ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 356 ประลองเพื่อเกียรติยศ
บทที่ 356 ประลองเพื่อเกียรติยศ
ระหว่างเขากับเปียนตู้ไท่อี จะมีเพียงแค่คนเดียวที่สามารถรอดออกไปจากจงไห่ได้!
ถ้ามองจากมุมเล็ก นี่เป็นการประลองเพื่อชีวิต
มองใหญ่ขึ้น มันกลับเป็นการประลองเพื่อเกียรติยศ!
ดังนั้นเฉินเฟิงจะไม่มีวันถอยเด็ดขาด!
สือโพ่จุนถอนหายใจยาว ถ้ารู้ว่าเฉินเฟิงจะเลือกแบบนี้ เขาจะไม่มีทางบอกข่าวนี้กับเฉินเฟิงแน่
เขารู้ว่าเฉินเฟิงคิดอะไร ชื่อเสียงของเซียวกั่วจงสำคัญมากก็จริง
แต่ชื่อเสียงของเซียวกั่วจงจะสำคัญแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับชีวิตของเฉินเฟิงเลย
เฉินเฟิงตอนนี้เป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่อายุน้อยที่สุดของหวาเซี่ย ถ้าไม่มีเหตุขัดข้องอะไร เขาจะกลายเป็นมหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้คนที่สิบของหวาเซี่ยแน่นอน!
น่าเสียดาย…
สือโพ่จุนถอนหายใจยาว: “เฉินเฟิง พรุ่งนี้เปียนตู้ไท่อีจะมาถึงจงไห่ เขาจะมาอยู่ที่จงไห่ราวสิบห้าวัน พองานประลองของสองสมาคมเสร็จสิ้นลง เขาจะตามคนของสมาคมการค้าเชียสุ่ยกลับญี่ปุ่นไปพร้อมกัน”
“ดังนั้นในสิบห้าวันนั้น นายต้องระวังตัวให้มาก ถึงจงไห่จะเป็นถิ่นของหวาเซี่ย แต่องค์กรข่าวกรองอย่างเสิ่นหยิ่นก็ใช่ย่อย ถ้าพวกเขาอยากรู้ตำแหน่งของนาย มันง่ายมากนะ”
“ถ้าเป้าหมายของเปียนตู้ไท่อีคือนายจริงๆ เขาจะลงมือกับนายได้ทุกเมื่อเลย!”
สือโพ่จุนพูดอย่างเคร่งเครียด โดนปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่ชำนาญการลอบฆ่าตามติด ความรู้สึกนี้แค่คิดก็หนาวแล้ว
“พี่สือวางใจได้ ผมจะระวังตัวครับ” เฉินเฟิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น เขาไม่คิดจะเอาชีวิตตัวเองไปล้อเล่น เปียนตู้ไท่อีแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่เขาเองก็ไม่ด้อยกว่านัก ในฐานะศิษย์ก้นกุฎิเซียวกั่วจง จุดเด่นชองเขาไม่เพียงแค่พรสวรรค์
“ได้ ทางด้านสหพันธ์ พี่ให้พี่น้องคอยจับตาดูเปียนตู้ไท่อีตลอดยี่สิบสี่ชม. มีข่าวอะไร จะรีบบอกนายให้เร็วที่สุด” สือโพ่จุนบอก เขาไม่ได้เปิดเผยความลับอะไรของเฉินเฟิงให้ทางสหพันธ์รู้ หนึ่งคือวันนั้นเขารับปากเฉินเฟิงแล้วว่าจะช่วยเขาปิดเป็นความลับ
อีกเหตุผลหนึ่งคือ ทางสหพันธ์สงครามยังมีหนอนบ่อนไส้อยู่ หนอนบ่อนไส้นี่เคยเผยข้อมูลให้ทางเสิ่นหยิ่นเมื่อห้าปีก่อนมาแล้ว หลังจากครั้งนั้นมันก็ไม่เผยตัวออกมาอีกเลย
จนถึงตอนนี้ ทางสหพันธ์ยังจับอะไรไม่ได้เลย
ถ้าให้เรารู้ข่าวเฉินเฟิง งั้นเขาร่วมมือกับเปียนตู้ไท่อี เฉินเฟิงไม่ตายก็คงคางเหลืองแน่
“รบกวนพี่สือแล้วครับ” เฉินเฟิงพยักหน้าเบาๆ มีกองสนับสนุนอย่างสหพันธ์สงคราม การรับมือเปียนตู้ไท่อีดูจะมีเปอร์เซ็นต์รอดมากขึ้น
กริ๊งงงงง
ตอนนี้เองมือถือของเฉินเฟิงดังขึ้น
เฉินเฟิงหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง พอเห็นชื่อที่โชว์ว่าหลินหวั่นชีว
หวั่นชีวโทรหาเขาตอนนี้ทำไม?
เฉินเฟิงเกิดความสงสัยขึ้น และรับสายทันที
พอรับสาย กลับมีเสียงร้อนรนพูดขึ้นฉับพลันว่า: “มีลูกคุณชายสองคนกำลังมอมเหล้าหวั่นชีว นายรีบมาเลยนะ!”
มอมเหล้าหวั่นชีว?!
เฉินเฟิงตกใจ ไม่สนว่าอีกฝ่ายเป็นใคร รีบถามกลับทันที: “อยู่ที่ไหน?”
“ฮงเยคลับ ห้องวีไอพี 888 ถนนหวังฟูจิ่ง พวกเขาคนเยอะมาก นายรีบแจ้งความและพาตำรวจมาเลยนะ”
ตู้ดๆ
อีกฝ่ายพูดจบก็ตัดสายไปเลย ไม่ให้เวลาเฉินเฟิงเข้าใจต้นสายปลายเหตุเลย
“พี่สือ ที่นี่อยู่ห่างจากฮงเยคลับ ถนนหวังฟูจิ่งมากไหม?” เฉินเฟิงถามเสียงต่ำ เขาพึ่งมาจงไห่ ยังไม่คุ้นเคยถนนหนทางที่นี่เท่าไหร่
“ไม่ไกล ขับรถไปไม่ถึงยี่สิบนาที” สือโพ่จุนบอก
“สิบนาทีจะถึงได้ไหมครับ?” เฉินเฟิงถาม คนที่ใช้มือถือหลินหวั่นชีวโทรหาเขาเมื่อกี้ต้องเป็นเพื่อนเธอแน่ ดูจากน้ำเสียงอีกฝ่าย ตอนนี้หลินหวั่นชีวตกอยู่ในอันตรายแน่ ถ้าต้องใช้ถึงยี่สิบนาที คงไม่ทันการแน่
“ได้!” สือโพ่จุนพยักหน้าหนักแน่น: “ไปเถอะ เฉินเฟิง พี่พาไป รถพี่อยู่ข้างล่าง”
“โอเค” เฉินเฟิงก็ไม่ได้อิดออด ตอนนี้คนเดียวที่เขาพึ่งได้คือสือโพ่จุน
รถของสือโพ่จุนเป็นรถแลนด์โรเวอร์ที่ปรับปรุง มีระบบป้องกันความปลอดภัย กระจกก็เป็นกระจกกันกระสุนน้ำเข้าจากเยอรมัน ตัวรถก็เป็นสีดำย้อมมาเรียบร้อย เป็นรถหรูสีดำในตำนานเลย ดูสง่าและเฉียบเนี้ยบ
เฉินเฟิงขึ้นนั่งข้างที่นั่งคนขับ สือโพ่จุนเป็นคนขับ
จากนั้นสือโพ่จุนเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานออกทันที
เครื่องยนต์ที่ผ่านการดัดแปลงกรรมวิธีมาส่งเสียงกระหึ่ม
รถแลนด์โรเวอร์สีดำพุ่งทะยานเหมือนม้าป่าออกจากหน้าประตูโรงแรม…
ตอนนี้ในห้องวีไอพีห้องหนึ่งของฮงเยคลับ สภาพเละพอดู บนพื้นมีแต่ขวดเหล้าวางเกลื่อนกลาดไปหมดไม่พอ ยังมีชายหนุ่มหญิงสาวจำนวนหนึ่งเมาไม่ได้สตินอนอยู่ ปากก็บ่นพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์
ใบหน้าหลินหวั่นชีวแดงก่ำ ดวงตาเหม่อลอยมีเสน่ห์ เห็นได้ชัดว่าเมาแล้ว
แต่เทียบกับคนอื่นที่นอนที่พื้น หลินหวั่นชีวกลับได้รับการดูแลในระดับที่ดีกว่า เธอเอนพิงโซฟาหนังแท้จากอิตาลี ด้านข้างยังมีหญิงสาวร่างโปร่งใส่กระโปรงสีขาวโชว์เรียวขายาวสองขาคอยดูแลอยู่
“หวั่นชีว หวั่นชีว ตื่นสิ…”
เรียกชื่อหลินหวั่นชีวติดกันสองรอบ แต่หลินหวั่นชีวไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย หญิงสาวร่างโปร่งอดร้อนใจไม่ได้ ทำไมแฟนหลินหวั่นชีวยังไม่มาอีก?
เธอกำลังคิดว่าเมื่อไหร่เฉินเฟิงจะมา ก็มีชายหนุ่มร่างสูงใส่นาฬิกาปาเต๊กและเสื้อผ้าแบรนด์แนมเข้ามายืนยิ้มต่อหน้าเธอ
เขาปรายตามองหลินหวั่นชีวที่เมาไม่ได้สติ สายตาผู้ชายคนนี้ส่อแววหื่นแบบปิดไม่มิดออกมา และเริ่มร้อนที่ท้องน้อย
“เซียวรั่ว ดูท่าหวั่นชีวจะเมาแล้วนะ…” ชายหนุ่มร่างสูงแลบลิ้นเลียริมฝีปาก สายตาที่มองหลินหวั่นชีวเต็มไปด้วยความปรารถนา
“รุ่นพี่หลิว หวั่นชีวเธอเมาแล้วจริงๆ ฉันจะพาเธอกลับนะคะ” หญิงสาวร่างโปร่งที่ชื่อเซียวรั่วฝืนยิ้มมุมปาก เธออยากพยุงหลินหวั่นชีวขึ้นมา แต่พอมือเธอพึ่งแตะร่างหวั่นชีว ก็โดนชายร่างสูงยั้งไว้
ชายหนุ่มร่างสูงมองเซียวรั่วยิ้มๆ: “เซียวรั่ว เรื่องนี้จะรบกวนเธอได้ยังไง ปล่อยเป็นหน้าที่พี่เอง ให้พี่ไปส่งหวั่นชีวเถอะ”
ท่าทีชายหนุ่มดูสุภาพ แต่น้ำเสียงที่พูดกลับสั่งการอย่างรู้สึกได้ชัด
“รุ่นพี่คะ ขอบคุณมากนะคะ แต่คงไม่ต้องรบกวนพี่แล้วล่ะค่ะ หวั่นชีวเธอเป็นเพื่อนร่วมหอฉัน ฉันพากลับไปเองจะดีกว่า” เซียวรั่วฝืนยิ้ม ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอว่าหลิวคุนที่ยืนตรงหน้าเธอเป็นตัวอะไรกันแน่ ท่าทางภายนอกดูสุภาพอ่อนโยน เป็นสุภาพบุรุษ แท้ที่จริงแล้วก็เดรัจฉานดีๆนี่เอง เป็นหมาป่าตัวร้ายที่ชอบเอาหนังแกะมาห่ม
เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยสามปี ทำผู้หญิงท้องมาไม่รู้กี่คน แถมมีบางคนยังฆ่าตัวตายเพื่อเขาอีก แต่คนแบบนี้กลับไม่รู้สึกผิดอะไรเลย