รุ่นพี่สาวสวยที่ผมตกหลุมรักดันเป็นสาย S ตัวแม่ซะงั้น ! - ตอนที่ 4
ผมที่ไม่เคยมีประสบการณ์ความรัก ไม่เคยแม้แต่จะมีคนมาสารภาพรักหรือมาชอบ ทำให้ผมกลัวที่จะต้องพูดความรู้สึกของตัวเองออกไป แต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมผมกลับรู้สึกว่าผมควรจะพูดมันออกไปตอนนี้ และเดี๋ยวนี้
” รุ่นพี่ยูกิครับ! คือว่าผม… “
กริ๊งงงงง
ไม่ทันที่ผมจะได้พูดออกไปเสียงออดที่แจ้งหมดเวลาพักกลางวันก็ดังขึ้นมาราวกับกำลังกลั่นแกล้งผมซะอย่างงั้น ผมได้แต่ทำตาปริบ ๆ ในขณะที่กำลังเขินหน้าแดงต่อหน้ารุ่นพี่ยูกิ
” ดูเหมือนจะหมดเวลาพักแล้วนะคะ ”
รุ่นพี่พูดแล้วก็ลุกขึ้นปัดกระโปรงทำความสะอาดตัวเอง ให้ตายสิทำไมต้องเป็นเวลานี้ด้วยฟะ!
” งั้นกลับไปที่ห้องเรียนกันเถอะค่ะ ”
” อ่า..ครับ ”
ในเมื่อเห็นรุ่นว่าอย่างนั้นผมก็คงต้องเก็บความรู้สึกที่จะบอกรุ่นพี่เอาไว้ก่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้ เอาเถอะยังไงผมก็อยู่ชมรมกับรุ่นพี่อยู่แล้วตอนเย็นผมจะเตรียมใจเพื่อสารภาพรักกับรุ่นพี่อีกครั้ง
ผมกับรุ่นพี่ยูกิแยกย้ายกันกลับห้องเรียนของตัวเอง รุ่นพี่ยูกิอยู่ที่ห้อง 2-A รุ่นผมอยู่ที่ 1-B แน่นอนว่าแบ่งตามระดับชั้นเรียน ส่วนกล่องข้าวรุ่นพี่เก็บกลับคืนไปแล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะทำมาให้อีก ผมไม่เคยตั้งตารอที่จะได้กินข้าวมากขนาดนี้มาก่อน
ยังเหลือเวลาอีกประมาณ 5 นาทีกว่าที่คาบบ่ายจะเริ่ม ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องและก็แน่นอนว่าจะต้องเจอกับสิ่งที่พอจะเดาได้ตั้งแต่แรก นั่นคือสายตาของทุกคนที่จ้องมายังผมอย่างกับนัดกันมาก่อนล่วงหน้า
แล้วแบบนี้ผมควรทำยังไงดีล่ะเนี่ย สิ่งที่ผมทำได้มีแค่การก้าวเท้าเดินกลับไปที่นั่งของตัวเองเท่านั้น สายตาของเพื่อนในห้องยังจับตามองผมอย่างไม่ลดละ มีทั้งสงสัยอยากจะรู้ มีทั้งอาฆาต และอิจฉา ปะปนกันเต็มไปหมด
ดูเหมือนการที่ผมใกล้ชิดกับรุ่นพี่ยูกิจะเป็นการจุดชนวนให้ไฟอิจฉาของหนุ่ม ๆ ทั้งหลายในโรงเรียนเข้าซะแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ความผิดตูนะเฟ้ย!
” ไง ”
เพื่อนทักของนากาชิมะเอ่ยทักผมเมื่อผมนั่งที่ของตัวเอง ต่างจากคนอื่นนากาชิมะไม่ได้มีแววตาอาฆาตแต่มีสีหน้าเจ้าหมอนี่แสดงความอยากรู้อยากเห็นเต็มพิกัด ถ้าให้พูดหยาบ ๆ ก็เจือกนั่นแหละนะ
” กลับมาแล้ว ”
ผมได้แต่ตอบกลับไปเรียบ ๆ คอยสังเกตรอบข้าง แน่นอนว่าทั้งผมและนากาชิมะทั้งรู้สถานการณ์ดีว่าตอนนี้ กำลังอยู่ในช่วงที่อึดอัดสุด ๆ การที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งห้องเนี่ยไม่ใช่เรื่องดีเลย
” นี่ ๆ โฮโจคุง เป็นอะไรกับรุ่นพี่ฮิเมมิยะเหรอ? ”
จู่ ๆ เสียงใส ๆ ของเด็กผู้หญิงก็เอ่ยถามผมขึ้นมา สาวมัธยมปลายผมสีน้ำตาลอ่อนตัดสั้น และใบหน้าที่ดูออกไปทางน่ารักมากกว่าสวยเรียกว่าคนละแบบกับรุ่นพี่ยูกิเลย เธอคนนี้คือ คุซางาวะ ยูคาริ
สาวร่าเริงผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมิตรกับทุกคน และแน่นอนง่าด้วยความน่ารักสดใสของเธอทำให้เธอก็เป็นคนที่ได้รับความนิยมไม่น้อย แม้จะไม่เท่ารุ่นพี่ยูกิก็ตามแต่ก็ถือว่าเธอก็เป็นหนึ่งในคนที่ทุกคนชื่นชอบเช่นเดียวกัน
” เป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องในชมรมเดียวกันน่ะ “
” เอ๊ะ!? นี่แกเข้าชมรมกับเขาด้วยเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ”
แน่นอนว่าเจ้าคนที่สอดเข้ามาคือนากาชิมะที่รู้ว่าผมเข้าชมรมก็เล่นถามอย่างออกหน้าออกตาทันที
” แล้วเรื่องอะไรฉันต้องบอกแกด้วยล่ะ ”
” แกนี่มันโหดร้ายชะมัด! ”
เหอ ใครจะไปบอกเจ้าเพื่อนเวรนี่กัน ถ้าบอกไปคงหยอกผมเป็นว่าเล่นแน่ ๆ ว่า ‘แหม ๆ โฮโจคุงได้อยู่ชมรมกับรุ่นพี่สาวสวยเลยเหรอ’ แน่ ๆ
” เอ๋ ? โฮโจคุงอยู่ชมรมเดียวกับรุ่นพี่ฮิเมมิยะเหรอ ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย ว่าแต่อยู่ชมรมอะไรกันเหรอเห็นหลาย ๆ คนบอกว่ารุ่นพี่ฮิเมมิยะไม่เข้าชมรมนี่นา ”
ไม่แปลกหรอกที่คุณคุซางาวะจะไม่รู้ เพราะมันมีสมาชิกแค่สองคนคือผมกับรุ่นพี่ยังไงล่ะ แถมรุ่นพี่หรือผมก็ไม่ได้ประกาศให้ใครรู้ด้วย แต่ตอนนี้คงจะรู้กันให้ทั่วโรงเรียนแล้วแน่นอน เอาเถอะ
” ชมรมวรรณกรรมน่ะ ”
” เห ดูน่าสนุกจัง นี่ ๆ แล้วปกติชมรมนี่ทำอะไรกันเหรอ ”
ดูคุณคุซางาวะจะอยากรู้อยากเห็นสุด ๆ นี่คิดจะถามไปถึงไหนกันนะ เอาเถอะตอบไปแบบพื้น ๆ คงไม่เกิดปัญหาอะไรหรอก แต่ก็หวังว่าอย่าถามอะไรที่มันชวนเกิดประเด็นเลยเถอะครับ
” ก็อ่านนั่งอ่านหนังสือกันเฉย ๆ น่ะ ”
ไม่ได้โกหกนะ มันมีแค่นั้นจริง ๆ ถึงจะมีพูดคุยกันในระหว่างอ่านหนังสือก็เถอะ แต่ถ้าถามถึงกิจกรรมชมรมมันก็มีแค่นั้น
” งั้นเหรอแล้วในชมรมมีแค่โฮโจคุงกับรุ่นพี่ฮิเมมิยะเหรอ ? ”
นั่นไงล่ะ! คุณคุซางาวะโยนระเบิดมาแล้วไง อุตส่าห์หวังว่าอย่าให้ถามถึงเรื่องสมาชิกชมรมแล้วเชียว สุดท้ายก็หนีไม่พ้น
เอาไงดี ถ้าผมบอกออกไปว่าไม่ได้มีแค่สองคนทุกคนคงจะถามแน่ว่ามีใครอีกไม่ก็ขอเข้าชมรมด้วยแน่ ๆ แต่ถ้าบอกว่ามีกันแค่สองคนแน่นอนว่าประเด็นร้อนก็จะโหมขึ้นอีกราวกับถูกเติมเชื้อไฟ
แต่ยังไงตอนนี้คงจะทำให้รุ่นพี่เดือดร้อนไม่ได้ ถ้าบอกไปว่าชมรมมีคนอื่นด้วยรับรองว่าจะต้องมีคนมาขอเข้าชมรมเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้กับรุ่นพี่ยูกิแน่นอน แล้วรุ่นพี่ก็จะถูกขอร้องให้รับเข้าชมรมไม่หยุด แบบนั้นคงจะไม่ดีแน่ ๆ
ถ้าจะเดือดร้อนหรือยุ่งวุ่นวายคนคนนั้นควรจะเป็นผมไม่ใช่รุ่นพี่ยูกิ เพราะงั้นผมคงไม่มีทางเลือกที่จะต้องบอกความจริงออกไป
” อะ-อื้ม มีกันแค่สองคนน่ะ ”
” เอ๋!? จริงเหรอ! ”
คุณคุซางาวะร้องออกมาอย่างตกใจ และไม่ใช่แค่นั้น ทุกคนในห้องตอนนี้ก็กำลังกระซิบกันอย่างเมามันถึงสิ่งที่ผมพึ่งพูดออกไป ในกลุ่มสาว ๆ ยิ่งเป็นประเด็นร้อนให้เมาท์กันหนักขึ้น แต่ในกลุ่มของพวกผู้ชายความเกลียดชังและความอาฆาตกลับยิ่งทวีคูณเป็นเท่าตัว
จากที่ต่อไปชีวิตผมจะยังอยู่รอดปลอดภัยดีไหมเนี่ย
” แล้วทำไมคนอย่างนายถึงได้ไปอยู่ชมรมด้วยกันกับรุ่นพี่ฮิเมมิยะกันแค่สองคนได้ล่ะ ”
ในระหว่างที่เกิดการซุบซิบถึงประเด็นของผมกับรุ่นพี่ยูกิ จู่ ๆ เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งก็เข้ามาพูดกับผมพร้อมด้วยใบหน้าเย็นชาที่แฝงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
หมอนี่คือ มัตซึดะ อิซาโอะ เพื่อนร่วมห้องที่เรียกว่าผู้เป็นจุดศูนย์กลางของห้องก็ว่าได้ แถมเป็นยังนักกีฬาฟุตบอลอีกต่างหาก อีกทั้งการเรียนก็เรียกว่าดีเกินค่าเฉลี่ยถึงจะไม่ได้โดดเด่นถึงขนาดติดท็อป 15 ของชั้นเรียนแบบผมแต่ก็ถือว่าเป็นคนเรียนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตาหรือฐานะทางบ้าน มัตซึดะ อิซาโอะ ก็ดีกว่าผมทุกด้านเห็นคงจะมีแต่เรื่องการเรียนที่ผมดูจะเหนือกว่า แต่ทำไมหมอนี้ถึงได้มองผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อฟะ! ผมไปทำอะไรให้งั้นเหรอ ?
” ก็แค่บังเอิญน่ะ อาจารย์นัสซุอยากให้ฉันเข้าชมรมนี้เท่านั้นเอง ”
เหตุผลมันอาจจะฟังดูบ้าบอนะ แต่ที่พูดไปทั้งหมดจริงยิ่งกว่าจริงอีก แต่ไม่รู้ว่าจะมีใครเชื่อหรือเปล่า
” หา? เหตุผลบ้าอะไรกัน! แล้วที่สำคัญเมื่อกี้นายกับรุ่นพี่ฮิเมมิยะออกไปไหนกันน่ะ ”
” ก็แค่เรื่องชมรมเท่านั้นแหละ ”
ผมบอกปัด ๆ เพราะขี้เกียจตอบแต่ใจจริงไม่อยากจะตอบมากกว่า ใครมันจะไปบอกกันล่ะว่าไปกินข้าวกับสาวสวยอันดับหนึ่งของโรงเรียนแถมยังได้กินข้าวกล่องฝีมือรุ่นพี่ยูกิอีก แบบนั้นมีหวังยิ่งโดนเค้นถามเข้าไปใหญ่
แต่แล้วสีหน้าของมัตซึดะกลับยิ่งเคร่งเครียดกว่าเดิม เหมือนรู้ว่าผมจะตอบแบบเลี่ยง ๆ เลยทำให้เจ้าตัวฉุนขึ้นมาก็ได้ นากาชิมะเห็นท่าไม่ดีเลยเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ให้
” น่า ๆ มัตซึดะอย่าไปถามมากเลย เรื่องบางอย่างเราก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้หรอกจริงไหม ”
” นั่นสิมัตซึดะคุง อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวของโฮโจคุงเค้าก็ได้ “
เอ่อ..ส่วนของนากาชิมะน่ะขอบคุณมาก แต่คุณคุซางาวะพูดแบบนั้นเดี๋ยวก็เข้าใจผิดกันพอดี ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องส่วนใหญ่อะไรขนาดนั้นก็เถอะแต่ใช้คำที่ดีกว่านี้ไม่ได้หรือไงแม่คุณ!
” เอ้า ๆ! กลับไปนั่งที่กันได้แล้ว ”
อาจารย์นัสซุเปิดประตูเข้ามาพร้อมทั้งตะโกนบอกให้ทุกคนกลับไปนั่งที่ มัตซึดะเลยกลับไปนั่งที่โดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อ และคุณคุซางาวะบอกว่าเดี๋ยวมาคุยด้วยใหม่นะโฮโจคุงแล้วก็วิ่งกลับไปที่นั่งของตัวเองทันที
เฮ้อ…กะแล้วเชียวการที่รุ่นพี่มาหาผมวันนี้ทำให้ผมกลายเป็นประเด็นของคนทั้งโรงเรียนไปซะแล้ว แต่ก็เอาเถอะยังไงมันก็ไม่ได้หนักหนาถึงขั้นรับไม่ไหวล่ะนะ ถึงจะโดนสายตาอาฆาตเยอะก็จริงอยู่ แต่คงไม่แย่เท่าไหร่
และแล้วก็ถึงเวลาเลิกเรียนผมรีบเก็บกระเป๋าโดยหวังจะไปที่ห้องชมรมให้เร็วที่สุด อย่างน้อยก็ขอไม่ตอบคำถามของใครก็พอ แต่ในระหว่างนั้นผมก็รู้สึกสั่น ๆ ที่กระเป๋ากางเกง สมาร์ตโฟนกำลังสั่นเนื่องจากมีข้อความเข้านั่นเอง
ผมเหยียบขึ้นมาดูในหน้าจอปรากฏหน้าต่างของแอปพลิเคชัน Mine ขึ้นมาโดยผู้ส่งก็คือรุ่นพี่ยูกินั่นเอง แน่นอนว่าต่อหน้าคนอื่นผมคงไม่เรียกชื่อของรุ่นพี่ออกไปโต้ง ๆ แน่ ไม่งั้นความเดือดของพวกผู้ชายน่าจะปรอทแตก
ถึงแม้ตอนนี้จะใกล้แล้วก็ตามที ผมเปิด Mine ดูก็เห็นข้อความที่รุ่นพี่ส่งมา
‘วันนี้เดินกลับบ้านด้วยกันได้ไหมคะ?’
เอ๊ะ!? เดินกลับด้วยกันเหรอ รุ่นพี่ยูกิอยากจะเดินกลับบ้านพร้อมผมเนี่ยนะ ให้ตายสิแค่คิดหัวใจของผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง งั้นแสดงว่าวันนี้ไม่ต้องเข้าชมรมสินะ
‘ได้สิครับ แล้วไม่เข้าชมรมเหรอครับวันนี้?’
ผมส่งข้อความกลับไปแน่นอนว่ามันขึ้นอ่านแทบจะทันทีเลยก็ว่าได้ และไม่นานเกิน 1 นาทีรุ่นพี่ก็ส่งข้อความกลับมา
‘ฉันอยากจะเดินกลับบ้านกับทาคายูกิคุงค่ะ ฉันจะรอที่หน้าประตูโรงเรียนนะคะ’
แม่เจ้าโว้ย!! ทำไมถึงได้น่ารักแบบนี้ล่ะครับรุ่นพี่! ทำไมถึงได้ทำตัวเหมือนแมวน้อยกำลังอ้อนเจ้าของอยู่ล่ะ คิดได้อย่างเดียวคือรุ่นพี่ก็กำลังแอบชอบผมอยู่เหมือนกัน
ตลอดอายุ 16 ปีที่ผมไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับความรัก ไม่ว่าจะตอนไหน และแน่นอนว่านึกภาพตัวเองมีแฟนไม่ออกเลยด้วยซ้ำ เรื่องราวอย่างเพื่อนสมัยเด็กที่จะแต่งงานด้วยกันก็ไม่มีเพราะแน่นอนว่าอย่างผมถ้านับเป็นตัวละครในมังงะคงเป็นแค่เพื่อนพระเอกหรือหนักกว่านั้นคือตัวประกอบ
เออแต่จะว่าไป ยังไม่รู้เลยนี่หว่า ว่ารุ่นพี่ไปเอา Mine หรือ ข้อมูลติดต่อของผมมาจากไหนทั้งที่ผมเองก็ไม่เคยบอก แต่ช่างเถอะ อาจจะถามเอาจากอาจารย์นัสซุก็ได้มั้ง
ผมรีบเก็บกระเป๋าแล้วออกจากห้องเรียน แน่นอนว่าเวลานี้เป็นเวลาพึ่งจะเลิกเรียน มีนักเรียนที่กำลังจะกลับบ้านเยอะพอสมควรแม้ว่าส่วนหนึ่งจะเข้าชมรมหลังเลิกเรียนแต่จำนวนของคนที่กลับบ้านก็ยังมากกว่าอยู่ดี
ในระหว่างที่เดินอยู่บนระเบียงทางเดินเพื่อที่กำลังจะลงบันได ก็เจอกับอาจารย์นัสซุ วันนี้ก็ยังดูดีไม่เปลี่ยนกับการแต่งตัวสไตล์ผู้จัดการบริษัท ด้วยกางเกงสแล็กสีดำที่เข้ารูป เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่ดูภูมิฐาน และยังใบหน้าที่สวยแบบผู้ใหญ่ แถมยังทรงผมที่ดูเป็นเอกลักษณ์
” ไงพ่อหนุ่มในข่าวลือ ”
” คำทักทายอะไรกันครับนั่น ”
ข่าวลือ ? หมายถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวันสินะ เรื่องที่ผมกับรุ่นพี่ยูกิไปด้วยกันคงดังไปทั่วโรงเรียนแล้ว แม้แต่ในบรรดาอาจารย์ก็ไม่เว้นงั้นสินะ
” ไม่เอาน่า~ ไม่ต้องเขินไปหรอกโฮโจ แล้วนี่ไปถึงขั้นไหนกันแล้วล่ะ ? “
” ผมไม่รู้ว่าอาจารย์กำลังพูดเรื่องอะไร เพราะงั้นขอตัวก่อนครับ ”
ไม่รู้ทำไมเส้นเลือดที่หัวของผมถึงได้เต้นตุบ ๆ ใช่ ๆ เพราะท่าทีกวนประสาทของอาจารย์นัสซุนั่นแหละ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นอาจารย์สาวสวยผู้ที่ทำให้ผมได้พบกับรุ่นพี่ยูกิคงโดนผมด่าไปแล้วแน่ ๆ
” แหม ๆ อย่าเขินไปเลยน่า เขาลือไปทั้งโรงเรียนเลยนะว่าไอดอลของโรงเรียนอย่างฮิเมมิยะ ยูกิกำลังคบหาอยู่กับเด็กปี 1 น่ะ ”
” ข่าวลือแบบนั้นมีคนเชื่อด้วยเหรอครับ ”
” ถ้าแค่ข่าวก็คงไม่เชื่อหรอก แต่มีคนเห็นว่า ฮิเมมิยะ ยูกิ ไปหาเด็กปี 1 คนนั้นถึงห้องเรียนเลยนะ ”
ทำไมข่าวมันถึงได้เดินทางด้วยความเร็วแสงแบบนี้ฟะเนี่ย! ยิ่งกับคนที่ไม่อยากจะให้รู้อย่างอาจารย์นัสซุตัวแสบแบบนี้แล้วเรียกว่าเลวร้ายที่สุด
” ก็แค่เรื่องของกิจกรรมชมรมเท่านั้นแหละครับ ”
” เอ๋ ? จะมีแค่นั้นจริง ๆ เหรอ ”
ให้ตายสิทำไมพวกผู้หญิงถึงเซนส์แรงกันจังฟะ คุณแม่ก็อีกคน หมู่นี้เริ่มมีคนพลังพิเศษตื่นหรือไงกันนะ
” เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ ผมมีเรื่องอยากจะถามอาจารย์หน่อย อาจารย์ได้ให้เบอร์โทรติดต่อของผมกับรุ่นพี่ยูกิหรือเปล่าครับ ”
” เอ๋ ? ก็ไม่นิ ถามทำไมงั้นเหรอ ”
อาจารย์นัสซุถามกลับมาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจว่าผมถามเรื่องนี้ไปทำไม ดูจากสีหน้าของอาจารย์แล้วคงจะไม่ได้โกหกจริง ๆ
” เปล่าครับ ไม่มีอะไร งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ”
” เดี๋ยวสิจะรีบไปไหน อ๊ะ! เมื่อกี้นายเรียกฮิเมมิยะว่ายูกิเหรอ ใช่ไหม แหม ๆ เรียกชื่อจริงกันแล้วเหรอ~ วัยรุ่นนี่ดีจังเลยน้า~ ”
” อาจารย์คงจะแก่จนหูตึงแล้วสินะครับ ”
ผมพูดจบแล้วออกเดินลงบันไดไปอย่างเร็วโดยที่มีคำด่าของอาจารย์ไล่หลังมาว่า
‘ เมื่อกี้นายว่าไงนะ! เจ้าบ้า! ‘
จะให้ต่อปากต่อคำกับอาจารย์นัสซุต่อก็คงจะเสียเวลาเปล่า ตอนนี้ผมรีบวิ่งไปหารุ่นพี่ที่รออยู่หน้าประตูทางเข้า
เมื่อผมออกจากตัวอาคารเรียนก็เห็น สาวสวยผมสีดำงดงามกำลังยืนที่หน้าประตูอย่างสงบ แน่นอนว่านักเรียนทุกคนที่เดินผ่านต่างจ้องมองเห็นตาเดียวกัน นั่นคือรุ่นพี่ยูกินั่นเอง
ผมที่เห็นรุ่นพี่ก็เดินเข้าไปหา ถึงจะเป็นเวลาหลังเลิกเรียนแต่ออร่าของรุ่นพี่ก็ดูจะไม่ลดลงเลย ไม่สิสวยกว่าเดิมด้วยซ้ำ
” รุ่นพี่รอนานหรือเปล่าครับ ขอโทษด้วยนะครับพอดีเมื่อกี้อาจารย์นัสซุเข้ามาคุยด้วยน่ะครับ ”
ทันทีที่ผมวิ่งเข้าไปทักรุ่นพี่ สายตาของคนรอบข้างที่กำลังเดินกลับบ้านก็ยิ่งหันมามองด้วยความสงสัย ทุกคนคงไม่คาดคิดว่าเด็กปี 1 ธรรมดา ๆ แบบผมจะคือคนที่รุ่นพี่ยูกิกำลังรอ
” ไม่หรอกค่ะ ว่าแต่คุยอะไรกับอาจารย์นัสซุมางั้นเหรอคะ ”
” เรื่องไร้สาระน่ะครับ ตามสไตล์ของอาจารย์แกน่ะครับ ”
คงไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องที่ถูกอาจารย์นัสซุแซวเรื่องผมกับรุ่นพี่หรอกนะ
” …อย่างงั้นเหรอคะ ฉันคงต้องลองไปคุยกับอาจารย์นัสซุดูบ้างแล้วสิ ”
รุ่นพี่กล่าวออกมาด้วยเสียงเย็น ๆ แปลก ๆ ดูอย่างกับไม่ค่อยพอใจในตัวของอาจารย์นัสซุเท่าไหร่ แม้ใบหน้าของรุ่นพี่จะยิ้มแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกว่ารุ่นพี่กำลังยิ้มเลยสักนิด
แต่ดูเหมือนว่าในระหว่างที่ผมกับรุ่นพี่คุยกันอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน พวกผมก็ตกเป็นเป้าสายของทุกคนที่เดินผ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมยังได้ยินเสียงซุบซิบนินทาไม่ขาดสาย
‘นี่ดูนั่นสิ! คุณฮิเมมิยะกับเด็กปี1 นัดเจอกันที่หน้าประตูด้วยล่ะ’
‘ข่าวลือที่ว่ากำลังคบกับเด็กปี1 นั่นจริงด้วยงั้นสินะ ‘
‘แต่รุ่นน้องคนนั้นดูจะธรรมดาไปหน่อยหรือเปล่า ถึงหน้าตาจะดูน่ารักดีก็เถอะ ‘
‘เจ้าโฮโจมันกำลังคบกับรุ่นพี่ฮิเมมิยะจริงด้วยเหรอเนี่ย! บ้าจริง!’
‘เจ้านั่นมันทำบุญด้วยอะไรฟะ! ทำไมพระเจ้าถึงได้ทอดทิ้งฉันแบบนี้ล่ะ!’
นี่คิดว่าเราผมไม่ได้ยินหรือไงกัน แต่เอาเถอะดูรุ่นพี่จะไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยด้วย ถ้ารุ่นพี่ไม่ลำบากหรือเดือดร้อนผมก็คงจะปล่อยผ่านได้
” งั้นเราไปกันเถอะค่ะ ”
รุ่นพี่กล่าวด้วยรอยยิ้มแสนหวานก่อนจะเดินนำผมไปเล็กน้อย ผมจึงเดินตามไปอย่างว่าง่าย แบบนี้มันเหมือนกับเดทหลังเลิกเรียนกับรุ่นพี่เลยไม่ใช่เหรอ
” แล้วนี่เราจะไปที่ไหนกันเหรอครับ ? “
ถ้าหากพูดถึงเวลาหนุ่มสาวกลับบ้านด้วยกันก็มักจะแวะสถานที่อื่น ๆ ก่อนใช่ไหมล่ะ ผมก็ที่อ่านมังงะหรือนิยายมากเยอะเลยเอามาใช้อ้างอิง
อย่างรุ่นพี่อาจจะเป็นร้านกาแฟหรือไม่ก็ร้านเครปก็ได้ พอนึกดูแล้วเวลารุ่นพี่ได้กินของอร่อยที่ตัวเองชอบจะเป็นยังไงนะ คงจะน่ารักมากแน่ ๆ
” บ้านของทาคายูกิคุงค่ะ ”
” งั้นเหรอครับ ถ้าอย่างงั้นเราไปกันเล- ”
หา ? อะไรนะ เมื่อกี้เหมือนมีอะไรวิ่งผ่านไปในสมอง
” รุ่นพี่เมื่อกี้ว่ายังไงนะครับ ”
ผมถามยืนยันอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ไม่แน่วันนี้ผมอาจจะเหนื่อยจนสมองล้าเกินไปเลยได้ยินอะไรแปลก ๆ ก็ได้
” บ้านของทาคายูกิคุงไงคะ ”
…
หาาา!!??