ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 429 การเคลื่อนไหวของมหาปรมาจารย์ไม่สามารถคาดเดาได้
บทที่ 429 การเคลื่อนไหวของมหาปรมาจารย์ไม่สามารถคาดเดาได้
ก็เพื่อที่จะป้องกันพวกผู้คนที่มีความประสงค์ร้าย และคิดวางแผนที่จะพุ่งเป้าหมายไปยังมหาปรมาจารย์
ถึงแม้มหาปรมาจารย์บูโดแทบจะอยู่ในโลกที่ไม่มีศัตรู ทว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่ใช่พระเจ้า หากมีคนจะลงมือกับพวกเขา แค่ต้องการต้องรวบรวมมหาปรมาจารย์สามถึงสี่คนล่วงหน้า เตรียมพร้อมจะที่จู่โจม จะได้สามารถสังหารได้
สิบห้าปีก่อน ประเทศกาวลี่มหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ผูชางจวู้นก็เสียชีวิตด้วยการลอบสังหารของมหาปรมาจารย์ห้าท่าน
การตายของผูชางจวู้น ทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกตกใจ!
นี่เป็นมหาปรมาจารย์ที่ตายคนแรก หลังจากที่ผ่านยุคของการลอบสังหารอย่างลับๆ
ใครก็นึกไม่ถึง คำว่าไม่มีศัตรูซึ่งเป็นคำพ้องความหมายของมหาปรมาจารย์กลับตายได้
หลังจากผูชางจวู้นตายไป สมาคมบูโดในแต่ละประเทศทั่วโลกต่างก็ตั้งกฎ การเคลื่อนไหวของมหาปรมาจารย์ไม่สามารถคาดเดาได้ ถ้าผู้ที่แอบสืบหาการเคลื่อนไหวของมหาปรมาจาารย์ จะลงโทษด้วยความผิดที่ทรยศประเทศชาติ!
พอกฎนี้ออกมา ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวของมหาปรามาจารย์จึงกลายเป็นสิ่งต้องห้ามของวงการศิลปะการต่อสู้ รวมไปถึงตัวมหาปรมาจารย์เองก็ตั้งใจปิดบัง สิบห้าปีหลังจากนั้น มหาปรมาจารย์แทบจะแทบไปในทั่วทุกมุมโลก
นอกจากมหาปรมาจารย์ใหญ่ไม่กี่ท่านที่ครองตำแหน่งในยันเจียงแล้ว การเคลื่อนไหวของมหาปรมาจารย์ของที่เหลือ แทบจะไม่มีใครรู้เลย
“พี่สือ ครั้งนี้ผมล้ำเส้นเอง วันข้างหน้าจะระวัง” เฉินเฟิงทำสีหน้าที่ดูปกติ เขาประเมินตำแหน่งของมหาปรมาจารย์ในหวาเซี่ยต่ำเกินไปจริงๆ ทีแรกก็คิดว่าแค่อยากจะสืบหาการเคลื่อนไหวของมหาปรมาจารย์ น่าจะไม่มีอะไรร้ายแรง ทว่านึกไม่ถึง การเคลื่อนไหวของมหาปรมาจารย์ในหวาเซี่ยเป็นหัวข้อต้องห้ามในการพูดคุย
“ไม่เป็นไร ยังดีที่นายถามฉัน ถ้านายไปถามคนอื่น เกรงว่าคนๆ นั้นคงไปฟ้องสมาคมบูโดเลยทันที” สือโพ่จุนพูดขึ้น สมาคมบูโดตั้งกฎระเบียบ การแอบสืบการเคลื่อนไหวของมหาปรมาจารย์ มีโทษฐานความผิดถึงขั้นทรยศประเทศชาติ
ถึงแม้วันนี้จะมีไม่กี่คนที่จะถูกตัดสินโทษนี้ ทว่าหากมีคนจะหาเรื่องเฉินเฟิงจริง แค่ความผิดข้อเดียวที่แอบสืบหาความเคลื่อนไหวของมหาปรมาจารย์ ก็เพียงพอต่อการเอาเรื่องเฉินเฟิงแล้ว
ตอนที่เฉินเฟิงกับสือโพ่จุนปรึกษาหารือเรื่องของจินเจี่ยจง หวางเต๋อฟาก็แจ้งเรื่องครั้งสุดท้ายให้หลินเย่นทราบ
“ภายในสามวัน เกลี้ยกล่อมให้เสี้ยเมิ่งเหยา ให้เสี้ยเมิ่งเหยามาขอโทษเขาถึงที่ ไม่งั้นหลินเย่นก็ข้าวเก็บของตัวเอง แล้วไสหัวออกจากบริษัทจงเสิ้ง”
ไม่พูดไม่ได้ หลินเย่นรู้สึกกระวนกระวาย และกระวนกระวายเข้าแล้วจริงๆ
ท่าทีของหวางเต๋อฟา ดูหนักแน่นอย่างเหนือการคาดหมาย
หากเธอไม่คิดหาวิธีให้เสี้ยเมิ่งเหยายอมมาขอโทษหวางเต๋อฟา เธอต้องถูกหวางเต๋อฟาไล่ออกจากบริษัทจงเสิ้ง
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลินเย่นก็ได้โทรหาหลินหลันอีกครั้ง เรื่องถึงขั้นนี้ ความหวังเดียวของเธอก็คือหลินหลัน นอกจากหลินหลัน ไม่มีใครสามารถเกลี้ยกล่อมเสี้นเมิ่งเหยาได้อีก
“หลินหลัน ตอนนี้เธออยู่ไหนแล้ว? ” น้ำเสียงของหลินเย่นไม่ได้เย่อหยิ่งจนทำให้คนรู้สึกกลัวอีก ความเป็นจริงแล้ว เธอในตอนนี้เวลานี้ ก็ไม่มีสิทธิ์เย่อหยิ่งทำให้คนหวาดผวา
“พี่เย่นเองหรอ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ทะเลสาบเมยซี เป็นอะไรไป? ” เสียงทางสายฝั่งโน้น หลินหลันรักษาท่าทีไว้ เมื่อกี้จึงพูดด้วยเสียงผ่อนคลาย
วันนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ตอนมาจงไห่ เธอมีเรื่องขอร้องให้หลินเย่นช่วย หวังว่าจะสามารถให้เสี้ยเมิ่งเหยาแต่งเข้าไปในตระกูลร่ำรวยโดยผ่านหลินเย่น
ทว่าตอนนี้กลับไม่จำเป็น
เพราะว่าเสิ้งเมิ่งเหยาเอง ก็คือตระกูลร่ำรวย!
เธอมั่นคงเต็มร้อย ตอนนี้เสี้ยเมิ่งเหยา เป็นท่านประธานบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป!
ไม่ว่าเสี้ยเมิ่งเหยาได้มาซึ่งตำแหน่งนี้ยังไง แค่พูดถึงตำแหน่งที่เสี้ยเมิ่งเหยามีในตอนนี้ก็พอ มันต้องไม่ใช่สิ่งที่หลินเย่นเทียบเทียมได้อยู่แล้ว
แม้กระทั่งประธานหวางที่หลินเย่นแนะนำให้กับเสี้ยเมิ่งเหยา ฐานะก็อาจจะไม่สูงส่งเท่าเสี้ยเมิ่งเหยาก็ได้
ไม่มีเหตุผลอื่นใด แค่เพราะว่าขนาดนี้ของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปนั้นเหลือกว่าบริษัทจงเสิ้งไม่เพียงแต่สองสามเท่า
หลินเย่นกลับฟังไม่ออกว่าน้ำเสียงของหลินหลันเคล้าด้วยความเย่อหยิ่งใฝ่สูง เธอยังคงพูดเองเออเอง “หลินหลัน ยังไงเธอก็ต้องให้คำให้การ ก่อนหน้านี้ลูกสาวของเธอไปผิดใจกับประธานหวาง เรื่องนี้ยังไงก็ไม่มีทางปล่อยปละละเลยไปอย่างเงียบๆ แบบนี้”
“คำให้การ? ”
“พี่เย่น พี่อยากจะได้คำให้การอะไร? ” หลินหลันกระตุกมุมปากคลายยิ้มอันเย้ยหยันเล็กน้อยจนสังเกตไม่เห็นถึงยิ้มที่เย้ยหยันนี้ หลินเย่นยังคงนึกว่าเสี้ยเมิ่งเหยาในตอนนี้จะเป็นของเล่นที่เธอสามารถเล่นได้ตามใจชอบเหมือนแต่ก่อน เสี้ยเมิ่งเหยาในตอนนี้เป็นท่านประธานของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป หลินเย่นอยากจะจับพวกเธอสองแม่ลูก ก็ต้องดูตัวเองมีความสามารถพอไหม!
ต่อให้การตอบสนองของหลินเย่นจะเชื่องช้ามากขนาดไหน ตอนนี้ก็สามารถฟังออกถึงน้ำเสียงที่เยาะเย้ยของหลินหลันสักที
หลินเย่นจึงรู้สึกโมโหเป็นฟืนเป็นไฟทันที “หลินหลัน เธอหมายความว่าอะไร?! พวกเธอสองแม่ลูกไม่อยากอยู่ในจงไห่แล้วหรือ! เชื่อไหมแค่คำๆ เดียวของฉัน ก็สามารถทำให้พวกเธอไสหัวออกจากจงไห่ได้”
“ให้เราสองแม่ลูกไสหัวออกจากจงไห่? ” หลินเย่นแสยะยิ้ม แล้วพึมพำขึ้น “พี่เย่น พี่ก็คิดว่าตัวเองเก่งเกินไปไหม อีกอย่าง จงไห่ก็ไม่ใช่บ้านของพี่ พี่บอกว่าจะให้เราสองแม่ลูกไสหัวออกไป เราสองแม่ลูกก็จะไสหัวออกไปงั้นหรอ? มีเหตุผลแบบนี้ด้วยหรอ”
ทว่าหลินเย่นกลับถูกทำให้เครียดไม่เบา “หลินหลัน เธอนี่มันไร้เนรคุณ พูดจากับฉันแบบนี้หรอ? ”
“เธอลืมไปแล้วหรอ ตอนแรกเธอขอร้องฉันยังไง ให้ฉันหาตระกูลดีๆ กับลูกสาวสินค้ามือสองของเธอไม่งั้นหรอ……”
“หลินเย่น เธอบอกว่าใครเป็นสินค้ามือสอง! ” ไม่รอให้หลินเย่นพูดจบ หลินหลันกก็ขัดคำพูดของหลินเย่นด้วยเสียงเย็นชา “แต่ก่อนเธอว่าเมิ่งเหยาของฉันตลอดนี้ ฉันไม่ว่าอะไร แต่ตอนนี้ ไม่ได้! ”
“ตอนนี้ไม่ได้? ”
“ทำไมตอนนี้ถึงไม่ได้? หลินหลัน ฉันจะบอกอะไรเธอนะ แค่ไอ้คนชั้นต่ำหย่าร้าง เธอก็จะเป็นสินค้ามือสองตลอดไป! ” หลินเย่นแสยะยิ้ม
“เธอพูดเหลวไหล! ”
หลินหลันรู้สึกเครียดจนกลายเป็นโมโห “หลินเย่น ฉันจะบอกเธอนะ เมิ่งเหยาของเรา ตอนนี้กลายเป็นผู้ชายที่หมายปองแล้ว คนที่อยากจีบเธอ เข้าแถวยาวจากแม่น้ำผู่ฝั่งนี้ไปถึงฝั่งโน้น”
“ฮ่าๆๆ หลินหลัน สมองของเธอมีน้ำเข้าหรอ หรือว่าสมองผู้ชายพวกนั้นมีน้ำเข้า? ”
“ยังจะบอกว่าเข้าแถวยาวจากแม่น้ำผู่ฝั่งนี้ไปถึงฝั่งโน้น? ”
“ทำไมถึงไม่บอกว่าเข้าแถวจากนี่ไปถึงฝรั่งเศสล่ะ” หลินเย่นหัวเราะอย่างไม่หวาดกลัวใดๆ ถึงแม้ไม่รู้ว่าเส้นประสาทเส้นไหนของหลินหลันผิดปกติ ทว่าเธอกลับไม่เชื่อว่าจะมีคนจีบผู้หญิงที่เคยหย่าร้าง
“หลินเย่น เธอยังไม่รู้ เมิ่งเหยาของฉันตอนนี้มีฐานะอะไรใช่ไหม” หลินหลันพูดขึ้นอย่างแสยะยิ้ม
“ฐานะ? ” หลินเย่นแสยะยิ้มออกเสียง ใบหน้าเคล้าด้วยความไม่เข้าใจแล้วพูดขึ้น “คนที่เป็นสินค้ามือสองที่เคยหย่า จะมีฐานะอะไรได้? ”
“บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปรู้ไหม? “เหมือนจะรู้ว่าหลินเย่นไม่เชื่อ หลินหลันจึงเอ่ยพูดอย่างได้ใจเล็กน้อย
“รู้สิ ทำไม” หลินเย่นพยักหน้า ทันใดนั้นก็หยอกล้อขึ้นเล็กน้อย “หลินหลัน เธอไม่อยากอยากจะบอกฉันว่าลูกสาวสินค้ามือสองคนนั้นของเธอ จะได้เข้าไปทำงานในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปนะ”
“ถ้าเป็นเรื่องจริง งั้นฉันพูดได้แค่ว่า เธอคิดมากเกินไป ถึงแม้บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปจะเข้ายาก ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าไม่ได้ ถ้าเธอนึกว่าการทำงานในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปก็จะมีฐานะ งั้นฉันก็พูดได้แค่ว่าเธอมันใสซื่อเกินไป! ” หลินเย่นแสยะยิ้มอย่างเย็นชา เธอไม่รู้ว่าควรเย้ยหยันหลินหลันที่ไม่รู้หรือไม่รู้จักกลัวกันแน่ กลับนึกว่าเสี้ยเมิ่งเหยาได้เข้ามาทำงานในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป แล้วจะไม่มองสีหน้าของเธอได้
ตลกจริงๆ!
ถึงแม้บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปจะเป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยาซึ่งเป็นบริษัทเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีมูลค่าตลาดแสนล้าน แต่บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปก็มีพนักงานเกือบ 10,000 คน
เสี้ยเมิ่งเหยาเพิ่งจะเข้าบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป ต่อให้ความสามารถจะโดดเด่นขนาดไหน ก็คงมีฐานะแค่เป็นบริษัทระดับกลางคนหนึ่งเท่านั้น
และเธอกลับเป็นรองผู้จัดการบริษัทจงเสิ้ง
ทั้งสองไม่สามารถเปรียบเทียบกันอยู่แล้ว!