่าคราบเลือดก็ยังชวนให้รู้สึกหวาดเสียวไม่น้อย
“เจ้าเจ็บหรือเปล่า?”
หยุนเคอออกอาการโมโหอย่างเห็นได้ชัด “บ้าจริง! แล้วผู้หญิงคนนั้นมัวไปทําอะไรอยู่? ข้าอุตส่าห์สั่งให้นางคอยปกป้องเจ้าอย่างดีทว่าก็ยังทําไม่ได้ เช่นนี้นางจะเป็นองครักษ์ได้อย่างไร?”
มุมปากของหยุนเกียนเถียนกระตุก เซ็นสิ่งกําลังทําอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ? นางเข้าต่อสู้กับพวกคนชุดด่าอย่างกล้าหาญ ทว่านางจะมาปกป้องผู้อื่นได้อย่างไร ในเมื่อตอนนั้นแม้แต่ตัวนางเองยังเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด?”
“เซินสิ่งวิ่งตามคนที่ลอบสังหารข้าไปข้าจึงเกรงว่านางอาจจะตกอยู่ในอันตราย ทว่าเยี่ยหลีผู้ เป็นองครักษ์ขององค์รัฐทายาทก็ออกติดตามนางไปแล้ว… เจ้าไม่จําเป็นต้องมองว่าทุกคนเป็น ศัตรก็ได้นะ อย่างน้อยในตอนนี้มู่หรงป๋อก็ไม่ใช่คนเลวร้ายแต่อย่างใดจึงไม่ควรกล่าวหาเขาเช่น นั้น!”
มู่หรงหยุนเคอยังคงอารมณ์เสียนักจึงพูดว่า “หากเจ้าบาดเจ็บก็ควรพูดให้น้อยลงจะดีกว่า ข้าควรตามหมอมาดูอาการเจ้าอีกรอบดีหรือไม่?”