สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 303 ค่าขอบคุณ
ตอนที่ 303 ค่าขอบคุณ
“อย่างน้อยนางก็เป็นบุตรสาวตระกูลหยางแม้ข้าจะไร้ซึ่งความสามารถและอาจเลี้ยงดูนางได้ไม่ดีแต่บุตรสาวข้าผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจไม่ใช่ของราคาถูกที่เจ้าจะดูแคลนได้!”
หยางหงกล่าวก่อนจะจากไป ทิ้งให้จินเฮ่าโกรธจนใบหน้าเปลี่ยนสี
แม้ตระกูลของตนจะมีฐานะค่อนข้างดี ด้วยมารดาเป็นแม่ม่าย ทั้งยังมีที่ดินถึงหนึ่งไร่สามเฟินและยังสามารถส่งตนเรียนจนสูงได้
แม้ตระกูลเขาดีขึ้นบ้างแล้ว แต่มารดาที่เป็นม่ายด้วยที่ดินหนึ่งไร่สามเฟินก็ยังสามารถส่งเขาเล่าเรียนจนมีการศึกษาได้!
มันไม่ง่ายเลยที่มารดาวางแผนแต่งงานให้กับเขาหากได้แต่งงานกับบุตรสาวตระกูลหยางสินสอดทองหมั้นที่ได้กลับมารวมถึงการสนับสนุนจากพ่อตาจะช่วยให้เขาผ่านการสอบเข้ารับราชการได้
ด้วยได้ยินว่าบุตรสาวตระกูลหยางนั้นเป็นเด็กสาวมีอายุ และเขาไม่ได้คาดหวังสิ่งใดมากนักแต่เมื่อคิดถึงอนาคตทําให้ต้องกัดฟันแน่นและยอมรับ
ผู้ใดกันคาดคิด ว่าเขาจะทําผิดพลาดร้ายแรงเพียงนี้ ตระกูลหยางกลายเป็นไม่เห็นชอบต่อตัวเขาอย่างรุนแรง!
แต่ตัวจินเฮ่าเองทราบดีว่าตนต้องสอบเข้ารับราชการ ดังนั้นตนจึงไม่กล้าขัดขืนหยางหงในที่
สาธารณะ
หยางหงกลับบ้านด้วยความโกรธแม้หยางเฉินจะดูเพี้ยนก็สามารถสังเกตเห็นว่าบิดาตนโกรธมากเพียงใดเขาจึงออกมาปลอบโยน แม้เพียงถ้อยค่าที่กล่าวอาจฟังไม่เข้าหูนัก
“ตาแก่ ใครทําท่านโกรธมาหรือ?”
ด้วยไม่สนใจในน้ําเสียงดูหมิ่นจากบุตรชาย หยางหงทุบโต๊ะอย่างแรง “จะมีใครนอกจากตัวบัดซบจินเฮ่า! ข้าได้ยินจากน้องสาวของเจ้าเมื่อสองสามวันก่อนว่านายน้อยจนเป็นชายปลิ้นปล้อนตอนแรกข้าเองก็ไม่เชื่อจนกระทั่งวันนี้ข้าได้ประสบกับตนเองจึงได้ทราบว่าน้องสาวเจ้ากล่าวความจริง!”
หยางเฉินเป็นพี่ชายรักน้องสาวมาก ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่พานางออกไปเที่ยวเล่นบ่อยครั้ง
“จินเฮ่าดูเป็นสุภาพบุรุษ แต่ข้าทราบดีว่านั่นเป็นเพียงการเสแสรั้ง ซึ่งนั่นทําให้ท่านพ่อเชื่อได้โดยง่ายในฐานะพี่ชายจะให้ข้าฉุดรั้งนางจากอนาคตอันสดใสหรือ?”
ขณะนึกย้อน หยางหงกลอกตาไปมาโดยไม่พูดกล่าว เหตุใดเขาไม่ทราบว่าบุตรชายตนเองมีความนึกคิดเช่นนี้กัน?
“วันนี้ต้องขอบคุณน้องสาวของเจ้าที่ทําให้ข้าตาสว่าง หากนางไม่กล่าวเตือนพ่อเกรงว่าครอบครัวของเราคงดูโง่เขลาสิ้นดี!”
“น้องหญิงค่อนข้างเจ้าอารมณ์ หากแต่งเข้าตระกูลจินจะต้องเสียใจเพียงใดกันเพื่อนางแล้วพวกเราควรช่วยนายน้อยจินต่อหรือไม่?ต่อให้ส่งตัวเขาไปเข้าสอบที่เมืองหลวงได้แต่คนเนรคุณเช่นนี้ต่อให้มันกลับมาก็มีแต่จะทําร้ายพวกเรา!”
“ไปที่บ้านตระกูลหยุนและกล่าวคําขอบคุณเถิด อย่างน้อยพวกเขาได้ช่วยเหลือครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ของน้องสาวเจ้า”
หยางเฉินพยักหน้ารับอย่างโง่เขลา “เช่นนั้นท่านก็จัดของขวัญสิ เดี๋ยวข้าจะนําพวกมันไปมอบให้กับสหายผู้มีเมตตาเพื่อขอบคุณเอง ข้าเองก็อยากเห็นว่าเด็กสาวผู้นั้นจะสะสวยจนวิญญาณออกจากร่างตามที่ได้ยินมาหรือไม่”
หยางหงพลันเตะกันบุตรชาย “เจ้าเด็กเขลา สนใจให้ถูกเรื่องได้ไหม! น้องสาวของเจ้าต้องเสียชื่อเสียงหากผู้อื่นได้ยินคําเมื่อครู่ของเจ้า เขาจะคิดกันอย่างไร!”
หยางเฉินหลบพร้อมเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย บิดาและบุตรชายส่งเสียงดังครู่หนึ่งก่อนหยางเฉินจะรีบไปพบน้องสาว
แม้ว่าหยางยู่หรงจะเป็นเด็กสาวผู้รักอิสระและเรียบง่าย บัดนี้นางนั่งกอดเข้าอยู่ในห้องด้วยความไม่สบายใจรอคอยบิดาของตนเข้ามาแจ้งข่าวที่ส่งผลถึงโชคชะตาของตน
บิดาของนางกลับไม่ปล่อยให้รอนาน ตอนนี้กลับมาพร้อมพี่ชายจอมเพี้ยน
หยางเฉินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มขณะกล่าว “เหตุใดน้องพี่จึงต้องกังวลเรื่องงานแต่งถึงเพียงนี้ด้วยเล่า?แต่เจ้าไม่จําเป็นต้องกังวลแล้ว จินเฮ่านั้นเป็นคนไม่ดีและท่านพ่อเองได้ตอบปฏิเสธไปแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น หยางยู่หรงกระโดดตัวลอยด้วยความตกใจ “จริงหรือ? นั้นมันวิเศษ!ข้าทราบดีว่าแม่นางหยุนจะไม่โกหกข้า!นางกล่าวว่าจินเฮ่าเป็นคนไม่ดีแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง!”
“ข้ามีอายุมากแล้ว คงไม่อาจอยู่บ้านหลังนี้ได้จนถึงบั้นปลาย พี่ชาย ข้าจะพาท่านไปรับชมสตรีผู้งดงามที่สุดในโลกและจะให้นางช่วยเลือกสามีที่เหมาะสมให้”
หยางเฉินรู้สึกผ่อนคลายลง “รอประเดี๋ยว ท่านพ่อกล่าวจะให้นาของขวัญติดมือไปด้วยเพื่อขอบคุณที่ช่วยเจ้าให้รอดจากการใช้ชีวิตเยี่ยงตายทั้งเป็น
หยางยู่หรงไม่สนใจสิ่งใดมากนัก นางกล่าวให้สาวใช้ช่วยจัดเตรียมรถม้า สองพี่น้องมาถึงหน้าลานบ้านของหยุนเถียนเถียนในตอนเที่ยงวัน
แม่ไม่ได้ออกไปไหน หยุนเสียนเถียนยังคงงดงามหาที่เปรียบมิได้ อย่างไรเสีย ผู้ที่เข้าออกประตูบ้านของนางได้เช่นนี้จะต้องเป็นคนคุ้นเคยอย่างแน่นอน
เพราะนางได้ยินเสียงเคาะพร้อมเปิดประตูรั้วเข้ามา
หยางยู่หรงโผล่พรวดเข้ามาอย่างคึกคัก ขณะที่หยางเฉินซึ่งตามหลัง ตอนนี้กลายเป็นทํากองผ้าในมือร่วงหล่นกับพื้นไปแล้ว
หยางยู่หรงไม่แปลกใจในท่าทีของพี่ชายตน นางเขย่ามือพี่ชายและกล่าวเสียงดัง “พี่ชายข้ากล่าวไม่ผิดใช่ไหม แม่นางหยุนนั้นงดงามที่สุดในโลก!”
หยุนเสียนเถียนได้ถูกยกยอต่อหน้าชายแปลกหน้า นางเขินอายจนใบหน้าร้อนผ่าวและกล่าว“เด็กน้อย อย่าได้โพนทะนาไปทั่ว! ในเมื่อนําพี่ชายมาด้วยเช่นนั้นเข้าไปนั่งด้านในแล้วค่อยพูดคุย”
หยางเฉินเพิ่งได้สติและรู้สึกไม่เป็นตัวเอง ด้วยสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเก็บสิ่งของที่วางบนพื้นและเดินตามเข้าไปในลานบ้าน
ทั้งสามนั่งล้อมรอบโต๊ะ
หยางเฉินกล่าวอย่างสุภาพ “ข้ามาที่นี่เพื่อกล่าวขอบคุณสตรีผู้ช่วยเหลือน้องสาวจากสัตว์ร้ายสวมหนังมนุษย์”
หยุนเถียนเถียนยิ้มเบาบาง ทําให้ดวงตาของหยางเฉินพร่ามัว
“ฝหรงเป็นดั่งน้องสาวข้า จะให้ข้าทนดูนางทุกข์ทนในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ได้อย่างไร”
ในอดีตหยางเฉินเคยอยู่ท่ามกลางสาวงามมากมาย แต่กลับไม่เคยเขินอายต่อหน้าสตรีคนใดเฉกเช่นแม่นางตรงหน้า ขณะที่นางเผยรอยยิ้มเบาบางนั้น กลับทําให้เขาหน้าแดงก่ำ
“ข้ารู้จักเด็กน้อยผู้นี้ดี นางมักกล่าวว่าตนเองไม่ได้งดงามเช่นแม่นางหยุน ที่มาวันนี้ก็เพื่อกล่าวขอบคุณที่แม่นางหยุนพบเห็นคุณค่าในตัวนางถึงเพียงนี้”
หยางยู่หรงนึกไม่พอใจ พี่ชายนางกล่าวเหมือนตนเองไม่มีใดดี ตอนนี้จึงเร่งรีบแก้ไขความเข้าใจผิด “ต่อให้เป็นการพบกันครั้งแรก ข้าก็ยังชอบแม่นางหยุนที่งดงาม แต่หลังจากอยู่ด้วยกันมานานจะให้ข้ามองคนแค่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้กระมัง?”
“น้องหญิงไม่ต้องกลัว แม่เจ้าเสียโฉม พี่หญิงผู้นี้ก็ยังชอบเจ้ามากอยู่ดี!”
หยุนเถียนเถียนเผยยิ้มอับจน “เด็กน้อยผู้นี้ไม่ได้หมายความเช่นนั้น หากใบหน้าข้าเสียโฉม ไม่เพียงแต่ข้าไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ยินดี”
หยางยู่หรงเผยคําไม่ยินดีเสียงเบา “ก็แหงอยู่แล้ว”