สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 315 เหตุแห่งความโศกา
ตอนที่ 315 เหตุแห่งความโศกา
บัดนี้หยุนเถียนเถียนอดกลั้นไว้ไม่อยู่ น้ําตาร่วงหล่นมาราวสายฝน
ตลอดเวลาที่ผ่านมานางรับรู้ได้ถึงความรอบคอบของเขา แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ลงมือทําสิ่งใดมากนัก ทว่าลึก ๆ เขาเองก็หวังจะมีชีวิตที่ดี ถึงกระนั้นนางก็เข้าใจ ด้วยเป็นคนหัวสมัยใหม่กว่าคนรุ่นเดียวกันต่อให้จะอยู่ในยุคใหม่ก็ตาม
ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายทางสายเลือดขึ้นกับนาง หากนางเป็นลูกสาวขององค์ชายอวี่หยาง หากความจริงแล้วนางเป็นองค์หญิง นางจะยังอยู่เคียงข้างหยุนเคอได้อีกหรือ?
หยุนเคอหันหน้าหนีอย่างอุ่นเคือง พาลให้มองไปทางใดก็ขวางหูขวางตาไปเสียหมด ไม่เว้นแม้แต่โต๊ะหินที่ถูกเขาทุ่มลงพื้นจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ
จิ้นเหยียนก้าวมาข้างหน้าก่อนเอ่ย “เหตุใดองค์ชายต้องทรงกริ้วเพราะสตรีคนเดียวด้วยเล่า? มีผู้คนมากมายใต้หล้าที่ต้องการแต่งงานกับท่าน เหตุใดจึงต้องยึดติดกับสตรีสามัญชนคนธรรมดาก
น?”
หยุนเคอตวัดสายตามองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา สายตาเฉียบคมนั้นทําให้จิ๋นเหยียนถึงกับหุบปาก ฉับ
“นางรู้ว่าข้าเป็นองค์ชายได้อย่างไรกัน? เจ้าปากสว่างไปบอกหรือ? ปล่อยให้เรื่องนี้หลุดออกไปเมื่อใดกัน?”
“องค์ชาย ลูกน้องของข้าผิดไปแล้ว! พวกเขาไม่ได้พบหน้าองค์หญิงมาพักใหญ่แล้ว นางจะรู้ข่าวมาจากข้าได้อย่างไร? พวกเขารู้ดีว่าต้องปิดเรื่องนี้ไว้ให้มิดชิด แต่พวกเขาก็พยายามแก้ไขสถานการณ์อยู่”
จีนเหยียนยอมรับว่าแสร้งทําที่ไม่รู้เรื่อง หากแต่ก็ไม่ได้ทําให้หยุนเคออารมณ์ดีขึ้นแม้แต่น้อย ซ้ํายังทําให้บรรยากาศยิ่งมาคขึ้น
“นางมักรู้ทันทุกทีไป ต่อให้รู้ว่าข้ามีบางอย่างปิดบังเอาไว้ นางก็ไม่น่าขอหย่ากับองค์ชายอย่างข้า ต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่! เจ้าไปหาเจ้าหน้าที่ที่ที่ว่าการอําเภอ ตรวจสอบให้ดีว่า เกิดอะไรขึ้นในสวนด้านหลังของเขากันแน่?”
คนฟังได้แต่โค่งลาอย่างไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดที่ชวนให้หยุนเคอหัวเสียออกมาอีก ก่อนรีบปลีกตัวออกมา
จิ๋นเหยียนคนนี้ขอบอกว่าการจะเข้าไปในที่ว่าการได้นั้นไม่จําเป็นต้องผ่านพิธีรีตรองให้วุ่นวาย แทนที่จะทําเช่นนั้น มิสู้บุกเข้าไปทางสวนด้านหลังที่กั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่จะเป็นการดีกว่า
ชายชุดดําปรากฏตัวเบื้องหน้าเจ้าหน้าที่ว่าการ ชวนให้อีกฝ่ายกลัวจนถอยหลังไปหลายก้าว และแทบร้องตะโกนไม่ออก
เพียงแค่เห็นตราที่ชายชุดดําเอาออกมาให้ดูเขาก็ถึงกับเข่าอ่อนทันที
“ตราประจําตัวองค์ชายรุ่ยหรือ? องค์ชายอยู่ที่ใดกัน? องค์จักรพรรดิออกคําสั่งให้ค้นหาองค์ชายไปทุกแห่งหน แล้วบัดนี้ตราประจําตัวองค์ชายจะปรากฏขึ้นที่นี่ได้อย่างไร?”
จีนเหยียนเห็นได้ชัดว่าสีหน้าของอีกฝ่ายจริงจังอย่างถึงที่สุด ไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย “นั่นเพียงเพื่อปิดบังไม่ให้ผู้คนรู้เท่านั้น อันที่จริงองค์จักรพรรดิมอบหมายให้องค์ชายไปปฏิบัติภารกิจ บัดนี้องค์ชายส่งข้ามาสืบข่าวว่าวันนี้เกิดเหตุใดขึ้นกับแม่นางหยนที่อยู่ที่สวนด้านหลังนี้?”
เจ้าหน้าที่ว่าการรู้ดีว่าย่อมเป็นเรื่องของชนชั้นสูง และไม่อาจเข้าไปข้องเกี่ยวได้
“ตอนนั้นจ้าวเมืองหลงต้องการพบแม่นางหยุน เจ้าหน้าที่จึงช่วยเหลือนนําทางให้ หากแต่สาระที่พวกเขาพูดคุยกันนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดรู้จริง ๆ ข้าขอบังอาจถามได้หรือไม่ว่าถามถึงเรื่องนี้ด้วยเหตุอันใดกัน?”
จิ้นเหยียนตอกกลับอย่างเย็นชา “หากเจ้าไม่สมควรรู้ก็จงอย่าถาม แล้วตอนนี้จ้าวเมืองหลงอยู่ที่ใดกัน? พาข้าไปเจอเขาเดี๋ยวนี้!”
เช่นนั้นแล้วเจ้าหน้าที่จะทําอย่างไรได้ แม้ว่าคนผู้นี้จะมีกริยาหยาบคายทว่าจนถึงบัดนี้ก็ไม่ได้ลงมือทําร้ายเขาแต่อย่างใด เขาจึงไม่ได้ขัดขึ้นอีกฝ่าย
ทั้งสองมาถึงจวนของจ้าวเมืองหลงในเวลาต่อมา มันเป็นเรือนนิรนามทรงโบราณพร้อมเครื่องใช้สอยอย่างดี
“จ้าวเมืองหลง!”
จ้าวเมืองหลงมั่นคิ้ว เขารู้อยู่แล้วว่าเป็นเสียงของเจ้าหน้าที่ว่าการ หากแต่อีกฝ่ายไม่เคยมาหาถึงบ้านเช่นนี้ เหตุใดวันนี้จู่ ๆ น้ําเสียงจึงดูร้อนรนเช่นนั้นกัน?
ครั้นหันไปมองก็พบจิ๋นเหยียนในชดเสื้อผ้าสะดุดตาที่เย็บปักด้วยด้ายทองอย่างประณีตเป็นลวดลายสลับซ้ําซ้อน
“หากท่านติดภารกิจอะไรอยู่ก็ไปทําเถิด ข้าจะต้อนรับแขกผู้นี้เอง”
เจ้าหน้าที่อึดอัดกับบรรยากาศอึมครึมที่แผ่ซ่านมาจากชายชุดดํามานาน จึงหวังจะหลบฉากไปให้พ้นโดยเร็ว คิดถอยหลังกลับทันทีเมื่ออีกฝ่ายได้พบจ้าวเมืองหลงแล้ว
“เจ้าเป็นองค์รักษ์มิใช่หรือ? มาทําอะไรในเมืองเล็ก ๆ นี้กันเล่า?”
ถึงจิ๋นเหยียนจะปั้นหน้ายิ้มแย้มต่อหน้าองค์ชาย ทว่าสําหรับคนนอกแล้ว เขานั้นถือเป็นคนที่สุขุมจริงจังไม่น้อย
“วันนี้ท่านบอกสิ่งใดกับแม่นางที่เจอในสวนหลังที่ว่าการไปกันแน่?”
จ้าวเมืองหลงนึกไหวตัวขึ้นมาในทันใด “ชายแก่อย่างข้าไม่รู้หรอกว่าท่านกําลังพูดถึงเรื่องใดกัน ข้าเพียงแค่เห็นว่าแม่นางคนนี้น่าสนใจจึงเข้าไปคุยด้วยไม่นานเท่านั้น แล้วท่านถามทําไมหรือ?”
จ้าวเมืองหลงที่ระวังตัวเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าในใจกลับนึกต่อว่าตัวเองที่กระทําการไม่รอบคอบ
“ท่านวางใจได้ ข้าน้อยกับแม่นางหยุนไม่ได้เป็นศัตรูกัน ตรงกันข้ามข้าน้อยกลับยกให้แม่นางหยุนเป็นนาย หากแต่นายของข้าสั่ให้มาสืบความว่าก่อนหน้านี้เกิดเหตุอะไรขึ้น ท่านจ้าวเมืองหลงได้โปรดชี้แจงมาเถิงด”
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก แค่พูดคุยเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในเมืองหลวง จะว่าไปแล้วองค์จักรพรรดิกับแม่นางหยุนจึงเอ๋อก็มีอดีตร่วมกัน พวกเขาอาจจะเคยแอบคบหากันลับ ๆ มาตลอดก็เป็นได้ ข้าเองก็ไม่แน่ใจนักว่าแม่นางหยุนคนนี้จะถือเป็นเชื้อพระวงศ์ด้วยหรือไม่”
ยามนี้เขาพอคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้แล้ว จ้าวเมืองหลงไม่คิดปิดบังอีกต่อไป ไม่แน่เขาอาจช่วยหยุนเถียนเถียนให้ตัดไฟแต่ต้นลมได้
รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นบนใบหน้าจิ๋นเหยียน ในหมู่บ้านเล็ก ๆ เช่นนี้ จะพบเรื่องเหมาะเจาะกันใน คราเดียวได้อย่างไร? เป็นไปได้ด้วยหรือ?”
จ้าวเมืองหลงไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะเชื่อหรือไม่ กลับเอ่ยต่อ “ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ข้าเองก็ไม่ใช่คนเดียวที่รู้เรื่องราวในอดีต ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายรุ่ยที่หายตัวไปนานกลับมาที่เมืองเล็ก ๆ นี้ ไม่แน่ว่าอาจมาตามหาน้องสาวที่พลัดพรากของเขาก็เป็นได้
แม้ว่าจ้าวเมืองหลงจะดูนิ่งเฉย หากแต่ด้วยสีหน้าฉายแววน่าหวาดหวั่นก็ทําให้จีนเหยียนก็ถึงกับชะงักไป
จ้าวเมืองหลงไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก ทําเพียงนั่งตกปลาอยู่เงียบ ๆ ที่ขอบสระด้วยคิดว่าตนเองได้คลายกังวลและชี้เป้าไปทางตระกูลหยุนแล้ว
จีนเหยียนคงไม่คาดคิดว่าหลังกลับออกมา จ้าวเมืองหลงจะเผยยิ้มมุมปากขึ้นมา เขาคงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดเรื่องใดอยู่ บอกได้เพียงรอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
“น่าสงสารจริง ๆ ฝ่าบาท..”
จิ้นเหยียนไม่รู้ว่าจะควรรายงานกับองค์ชายว่าอย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ว่าองค์ชายเจอภรรยาในป่า แล้วนางก็อาจเป็นน้องสาวของท่าน อย่างนั้นหรอกหรือ?
หยุนเคอรอฟังมานานกว่าอีกฝ่ายกลับไม่เอ่ยสิ่งใด เขาจึงเตะลิ่นเหยียนอย่างสุดทน
“เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
จีนเหยียนได้แต่อ้าปากพลางปัดมือไปมาอยู่นาน ก่อนสุดท้ายจะโพล่งออกไปอย่างไม่มีทางเลือก “องค์ชาย ข้าจะพูดได้อย่างไร? บรรพบุรุษของท่านนี้โชคดีจริง ๆ ท่านแอบแต่งลูกสะใภ้ทั้งที ยังไม่แคล้วโอกาสที่จะแต่งงานกับน้องสาวตัวเองด้วยอย่างไรกันเล่า”