สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา - ตอนที่ 396 หาใครสักคนมาแต่งงานด้วย
พ่อมู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของมู่เฉาเกอ
“ แต่ในเวลานี้ใครจะร่วมมือกับเรา?”
เขาเข้าใจดีว่าลูกสาวของเขาหมายถึงอะไร แต่ธุรกิจตระกูลเติบโตในปักกิ่งมานานแล้วหากไม่มีความแน่นอนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนจะยอมเสี่ยงเพื่อช่วยพวกเขา
มู่เฉาเกอเข้าใจความหมายของบิดาและเม้มริมฝีปาก “เป็นไปไม่ได้สำหรับคนนอก แต่ถ้าใช้การแต่งงานล่ะ?”
พ่อตกใจ”เฉาเกอ ลูก … ”
ไม่รอให้พ่อพูดจบมู่เฉาเกอก็ขัดจังหวะขึ้น “พ่อ ฉันรู้ว่าพ่อจะพูดอะไร ฉันอยากแต่งงานกับเฟิงจิงเหยาในตอนแรก นอกจากที่ฉันชอบเขาแล้ว เขาเป็นคนเดียวในปักกิ่งที่คู่ควรกับฉัน และรู้สึกว่าตระกูลเฟิงสามารถทำให้ตระกูลมู่ของเราดีขึ้น เลยเลือกเขา”
หลังจากที่เธอพูดจบเธอก็หายใจเข้าลึกๆ และพูดต่อ “แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ สำหรับฉันและเขาพวกเรากลายเป็นศัตรูกันแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะลากเอาตระกูลมู่ทั้งหมดไปยุ่ง ฉันมีความสุขบนเกียรติยศของตระกูลมู่มาเยอะแล้ว ก็สามารถเสียสละเพื่อตระกูลมู่ได้เช่นกัน”
หลังจากได้ฟังข้อความนี้พ่อมู่เฉาเกอรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก
“ลูกคิดแบบนี้ พ่อก็ปลื้มใจ แต่ว่าพ่อไม่ยอมให้ลูกแต่งกับใครก็ได้หรอกนะ”
มู่เฉาเกอพยักหน้า “แน่นอน ฉันมีรายชื่ออยู่สองสามคน พ่อลองดูว่าเป็นยังไง”
เธอพูดคุยเกี่ยวกับครอบครัวหลายๆครอบครัวแม้ว่าภูมิหลังของครอบครัวจะไม่ดีเท่ากับตระกูลเฟิง แต่ถ้าทั้งสองจะร่วมมือกันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการกับตระกูลเฟิง
พ่อครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและกล่าวว่า“หาโอกาสที่จะติดต่อคนเหล่านี้ดู ถ้ามีที่เหมาะสม พ่อจะไม่คัดค้าน”
มู่เฉาเกอพยักหน้าแล้วออกจากการห้องหนังสือไป
ในเวลาเดียวกัน ณ เฟิงซื่อกรุ๊ป
เฟิงจิ่งเหยาเรียกชวี่ยี่เพื่อถามว่า “ช่วงนี้มีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านตระมูลมู่หรือไม่?”
ชวี่ยี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและส่ายหัว “ไม่มีครับ คนของเราที่กำลังจับตาดูอยู่เขาบอกว่าสองวันที่ผ่านมาคนตระกูลมู่นิ่งมาก พวกเขาถ้าไม่ไปที่บริษัทก็กลับบ้าน และน้อยมากที่พบปะสังสรรค์ข้างนอก”
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้วหลังจากฟัง
ไม่รู้สึกถูกต้อง แม้แต่งานสังสรรค์ก็น้อยงั้นหรอ
“ให้คนตามดูต่อ โดยเฉพาะมู่เฉาเกอ ดูว่าเธอเข้าใกล้ใครบ้างในช่วงนี้”
นึกถึงการติดต่อของมู่เฉาเกอกับเย่าซือที่แค่ใกล้เพียงใต้จมูกของเขาก่อนหน้านี้ เขาจึงกำชับอย่างไม่วางใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ที่ครอบครัวมู่ถูกเขาข่มเหงอย่างรุนแรง มันเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถเงียบได้
ในขณะที่เขาคาดเดาไป ครอบครัวของมู่ทำเหมือนไม่ได้รับผลกระทบใดๆและเริ่มเข้าร่วมงานเลี้ยงตามปกติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมู่เฉาเกอ เธอไม่ปฏิเสธการเข้าหาคนอื่นๆเหมือนแต่ก่อน และยิ่งพูดคุยกับพวกเขาอย่างมีความสุข ราวกับมีผีเสื้อบินอยู่ท่ามกลางชายกลุ่มนั้น
เมื่อชวี่ยี่ได้ข่าวนี้ เขารีบรายงานเฟิงจิ่งเหยาทันที
“ท่านประธานครับ ทุกวันนี้คนของเราพบว่ามู่เฉาเกอมักจะไปร่วมงานเลี้ยง และบางครั้งเขาก็ออกไปเที่ยวเล่นกับหนุ่มๆอีกด้วย”
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้ว แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบ เขาก็เดาได้ว่าตระกูลมู่คิดอะไรอยู่
“คุณช่วยหาแล้วส่งรายงานอย่างละเอียดเกี่ยวกับพวกผู้ชายที่เธอติดต่อไม่ว่าจะเป็นประวัติตัวบุคคลหรือภูมิหลังของครอบครัวและส่งไปที่ห้องทำงานของฉันในเช้าวันพรุ่งนี้”
ชวี่ยี่รับคำสั่งและวางสายไปทำทันที
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เฟิงจิ่งเหยาก็เดินกลับไปที่ร้านอาหาร
กู้ฉางฉิงเห็นว่าใบหน้าของเขาผิดปกติ อดไม่ได้ที่จะสนใจ “มีอะไรเหรอ?”
“เหมือนว่าช่วงนี้ตระกูลจะเริ่มเคลื่อนไหวแล้วล่ะ”
กู้ฉางฉิงได้ยินดังนั้น สายตาเต็มไปด้วยความกังวล
“มันจะส่งผลกระทบต่อเราเยอะหรือเปล่า?”
เฟิงจิ่งเหยาส่ายหัว “ฉันไม่แน่ใจ แต่ฉันแน่ใจว่าพวกเขาพยายามวางแผนร่วมมือทางการแต่งงานมาทำลายเรา”
กู้ฉางฉิงตะลึง
การแต่งงานเพื่อผลประโยชน์?
ดูเหมือนว่าความมุ่งมั่นของตระกูลมู่ที่จะแข่งขันกับพวกเขานั้นสูงมาก
ในความเป็นจริงมันเป็นอย่างนั้น
มู่เฉาเกอต้องการให้เฟิงจิงเหยาเสียใจ ช่วงนี้เธอเลยอาศัยความรู้สึกนี้ฝืนทำสิ่งที่เธอไม่ชอบ
และหลังจากติดต่อกันหลายวัน ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจแต่งงานกับคุณชายตระกูลเฉินที่ใหญ่อีกตระกูลหนึ่งในปักกิ่ง เฉินยู่ชิง
ในวันนี้ทั้งสองพบกันที่ร้านกาแฟด้านนอก
เฉินยู่ชิงอยู่ในชุดสบายๆ ด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขาก็เป็นชายหนุ่มรูปงามที่หายากเช่นกัน แต่เขาก็ยังไม่ดีเท่าเฟิงจิ่งเหยา
“คุณมู่นัดฉันมาวันนี้ คงจะไม่ใช่เพื่อมาดื่มกาแฟอย่างเดียวหรอกนะ?”
เขาเอนหลังพิงโซฟาอย่างสบายๆ จ้องมองมู่เฉาเกอด้วยรอยยิ้ม
มู่เฉาเกอคนกาแฟตรงหน้าเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ “คุณชายเฉินพูดถูกค่ะ ที่จริงฉันขอให้คุณออกมาวันนี้เพราะฉันมีโครงการที่อยากร่วมมือกับคุณชายเฉิน”
เฉินยู่ชิงเลิกคิ้วและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่คุณมู่พูด ถ้าคุณร่วมมือกับฉัน ไม่ใช่ว่าร่วมมือกับตระกูลเฉินหรอกหรอ?”
มู่เฉาเกอเหลือบมองไปที่เฉินยู่ชิงและไม่มองข้ามแววตาที่แวบเข้ามาของเขา
“คุณเฉินอยู่กับฉันไม่จำเป็นต้องแกล้งไม่รู้หรอกค่ะ สถานการณ์ของพวกเราตระกูลมู่เป็นยังไง แน่นอนว่าคุณเฉินรู้ดี ฉันก็รู้ด้วยว่าสถานการณ์ของคุณเฉินในตระกูลเฉินเป็นยังไง ถ้าหากเราร่วมกัน พวกเราตระกูลมู่สามารถสนับสนุนคุณเฉินได้ และช่วยในการสืบทอดมรดกในอนาคตของคุณเฉินด้วยนะคะ”
เมื่อพูดจบ ใบหน้าทีเล่นของเฉินยู่ชิงก็กลายเป็นจริงจัง
เขาจ้องมองไปที่มู่เฉาเกออย่าง ก่อนที่จะกลับมามีรอยยิ้มหลังจากผ่านไปนาน“ คุณมู่ฉลาดเหมือนที่ได้ยินมาจริงๆ”
มู่เฉาเกอยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เพราะเธอได้ยินคำพูดที่ผ่อนคลายมากขึ้นของเฉินยู่ชิง
“คุณชายเฉินชมเกินไปแล้ว”
เฉินยู่ชิงไม่ได้ตอบอะไรต่อ แต่กลับถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “พูดเถอะ คุณอยากจะร่วมมืออย่างไร”
เมื่อได้ยินเช่นนี้มู่เฉาเกอก็จ้องไปที่เฉินยู่ชิงและพูดว่า “ฉันต้องการให้คุณเฉินหมั้นกับฉัน”
เฉินยู่ชิงตกตะลึงและมองไปที่มู่เฉาเกออย่างสนใจทันที
“ฉันจำได้ว่าคุณชอบคนตระกูลเฟิงนี่?”
มู่เฉาเกอไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ยอมรับ
“ต่อครอบครัว ก็สามารถละทิ้งความรู้สึกความรักได้ทั้งหมด”
ทันใดนั้นเฉินยู่ชิงก็เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไรและแอบประหลาดใจในความคิดของมู่เฉาเกอ
ถ้าเป็นผู้ชายคนนี้ เขาจะสามารถพาตระกูลมู่ขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ในปักกิ่งได้อย่างแน่นอน และตอนนี้ก็ขาดอีกไม่มากแล้ว
ทั้งสองทำงานร่วมกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ก็ถือว่าดีต่อเขาไม่น้อย
ดังนั้นในช่วงบ่าย ข่าวเกี่ยวกับการแต่งงานของทั้งสองจึงเริ่มออกอากาศเผยแพร่
#การแตกแยกของตระกูลมู่ตระกูลเฟิง ที่คุณมู่เลือกแต่งงานเป็นการแก้แค้นหรือไม่?#
#ตระกูลมู่กู้วิกฤต หรือว่าจะเกิดการตอบโต้ขึ้น?#
ชาวเน็ตจำนวนมากให้ความสนใจกับข่าวพวกนี้บนอินเทอร์เน็ตอย่างมาก
พวกเขายังอยากรู้ว่าใครชนะและใครแพ้ในการต่อสู้ทางธุรกิจครั้งนี้
เฟิงจิ่งเหยาได้รับข่าวจากชวี่ยี่และหรี่ตาลงอย่างเคร่งเครียด
“ดูเหมือนว่าการคาดเดาของฉันจะไม่ผิด และตระกูลมู่ได้ขอความช่วยเหลือจากคนภายนอกจริงๆ”
ชวี่ยี่ฟังแล้วก็กังวลเล็กน้อย“ ตระกูลมู่จะตอบโต้แน่ ๆ ท่านประธาน เราควรเร่งกดดันอีกหรือไม่?”
เฟิงจิงเหยาเม้มริมฝีปากด้วยความคิด
เขาพอรู้เกี่ยวกับตระกูลเฉินเล็กน้อยและเฉินยู่ชิงในฐานะคุณชายของตระกูลเฉิน กลับไม่ใช่ผู้สืบทอดตระกูลเฉินหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
ไม่สามารถตัดออกได้ว่าการแต่งงานของเขากับมู่เฉาเกอคือเพื่อกำจัดพวกเขา และกลายเป็นทายาทผู้สืบทอดคนต่อไปที่แท้จริงของตระกูลเฉิน