สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 273 กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง
ตอนที่ 273 กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง
ถึงเขาเกลียดนางแต่จะทําสิ่งใดได้? หยุนเถียนเถียนมองสายตาเกลียดชังที่เฉินซึ่งส่งมา โดยไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อยและยังยิ้มเย้ยหยันเสียด้วย!
ไม่นานนัก จางชิวไจ่ได้เข้ามาพร้อมบุตรชายของเขา เพราะนี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก ผู้ที่มาเชิญพวกเขาจึงแอบบอกเรื่องราวทั้งหมด มีเพียงผู้ที่มามุงดูเหตุการณ์เท่านั้นที่ไม่รู้ความจริงของเรื่องนี้
สองพ่อลูกมาถึงที่ลานบ้านและมองเฉินไฉ่อีด้วยสายตารังเกียจ แม้ว่าหญิงสาวผู้นี้ยังคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างน่าอนาถ แต่ไม่มีผู้ใดสงสารนาง
จางชิวไฉ่เป็นผู้ที่มีเหตุผลมากที่สุดผู้หนึ่ง เพราะได้เรียนหนังสือและเดินทางแสวงหาความรู้มาแรมปี เขาเห็นโลกมามากมาย เมื่อมาถึงที่นี่เขาได้กวาดสายตามองไปทั่วและจ้องมองไปยังเฉินไป
นี่คือหัวหน้าหมู่บ้านเทพธิดา ย่อมไม่ผิดหากจะเค้นความจริงจากเขา!
เฉินไปสังเกตเห็นสายตาของนายท่านชิวไฉ่จ้องมาที่เขา เขารีบเข้าไปบอกความจริงเกี่ยวกับคําสารภาพของเฉินไฉ่อีทันที!
จางชิวไฉ่หันกลับไปมองบุตรชายของเขา แม้ว่าบุตรชายไม่สนใจลูกสะใภ้ผู้นี้แล้ว แต่ในนามยัง คงเป็นสามีภรรยากัน เขาจึงทําได้เพียงอดทนเพื่อบุตรชายของเขา
จางชิงเฟิงไม่ได้โต้ตอบสิ่งใด เขาเพียงแค่ยิ้มเยาะและจ้องไปยังทั้งสอง จางชิงเฟิงมีรูปร่างสูงโปร่ง แม้จะผอมบาง แต่ท่าทางของเขาราวกับต้นไผ่ตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้าทําให้ดูน่าเชื่อถือ แต่เป็นเพราะเขาชอบเฉินไฉ่อี จึงมักทําท่าทางอ่อนโยนและไร้เดียงสาอยู่เสมอ
เทียบกันแล้ว หลินหูที่คุกเข่าอยู่บนพื้นดูช่างดูต่ําต้อยเหลือเกิน!
“เฉินไฉ่อี ดูเจ้าสิ ช่างอนาถเสียจริง! ข้ากําลังตามหาใครสักคนไปเป็นเบาะรองนั่งให้กับคุณชายหลี่พอดี หลังจากที่ข้าเปิดโปงเจ้า ข้าจะให้ท่านพ่อของเจ้าใช้โอกาสนี้ไถ่โทษเรื่องที่วางยา ในสุราของข้า และใส่ร้ายว่าข้าบุกเข้าไปในห้อง เพื่อพลากความบริสุทธิ์ของเจ้า ทําให้ข้าต้องแต่งงานกับเจ้า”
“หลังจากเราแต่งงานกัน ข้ามอบที่พัก จัดหาเสื้อผ้าและของกินของใช้ให้ไม่เคยขาด ข้าไม่เคยปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เป็นธรรมสักครั้ง! ข้าให้เจ้าอยู่ที่บ้านคอยปรนนิบัติรับใช้ท่านพ่อของข้าระหว่างที่ศึกษาหาความรู้ แต่ดูสิ่งที่เจ้าตอบแทนข้าสิ? เจ้ากลับแอบมีความสัมพันธ์ลับกับชายอื่น และสวมเขาให้กับข้า!”
“แต่ข้ารู้ความจริงแล้ว ว่าเหตุใดความสัมพันธ์ของเราถึงแย่ลงเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้าไม่เคยสนใจข้ามาตั้งแต่ต้นหรอกหรือ? เอาแต่พร่ําบ่นว่าข้าเป็นเพียงหนอนหนังสือ! กลับยอมรับคนน่ารังเกียจอย่างหลินหูที่มักเตร็ดเตร่ทําตัวเจ้าสําราญไปทั่วหอนางโลมกับเหล่านายน้อยที่ร่ํารวยทั้งหลาย ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!”
ท่าที่จางซึ่งเพิ่งเปลี่ยนจากความลุ่มหลงเป็นท่าที่เย็นชาและไร้ความปราณีเหมือนกับหลี่ซื่อฮวาที่มักดูถูกเฉินไฉ่อี
จางชิวไฉ่คิดอยู่ชั่วครู่ เขาไม่อยากดุด่าว่ากล่าวลูกสะไภ้คนนี้ แต่เพราะนางฝ่าฝืนข้อห้ามมากมายเขาจึงต้องสอดมือเข้ามา
“แม้เจ้าจะดูถูกชิงเฟิงแต่ข้ายังอนุญาตให้เขา แต่งงานกับเจ้า ให้เขารับผิดต่อชื่อเสียงของเจ้า แต่เจ้าไม่คิดให้ค่าครอบครัวเราแม้แต่น้อย ตระกูลบัณฑิตของข้าไม่มีที่ว่างให้กับหญิงร่านไม่รู้จักอับอายเช่นเจ้า! ชิงเฟิง เขียนจดหมายหย่าร้างกับนางเสีย! อย่างน้อยสามีภรรยาได้ร่วมมือกันเช่นนี้ นับว่าเป็นความสําเร็จของนางแล้ว!”
แม้เฉินไฉ่อีจะรังเกียจจางชิงเฟิงเพียงใด แต่ตอนนี้นางคุกเข่าลงกับพื้นและมองไปยังจางชิงเฟิงที่ตั้งใจหย่าร้างกับนาง ในที่สุดความอดทนก็ขาดสะบั้น!
“เหตุใดท่านถึงกล่าวว่าไม่เคยทําสิ่งใดเลวร้ายกับข้า? มีเพียงท่านที่คอยกีดกันข้ากับสามีอยู่ตลอดเวลา! ท่านส่งบุตรชายของท่านไปเรียนหนังสือ แต่กลับไม่ยอมส่งข้าไปด้วย ที่เจ็บใจกว่า เมื่อเขากลับมา ท่านก็ส่งข้ากลับไปที่บ้านของข้า! ท่านจงใจทําเช่นเพื่อให้ข้าโดดเดี่ยวเดียวดาย หรือเพราะเขามีโรคภัยไข้เจ็บอันใดซ่อนอยู่!”
ใบหน้าของจางชิวไฉ่ซีดเซียว จางชิงเฟิงรีบเข้าไปปลอบใจพ่อของเขาและกล่าวว่า “เหตุผลที่ไม่ให้เจ้าตามข้ามาที่สํานักเพราะที่นั่นไม่สะดวกสบาย และพ่อของข้าไม่เคยคิดกีดกันเจ้า ตรงข้ามกัน เมื่อถึงวันหยุด เขาต้องการให้ข้าพาเจ้ากลับไปหาแม่ของเจ้า พอนึกขึ้นได้ว่าเจ้าทําสิ่งใดกับข้าไว้บ้าง ข้าก็อดกลั้นใจเอาไว้ และไม่คิดกลับไปกับเจ้า”
“หากพวกข้าไม่คิดสนใจเจ้า เราจะเตรียมของ ขวัญกลับบ้านไว้ให้เจ้าเพื่ออะไร? เหตุใดต้องดูถูกข้าเช่นนี้? เฉินไฉ่อี โลกนี้ไม่ได้หมุนรอบตัวเจ้า หลังจากที่เราแต่งงานกัน เจ้าไม่แม้แต่จะชายตามองข้าเลย เหตุใดข้าถึงต้องให้อภัยเจ้า?”
เฉินไฉ่อีร้องไห้ แม้ว่าจางชิงเฟิงจะรู้ว่านางรังเกียจเขา แต่หลังจากแต่งงานกัน จางชิงเฟิงก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดีมาตลอด
เขาเก็บกดความรู้สึกไว้ในใจเรื่อยมา ในคืนวันแต่งงาน ก่อนที่จางชิงเฟิงจะเข้าพิธี นางขอให้เด็กหญิงคนหนึ่งไปบอกจางชิงเฟิงว่านางจะไม่ยอมหลับนอนกับเขาจนกว่าจะสอบเข้าราชสํานักได้
จางชิงเฟิงเต็มใจยอมก้มหัวเพื่อเอาใจนาง จางชิงเฟิงกัดฟันทนและเล่าเรียนอย่างเต็มที่ตามคําขอ
แต่เพราะเรื่องนี้ เขาจึงโกรธนางมาก เมื่อสามวันก่อนงานแต่งงาน นางไม่แยแสจางชิงเฟิงสักนิด แม้นั่นจะเป็นการไม่เคารพพ่อตาของนางก็ตาม และหลังจากแต่งงานมาหลายวันเขาไม่ได้รับแม้เพียงรอยยิ้มจากภรรยาของเขา ความอดทนของจางชิงเฟิงก็หมดลง ไม่เพียงแต่เขาไม่คิดจะขอคืนดี เขายังเดินทางไปที่สํานักเพียงคนเดียวและทิ้งภรรยาของเขาไว้ที่บ้านเพียงลําพัง!
เมื่อถึงช่วงวันหยุดของสํานัก จางชิวไฉ่ก็ตัดสินใจได้ อย่างไรเสียพวกเขาก็แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝากันแล้ว จึงได้ส่งบุตรชายไปทําพิธีส่งตัวกลับบ้านพร้อมกับภรรยาของเขา
จางชิงเฟิงกลั้นใจเตรียมของขวัญกลับบ้านไว้ แต่ไม่คิดจะมาส่งตัวนางด้วยตนเอง เฉินไฉ่อีจึงเข้าใจในทันทีว่าจางชิงเฟิงคงจดจําสิ่งที่นางทําไว้ได้เสมอ จางชิงเฟิงรับรู้ทุกการกระทําของนาง เพียงแต่เลือกที่จะปล่อยมันไป เขายินดีเตรียมของขวัญกลับบ้านเพื่อนาง และพร้อมที่จะใช้ชีวิต ที่ดีร่วมกัน
ในบ้านของเฉินไปมีสิ่งล้ําค่าทั้งสี*ในห้องหนังสืออยู่ จางชิวไฉจึงขอยืมออกมาใช้เป็นการชั่วคราว
* สิ่งล้ําค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือ คือชุดอุปกรณ์ สําคัญในห้องหนังสือของจีน ประกอบด้วยสิ่งของสี่อย่าง ได้แก่ พู่กัน หมึก กระดาษ และจานฝนหมึก
จางชิงเฟิงเขียนจดหมายหย่าด้วยสีหน้าเย็นชาจนเสร็จสิ้น เพราะจางชิวไฉ่สั่งสอนมาดี จางชิงเฟิงไม่ได้เขียนคําพูดให้ร้ายเฉินไฉ่อีแม้แต่คําเดียว เพียงไม่กี่คําพูดชายหญิงคู่นี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป จางชิงเฟิงได้กระทําสิ่งนี้อย่างยุติธรรมแต่เฉินไฉ่ยี่ยังคงจ้องมองจางชิงเฟิงด้วยแววตาไม่คิดสํานึก
นี่ทําให้จางชิงเฟิงไม่อยากพูดอะไรอีก เมื่อเห็นว่านางไม่ยอมรับการหย่าร้าง เขาจึงยื่นจดหมายให้กับเฉินซึ่งแทน