ศพ - ตอนที่ 351 เสียงวิดิโอคอล
ตอนที่ 351 เสียงวิดิโอคอล
หมอบบนคานมามานาน จนรู้สึกปวดหลัง แถมยังโดนลมหนาวจนหายใจไม่ค่อยออก
ตอนนี้เป้าหมายหลักปรากฎตัวแล้ว ผมเองก็จะได้ยืดเส้นยืดสายสักที
ส่วนเจ้าตุ๊กตาสามตัวนั้น ไม่สังเกตเห็นพวกเราเลยสักนิด
ในเวลานี้กําลังล้อมรอบกระเป๋าสองใบ หัวเราะ “คิคิคิ” ไม่หยุด
เสียงหัวเราะพวกนั้นไม่น่าฟังแล้วไม่น่าฟังอีก โดยเฉพาะในวัดร้างที่ทรุดโทรมแบบนี้ ยิ่งฟังดูน่าขนลุกเข้าไปใหญ่
หลังจากเห็นสัญญาณมือของฉุ่ยเฉิงจิง ผมก็พยักหน้ารับทันที
ถึงฉุ่ยเฉิงจึงจะดูอายุน้อย แต่เธอก็เหมือนหยางเฉ่ว แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์
ตอนนี้เธอดูสงบเยือกเย็น ดูท่าจะไม่กลัวหรือเครียดเลยสักนิด
เธอส่งสายตามาให้ผม หลังจากนั้นก็ค่อยๆดึงดาบไม้ออกมา
เราวางแผนอีกเดี๋ยวจะโจมตีจากบนลงล่าง ถ้าเป็นไปอย่างราบรื่น เราจะกําจัดได้คนละตัว
หลังจากนั้นเราสองคนก็จะร่วมมือกัน จัดการตัวสุดท้าย กําจัดปัญหาให้สิ้นซาก
ผมกําลังคิดในใจแบบนี้ และฉุ่ยเฉิงจิงกับผมต่างเตรียมตัวพร้อมแล้ว เราต่างเล็งเป้าหมายของตัวเอง
ในเวลาเดียวกัน ฉุ่ยเฉิงจิงก็เริ่มนับแล้ว
“สาม สอง……”
ในขณะที่ฉุ่ยเฉิงจึงนับมาถึงเลขสอง พวกเราสองคนก็กํามือแน่น
มองตุ๊กตาผีที่กําลังหัวเราะอยู่ข้างล่าง พร้อมกระโดดลงไปโจมตีได้ทันที
ทุกอย่างราบรื่นมาก หรือแม้แต่จินตนาการได้ว่าวินาทีถัดไปเราก็ฆ่าตุ๊กตาผีสองตัวได้แล้ว
แต่ ในช่วงเส้นยาแดงนั้น ฉุ่ยเฉิงจึงกําลังนับถึงเลขสุดท้าย พวกเราก็จะลงมือทันที
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆโทรศัพท์ของฉุ่ยเฉิงจิงก็ดังขึ้น
“ติงติงติง…”
จู่ๆก็ได้ยินเสียงนี้ ผมและฉุ่ยเฉิงจิงเลยหน้าเปลี่ยนสีทันที ในช่วงเวลาสําคัญแบบนี้ โทรศัพท์ดันดังเนี่ยนะ
และเจ้าเสียงนี้ ยังเป็นเสียงวิดิโอคอลด้วย
ดึกดื่นป่านนี้แล้ว คนบ้าที่ไหนมันยังว่างจนโทรมาอีกวะ เอ๊ะคงไม่ใช่แฟนฉุ่ยเฉิงจิงหรอกมั้ง
ผมอารมณ์เสียสุดๆ แต่จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา แถมยังทําให้ตุ๊กตาผีพวกนั้นตกใจ
เจ้าตุ๊กตาผีสามตัวนั้นก็ทําตัวแข็งที่อ และเงยหน้ามองมาบนหัว
บังเอิญสุดๆ เพราะพวกมันดันเงยมาสบตากับผมและฉุ่ยเฉิงจิงที่อยู่บนคานพอดี
ขณะมองผีเด็กหน้าขาว ดวงตาไร้นัยน์ ปากเขียวอมฟ้า ผมก็รู้ทันทีว่าแผนของเราล้มแล้ว
ตอนนี้จะลังเลไม่ได้แล้ว ต้องใช้โอกาสตอนที่ศัตรูยังไม่ตอบสนองอะไร รีบลงมือไม่ให้พวกมัน ได้ทันตั้งตัว
ด้วยเหตุนี้ ผมก็พลิกตัวลงไป พร้อมตะโกนว่า “ลงมือ !”
ขณะพูด ดาบเหรียญในมือของผมก็แทงไปที่เป้าหมาย
จู่ๆฉุ่ยเฉิงจิงก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเธอเลยค่อนข้างสับสน ตอนนี้เลยไม่ได้สติกลับมาตั้งแต่วินาทีแรก
และหลังจากผมตะโกนออกมาไปแล้ว เธอถึงเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่ได้รีบลงมืออย่างรู่วาม
เพราะโทรศัพท์ดัง ทําให้ตุ๊กตาผีที่อยู่ข้างล่าง เห็นตัวเราก่อนที่มันควรจะเป็น
ถึงผมจะรีบลงมือ แต่สุดท้ายก็ช้าไปครึ่งก้าว
ในขณะที่ดาบในมือผมกําลังแทงไปที่ตุ๊กตาผีตัวหนึ่ง เจ้าตุ๊กตาตัวนั้นก็รีบม้วนตัวไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว หลบการโจมตีจุดสําคัญไปได้
ดาบของผมฟันเข้าที่ไหล่ของตุ๊กตาผีตัวนั้น ผมทําได้แค่ทําร้ายมันแค่ผิวเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต
จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องฆ่ามันเลย
ส่วนฉุ่ยเฉิงจิงที่ช้ากว่าผม เธอไม่ได้สร้างผลงานอะไร
ดาบของเธอ ฟันเข้ากับความว่างเปล่า หรือแม้แต่ไม่โดนผิวอีกฝ่ายเลยสักนิด
ตุ๊กตาผีสามตัวนั้นคําราม “โฮก” ออกมาแล้ว รีบถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว เท้ามือติดพื้นคลานออกไปตรงๆ
ท่าทางแบบนั้นเหมือนผีทารกในตอนนั้นไม่มีผิด หมอบเหมือนคางคก
แต่ปากกลับไม่ได้เปิด หรือพูดมากเหมือนผีทารก
“สมควรตาย !” ผมอดตะคอกออกมาไม่ได้ ในเวลาเดียวกันผมก็ลุกขึ้น
ฉุ่ยเฉิงจิงก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว มองตุ๊กตาผีสามตัวนั้น แล้วพูดด้วยน้ําเสียงขอโทษ “โทษที เมื่อกี้ลืมปิดโทรศัพท์ !”
เธอพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์ออกมาดูด้วย
ส่วนโทรศัพท์เครื่องนั้น ก็ดัง “ติงติงติง” ไม่หยุด มีคนวิดิโอคอลมาไม่หยุด
ผมยืนอยู่ข้างๆฉุ่ยเฉิงจิง เลยเหล่มองมันแวบหนึ่ง
ทันใดนั้นเองผมก็พบว่าเป็นแชทของเจ้าอาจารย์สามคนนั้น “ฝังรักไว้ที่เสี่ยวเฉิวเฉว”
“ดูเหมือนอาจารย์สามของเธอเพิ่งกดฟังข้อความของเธอนะ !” ผมใช้น้ําเสียงหยอกล้อ
ฉุ่ยเฉิงจึงค่อนข้างลําบากใจ พวกเราซ่อนมานานขนาดนี้ ตากลมหนาวอยู่ข้างบนตั้งหลายรอบ แต่สุดท้ายแผนก็ล้มไม่เป็นท่า
เธอค่อนข้างรู้สึกผิด รีบปิดโทรศัพท์ทันที ในเวลาเดียวกันก็พูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้ได้แต่ลุยลูกเดียวแล้ว !”
ผมจ้องเจ้าตุ๊กตาผีสามตัวนั้นแล้วรอยยิ้มมุมปากที่เยือกเย็น “ไม่มีปัญหา !”
ขณะพูด ผมก็ยกดาบเหรียญขึ้นมาอีกครั้ง
และเจ้าตุ๊กตาผีสามตัวนั้น ก็ทรงตัวได้เรียบร้อยแล้ว ใบหน้าดุร้ายสุดๆ เหมือนใบหน้าบูดเบี้ยวไปเลย
ในปากเขียวๆนั่น เผยให้เห็นคมเขี้ยวแหลมคมสองซี่
ยังไม่ทันลงมือ จู่ๆตุ๊กตาตัวกลางก็พูดขึ้นมาว่า “กิน กิน ! กินพวกมันซะ”
เสียงแหบพร่า ใบหน้าดุร้ายเป็นด้วยรอยยิ้มน่าขนลุก
และเสียงเพิ่งเงียบลง เจ้าผีสามตัวนั้นก็เหยียดขาไปข้างหลังเหมือนกับคางคก แล้วพุ่งเข้ามาหาพวกเราเร็วมาก
“ลุย !” ผมพูดออกมาอีกครั้ง แล้วลงมืออย่างเด็ดเดี่ยว
ในเวลาเดียวกันก็เคลื่อนพลังภายในไปทั่วร่าง
หากใช้พลังขั้นเต้าฉือขั้นสุด สู้กับตุ๊กตาผีไม่กี่ตัวนี้ ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เพราะเจ้าตุ๊กตาผีสามตัวนี้มีพลังชั่วไม่มากนัก
นอกจากผมแล้ว ยังมีฉุ่ยเฉิงจิงอีกคน ถึงจะเป็นสองต่อสาม แต่พวกเราก็ต้องจัดการได้อย่างแน่นอน
ผมเพิ่งพุ่งเข้าไป ฉุ่ยเฉิงจิงก็เปิดพลัง แล้วพุ่งตามมาติดๆ
จากระดับพลังของอีกฝ่าย ผมพบว่าตอนนี้พลัง ของฉุ่ยเฉิงจิงอยู่ในระดับเดียวกับผม เธออยู่ในเต้าฉือขั้นกลาง แต่ดูท่าน่าจะใกล้ถึงขั้นสุดแล้ว
ตอนนี้ผมสองคนร่วมมือกันต่อสู้ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เพิ่งปะทะกัน ผมก็ถีบตุ๊กตาผีตัวหนึ่ง
เจ้าตุ๊กตาผีตัวนั้นกลิ้งไปกับพื้น ขณะเดียวกันก็คําราม “โฮกๆๆ” ออกมาด้วยความโกรธ
อีกสองตัวก็โมโห อ้าปากกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวทั้งสองยกกรงเล็บอันแหลมคนมาฟาดฟันใส่พวกเราเหมือนแมวป่า
แต่ระดับพลังของพวกมันไม่สูงมาก และก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วขนาดนั้น
ผลลัพธ์เพิ่งสู้ไปได้แค่ไม่กี่กระบวนท่า พวกมันก็โดนผมและนุ่ยเฉิงจึงกดดัน แต่ละตัวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา
ตุ๊กตาผีทั้งสามตัวถูกซัดจนถอยแล้วถอยอีก พอรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา มันก็ยังคิดจะหนี
ตอนนี้ปืนไปเกาะบนผนัง คิดจะคลานข้ามพวกเราออกไป
แต่พวกเราจะปล่อยให้มันหนี้ได้ยังไง ผมรับมือสองตัว ส่วนฉุ่ยเฉิงจิงหยิบยันต์ออกมาหนึ่งแผ่น แล้วแปะไปที่หัวของตุ๊กตาผีอีกตัว
ตุ๊กตาผีที่โดนยันต์แปะเหมือนเป็นบ้าไปในทันที มันร้อง “อ้าๆๆ” ออกมาดังลั่น ดูหวาดกลัวผิดปกติ
และยังคิดจะใช้มือไปดึงออก
แต่เพิ่งแตะโดนยันต์ มันก็เหมือนโดนไฟช็อต ทําให้มันไม่สามารถดึงยันต์ได้เลย
ฉู่ยเฉิงจิงดึงหน้าเข้ม เธอไม่ลังเลเลยสักนิด ทํามือเป็นรูปดาบ แล้วตะโกนออกมาทันที “ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้งทําลาย !”