ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 413 ประธานเสี้ย
บทที่ 413 ประธานเสี้ย
ประจบสอพลอขอขึ้นรถไปพร้อมกับเสี้ยเมิ่งเหยา ขณะที่หลินหลันกำลังจะถามเสี้ยเมิ่งเหยาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เธอเพิ่งสังเกตเห็น ตรงที่นั่งข้างคนขับ มีคนใส่ชุดกระโปรงOLสีดำนั่งอยู่ หน้าตาสวยงาม เป็นผู้หญิงที่ดูมีความสามารถ
ผู้หญิงที่สวยมีสง่าคนนี้คือเลขาของเสี้ยเมิ่งเหยา ฟางหย่า
“ป้าหลินสวัสดีค่ะ” ฟางหย่าคลายยิ้มแล้วหันมาทักทายหลินหลัน ถึงแม้ความสัมพันธ์ของหลินหลันกับเสี้ยเมิ่งเหยาจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่ไม่ว่ายังไง หลินหลันก็เป็นแม่ของเสี้ยเมิ่งเหยา เธอในฐานะเลขาของเสี้ยเมิ่งเหยา ต้องรักษามารยาทเอาไว้
“สวัสดี…..สวัสดีจ๊ะแม่หนู” หลินหลันตอบอย่างติดอ่าง เธอไม่ทันตั้งตัวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ป้าหลิน ฉันคือเลขาของประธานเสี้ย ฟางหย่าค่ะ คุณป้าเรียกฉันว่าเสี่ยวหย่าก็ได้ค่ะ”
“เสี่ยว……เสี่ยวหย่า……” หลินหลันยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเสี้ยเมิ่งเหยา เธออยากรู้ว่าทำไมเสี้ยเมิ่งเหยาถึงเปลี่ยนไป กลายเป็นประธานหญิงได้ เธอมาหางานทำที่จงไห่ไม่ใช่หรอ ทำไมแค่ชั่วพริบตาก็กลายเป็นประธานได้?
เสี้ยเมิ่งเหยาไม่ได้สนใจสายตาสงสัยของหลินหลัน เวลานี้เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรในใจ
“เมิ่งเหยา……” เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยาไม่ยอมพูดจา หลินหลันอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
แต่หลังจากที่เธออ้าปากพูด กลับเผชิญหน้ากับสายตาเย็นชาของเสี้ยเมิ่งเหยา
หลังจากเผชิญกับสายตาเย็นชาของเสี้ยเมิ่งเหยาแล้วนั้น หลินหลันเงียบปากทันที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เสี้ยเมิ่งเหยาในตอนนี้กับเสี้ยเมิ่งเหยาในอดีตถึงเปลี่ยนเป็นคนละคน
เสี้ยเมิ่งเหยาในอดีต มีนิสัยอ่อนโยน เธอสามารถทำอะไรกับเสี้ยเมิ่งเหยาก็ได้
แต่เสี้ยเมิ่งเหยาในตอนนี้ บนตัวของเธอมีแรงกดดันบางอย่าง แรงกดดันนี้ ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว
“ประธานเสี้ยคะ ตอนนี้พวกเราจะกลับไปที่บริษัทหรือว่า?” ฟางหย่าเอ่ยถาม เธอทำงานกับเสี้ยเมิ่งเหยามาระยะหนึ่งแล้ว พอจะรู้ว่าเสี้ยเมิ่งเหยามีนิสัยใจคออย่างไร
เธอสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน เสี้ยเมิ่งเหยาในวันนี้ หลังจากออกมาจากฮงเยคลับ อารมณ์ของเธอไม่แน่นอน ความไม่แน่นอนนี้ เธอไม่เคยเห็นในตัวเสี้ยเมิ่งเหยามาก่อน
“กลับบริษัทกันเถอะ” หลังจากดึงสติกลับมา เสี้ยเมิ่งเหยาขานตอบเสียงเรียบ
รถยูเทิร์นทันที ขับมุ่งหน้าไปทางบริษัทเภสัชกรรมคางเหม่ย
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ฟางหย่าอดไม่ได้ท่จะถาม:“ลุงจาง ทำไมวันนี้ถึงมาทางนี้คะ ทำไมไม่ไปทางสะพานปินเจียง?”
ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าลุงจาง หน้าตาดูเป็นคนซื่อสัตย์ เขาตอบกลับเสียงเรียบ:“สะพานปินเจียงเพิ่งเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้น ตอนนี้ถนนถูกปิดครับ”
“รถชน?”
“รถชนอะไรคะ?” ฟางหย่าเอ่ยถาม
“ไม่แน่ใจครับ เหมือนว่าจะมีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินอยู่บนสะพาน จู่ๆ รถคนหนึ่งก็เสียการควบคุม ผู้หญิงคนนั้นเพื่อที่จะช่วยผู้ชาย ทำให้เธอถูกรถชนจนตัวปลิว” ลุงจางตอบ
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรไหมคะ?” ฟางหย่าอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง ผู้หญิงเป็นพวกไวต่อความรู้สึก เมื่อได้ยินเรื่องแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว
“ผู้หญิงคนนั้น……คาดว่า คนที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า รถที่ขับชนพังเละเทะ ความรุนแรงระดับนี้ คนที่ถูกชน คงมีโอกาสรอดน้อย” ลุงจางวิเคราะห์ตามความเป็นจริง เขาเป็นคนขับรถ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เคยเห็นอุบัติเหตุรถชน ไม่ถึงร้อยครั้ง แต่ก็สักแปดสิบครั้ง เขาต้องรู้อยู่แล้ว อุบัติเหตุที่รถชนจนพังยับ มันน่าเศร้าแค่ไหน
“เฮ้อ หวังว่าผู้หญิงคนนั้นจะปลอดภัยนะคะ” ฟางหย่าถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ จากที่ลุงจางเล่าให้ฟัง เดาได้ไม่ยาก มีความเป็นไปได้ที่ชายหญิงคู่นั้นจะเป็นแฟนกัน ในช่วงคับขัน ผู้หญิงเพื่อที่จะช่วยผู้ชาย ถึงกับยอมทิ้งชีวิตตนเอง
ต้องใช้ความกล้าหาญเท่าไหร่กัน ฟางหย่าไม่รู้เลย แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นตนเอง เผชิญหน้ากับเรื่องนี้ เธอไม่มีวันตัดสินใจแบบนี้แน่ๆ
“ไปสะพานปินเจียง!”
เวลานี้ จู่ๆ ก็มีเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นในรถ
ฟางหย่าหันหน้ากลับไปด้วยความแปลกใจ เธอมองไปที่เสี้ยเมิ่งเหยา ถามด้วยความไม่เข้าใจ:“ประธานเสี้ย ไปสะพานปินเจียงทำไมคะ?”
“ไม่ต้องถาม บอกให้ไปก็ไปสิ” เสี้ยเมิ่งเหยาอดกลั้นความกังวลในใจ เธอพูดเสียงเข้ม
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากฟังที่ลุงจางพูดจบ เธอมีความรู้สึกบางอย่าง คู่รักที่ลุงจางพูดถึง คือเฉินเฟิงกับหลินหวั่นชีว
เฉินเฟิงกับหลินหวั่นชีวออกไปพร้อมกัน อีกทั้งฮงเยคลับอยู่ไม่ห่างจากสะพานปินเจียง ออกจากฮงเยคลับเลี้ยวขวา ไม่ถึงห้านาที ก็เดินไปถึงสะพานแล้ว
อีกทั้ง ถ้าเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้นจริงๆ เสี้ยเมิ่งเหยาไม่สงสัยแม้แต่น้อย เพื่อช่วยชีวิตเฉินเฟิงแล้วหลินหวั่นชีวสละชีวิตตนเอง
สายตาที่หลินหวั่นชีวมองเฉินเฟิง เป็นสายตาเดียวกับที่เธอเคยมองเฉินเฟิง เหมือนเดิมกันเป๊ะ!
นี่จึงเป็นเหตุผลที่วันนี้เธอควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้
ข้างกายเฉินเฟิง มีเธอคนที่สองปรากฏตัวออกมา!
ความรักที่ผู้หญิงคนนี้มีให้เฉินเฟิง ไม่น้อยไปกว่าความรักที่เธอมีให้เฉินเฟิง!
“ลุงจาง ไปที่สะพานปินเจียงค่ะ” ถึงแม้ไม่เข้าใจว่าทำไมเสี้ยเมิ่งเหยาถึงตัดสินใจแบบนี้ แต่คนที่เป็นลูกน้อง เวลานี้ฟางหย่าทำได้เพียงทำตามคำสั่ง
ในรถเหมือนจะมีแค่หลินหลันเท่านั้นที่เข้าใจ ว่าทำไมเสี้ยเมิ่งเหยาถึงตัดสินใจแบบนี้ในเวลานี้
แต่หลังจากเข้าใจทุกอย่างแล้ว หลินหลันอดไม่ได้ที่จะมีความคิดไร้สาระขึ้นมา คงไม่บังเอิญขนาดนี้หรอกมั้ง?
ไอ้คนไร้ประโยชน์กับนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เพิ่งออกไปก็เจอรถชน?
หลังจากนั้นหานาที รถมาเซราติสีเงินปรากฏตัวที่สะพานปินเจียง
หลังจากเปิดประตูรถ เสี้ยเมิ่งเหยาสูดลมหายใจเข้า เดินไปยังพื้นที่ที่แนวกั้นของตำรวจ
ตอนที่เห็นด้านในแนวกั้นตำรวจ ไม่มีร่างของเฉินเฟิง เสี้ยเมิ่งเหยาโล่งอก
แต่เมื่อเห็นรถแลนด์โรเวอร์ที่พังยับ รูม่านตาของเสี้ยเมิ่งเหยาหดเล็ก
แลนด์โรเวอร์คันนี้ ไม่ได้ถูกชนจนยับ!
แต่เหมือนถูกคนต่อยจนพังมากกว่า!
ความไม่สบายใจภายในใจของเสี้ยเมิ่งเหยาแผ่ซ่าน สามารถต่อยจนรถแลนด์โรเวอร์พังยับได้
ท่ามกลางคนที่เธอรู้จัก มีเพียงแค่เฉินเฟิงคนเดียวเท่านั้นที่ทำเดิม!
ถ้าอย่างนั้น ชายหญิงคู่หนึ่งที่ลุงจางพูดถึง ก็คือเฉินเฟิงกับหลินหวั่นชีว!
ตึกตึกตึก
เสี้ยเมิ่งเหยาก้าวถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้ สีหน้าของเธอซีดขาว
ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมสถานที่เกิดเหตุถึงพังยับ?
มีคนหวังร้ายกับเฉินเฟิงรึเปล่า?
อีกทั้ง……หลินหวั่นชีว ยังมีชีวิตอยู่ไหม?
ชั่วพริบตา ความคิดมากมายพลุ่งพล่านเข้ามาในหัวของเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าสวยของเสี้ยเมิ่งเหยา ถอดสีทันที
“ประธานเสี้ย คุณเป็นอะไรไปคะ?” ฟางหย่าถามด้วยความเป็น อาการของเสี้ยเมิ่งเหยาในตอนนี้ ผิดปกติมาก หรือว่า……เธอรู้จักกับชายหญิงที่ถูกรถชน?
เสี้ยเมิ่งเหยาไม่ได้ตอบคำถามของฟางหย่า เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าด้วยความกระวนกระวาย กดโทรหาเฉินเฟิงด้วยมือที่สั่นเทา
อีกด้านหนึ่ง เฉินเฟิงกลับไปที่โรงแรมแล้ว
เพิ่งเดินเข้าไปในห้อง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา เฉินเฟิงเงียบอยู่นาน จากนั้นรับสาย
หลังจากรับสาย สิ่งแรกที่ได้ยินก็คือเสียงที่สั่นเทาของเสี้ยเมิ่งเหยาจากปลายสาย:“เฉินเฟิง คุณ……คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
ตอนแรกในใจยังรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย รู้สึกน้อยใจเล็กน้อย แต่ความขุ่นเคืองและน้อยใจทั้งหมด หลังจากที่ได้ยินเสียงพูดด้วยความเป็นห่วงของเสี้ยเมิ่งเหยา ทุกอย่างก็หายไปทันที
นี่คือเฉินเฟิงในตอนนี้ ความรู้สึกที่แท้จริงของเขา