ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 527 ล้อม [รีไรท์]
ตอนที่ 527 ล้อม [รีไรท์]
ดวงอาทิตย์แผดเผาร้อนแรง แสงอาทิตย์สาดลงมาจนแสบตา!
ในที่สุดสายฟ้าก็ผ่าลงมาที่กระบี่หลงหยวนแล้ว!
เปรี้ยง!
ลำแสงนั้นกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ ตอนนั้นเองที่ตัวของกระบี่สีดำขนาดใหญ่นั้น ก็ปกคลุมด้วยประกายแสงที่สว่างเจิดจ้า!
ดวงอาทิตย์ที่อยู่บนท้องฟ้าก็ได้หายไปแล้ว ความมืดเข้ามาปกคลุมอย่างรวดเร็ว!
ในตอนนั้นกระบี่หลงหยวนก็ได้เปล่งประกายแสงออกมา!
เปลวเพลิงก็พวยพุ่งออกมาจากปลายกระบี่ และแตกระแหงไปตามพื้นดิน!
ความร้อนที่น่ากลัวได้พุ่งออกมาตามกระบี่หลงหยวน!
หลังจากนั้น เปลวไฟก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความร้อนผุดขึ้นมาจากพื้นเพิ่มขึ้น
อุณหภูมิที่อยู่รอบๆ ก็สูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
“หนี! หนีเร็ว!”
เมื่อโฉวติ่งเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็รู้สึกตกใจอย่างมาก รีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว!
แต่เขาเพิ่งเดินถอยหลังได้สองก้าว เขาก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด!
เมื่อหลังกลับไปมอง ก็เห็นว่าที่ร่างกายของเขามีเปลวเพลิงที่ลุกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เสื้อผ้าด้านหลังของเขาโดนไหม้หายไปในทันที
เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก ทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปหมด
เขารีบถอดเสื้อของตัวเองออกไปทันที! แต่ที่ด้านหลังของเขาก็มีรอยแผลผุพองหลายสิบจุดแล้ว!
แม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับตัวของเขาเอง แต่ความเจ็บปวดเหล่านั้นก็เป็นเรื่องจริง
เขาก็ไม่สนใจเรื่องอื่นแล้ว รีบหนีออกมาให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้!
ใครอยากจะรอต่อก็รอไปเถอะ!
ไม่แน่ว่ากระบี่หลงหยวนยังไม่ทันมา แต่ว่าตนเองอาจจะต้องตายไปก่อนก็ได้!
เขารีบบีบไข่มุกสัมฤทธิ์ที่อยู่ในมือของตัวเองให้แตกทันที!
ในตอนนั้นเอง ร่างของเขาก็หายไปจากจุดเดิมแล้ว
เรื่องราวทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น!
เมื่อหนิงเจียวเจียวและหยางเซิ่นเอ๋อร์เห็นดังนั้น ก็รู้สึกตกใจอย่างมาก
ไม่มีใครคาดคิดว่า สายฟ้าสายสุดท้ายของกระบี่หลงหยวนที่รอมาเนินนาน จะน่ากลัวขนาดนี้!
พวกนางทั้งสองรีบถอยหลังอย่างไม่ลังเล!
แต่แววตาก็ยังจ้องไปที่กระบี่หลงหยวนตาเขม็ง
พวกนางมองหน้ากัน ในแววตามีจิตสังหารปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด!
หนิงเจียวเจียวแค่นหัวเราะ
“ท้องฟ้าของอาณาจักรเทพเทียนลิ่งเปลี่ยนไปแล้ว หยางเซิ่นเอ๋อร์ เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ?”
ใบหน้าของหยางเซิ่นเอ๋อร์ไม่มีความเขินอายและหวาดกลัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว
นางยิ้มขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูโหดเหี้ยมอย่างมาก ทำให้คนที่มองรู้สึกเสียวสันหลังอย่างมาก
“เจ้ายังไม่ไป แล้วข้าจะไปได้อย่างใด? สายฟ้าของกระบี่หลงหยวนสายที่แปดสิบเอ็ดผ่าลงมาแล้ว มันกำลังเลือกเจ้านายคนใหม่! ตัวข้าที่ฝึกฝนด้านกระบี่มาตั้งแต่เด็ก และต่อไปจะเข้าไปในสำนักกระบี่เมฆาม่วง แต่กลับเจ้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับวิชากระบี่เลย เจ้าคิดว่า กระบี่หลงหยวนจะเลือกเจ้าหรือ?”
หนิงเจียวเจียวรู้สึกตกตะลึงไป
ก่อนหน้าที่นางจะมาที่นี่ นางไม่รู้ว่ากระบี่หลงหยวนจะตื่นขึ้นมา
แต่ในเมื่อนางมาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้นางยอมแพ้ได้อย่างใด?
นางไม่กลัวหนึ่งหมื่น แต่กลัวหนึ่งในหมื่น[1]
“หยางเซิ่นเอ๋อร์ เจ้าไม่เห็นมีอันใดน่าภูมิใจเลย เดิมทีกระบี่หลงหยวนคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากมันจะเลือกคนที่คุ้นเคยกับวิชากระบี่เป็นเจ้านายคนใหม่ มันคงเลือกไปนานแล้ว! จะให้รอมาถึงตาของเจ้าหรือ? กวางจะตายในมือของใคร ยังไม่รู้เลย!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เปลวเพลิงลูกหนึ่งก็ติดอยู่ที่ฝ่าเท้าของนาง!
หนิงเจียวเจียวสะกิดปลายเท้า เตรียมตัวจะบินขึ้น!
แต่ตอนนั้นนางก็ต้องตกใจมากว่าตนเองไม่สามารถลอยตัวขึ้นได้แล้ว!
“นี่มันเรื่องอันใดกัน?!”
นางรีบวิ่งหนีอย่างร้อนรน แล้วกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
หยางเซิ่นเอ๋อร์พบว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติไป สีหน้านางจึงเปลี่ยนสีไปทันที
หากนางไม่สามารถเหาะเหินได้แล้ว ช้าเร็วอย่างใด ก็ต้องตายในกองเพลิงอยู่ดี
พวกนางทั้งสองคนไม่สนใจเรื่องทะเลาะเบาะแว้งแล้ว เริ่มหาทางหนีอย่างจนตรอก
แต่เปลวเพลิงที่อยู่บนพื้นนั้นก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ พวกนางไม่สามารถหลบหลีกได้เลย!
ทันใดนั้นหยางเซิ่นเอ๋อร์ก็ชักกระบี่ออกมา ก่อนจะกระโดดขึ้นและลอยตัวอยู่กลางอากาศ!
ในตอนนี้นางก็สามารถหลบหนีจากเปลวเพลิงที่ไร้จุดสิ้นสุดได้แล้ว!
เมื่อหนิงเจียวเจียวเห็นดังนั้นก็กัดฟันกร๊อด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นม่านพลังสีเขียวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง พร้อมห่อหุ้มร่างของนางไว้
มีใครบ้างที่ไม่ได้เตรียมตัว!
ทั้งสองคนต่อสู้อย่างยากลำบาก แต่ส่วนทางด้านของเชียงหว่านโจว เขาก็อยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหนเลยแม้แต่น้อย
เขาแค่ถอยห่างออกไปเล็กน้อย แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปทางหลุมยุบเช่นเดิม
อีกทั้งรอบๆ ตัวของเขานั้น ไม่มีการป้องกันเลยแม้แต่น้อย
กองเพลิงโหดกระหน่ำอยู่รอบข้างเขา!
แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะทำตัวเหมือนไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อันใดเลย!
ความจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ทำอันใดเลย
…เขาแค่ใช้ไอเย็นในร่างกายของตนเองออกมาป้องกันการะลุกไหม้ของเปลวเพลิง
มีเพียงคนที่อยู่ใกล้ๆ เท่านั้น ถึงจะเห็นว่าบนผิวหนังของเขานั้น มีชั้นน้ำแข็งปกคลุมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ละลายหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
มันทำซ้ำไปซ้ำมาเช่นนั้นอยู่เรื่อยๆ
คนธรรมดาไม่สามารถทนต่อการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างสุดโต่งของอุณหภูมิรอบกายได้แน่นอน แต่สำหรับเชียงหว่านโจวแล้ว ก็คิดไม่ถึงว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใด
เพราะไอเย็นเหล่านี้สะสมในตัวของเขามาหลายปีแล้ว เขาเคยชินกับมันตั้งนานแล้ว
ตอนนี้สามารถยืมพลังของเปลวเพลิงทำให้ไอเย็นที่อยู่ในร่างกายค่อยๆ สลายหายไปได้ เมื่อเขาคิดดูแล้วก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวเลย
นอกจากนั้นก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่ก็ใช้โอสถช่วยเขาปรับสมดุลในร่างกายแล้ว ความอดทนต่อเปลวไฟของเขา จึงอยู่เหนือคนธรรมดาอย่างมาก
“เชียงหว่านโจวคนนั้นมีปัญหา”
หนิงเจียวเจียวสังเกตเห็นสถานการณ์ของเชียงหว่านโจวจึงพูดออกมาเสียงเบา
เมื่อเทียบท่าทางที่ดูน่าอับอายของนางกับหยางเซิ่นเอ๋อร์ ทางด้านเชียงหว่านโจวเหมือนจะยืนอยู่ได้อย่างสบายๆ
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองหยางดเซิ่นเอ๋อร์
ในตอนนั้นหยางเซิ่นเอ๋อร์ก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายดี
เดิมทีนางไม่อยากจะร่วมมือกับหนิงเจียวเจียว แต่เมื่อเห็นท่าทางที่สงบนิ่งของเชียงหว่านโจว ในใจของนางก็เริ่มรู้สึกสั่นไหวขึ้นมา
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็พยักหน้าเบาๆ
ทั้งสองคนจะบรรลุผลประโยชน์ร่วมกัน
หลังจากที่พวกนางหยุดนิ่งไปสักพัก พวกนางก็พุ่งไปทางเชียงหว่านโจวทันที!
เชียงหว่านโจวกำลังรอฉู่หลิวเยว่อย่างใจจดใจจ่อ
เพราะเขาสัมผัสได้ถึงปราณของนางแล้ว
แต่ในตอนนั้นเอง เขาก็รู้สึกความอันตรายกำลังพุ่งเข้ามา!
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา เขาก็เห็นว่าพวกนางทั้งสองคนกำลังวิ่งพุ่งเข้ามาหาเขา!
หนิงเจียวเจียวและหยางเซิ่นเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าประสาทของเชียงหว่านโจวจะเฉียบแหลมขนาดนี้ พวกนางจึงตกใจอย่างมาก
สิ่งที่พวกนางไม่รู้ก็คือ เชียงหว่านโจวเติบโตมาในชายแดนใต้ เขามีสัญชาตญาณระวังภัยเหมือนอสูรร้ายมาตั้งนานแล้ว
ดังนั้นเมื่อพวกนางคิดจะลงมือ ก็ถูกเขาจับได้แล้ว
ทั้งสามคนเงียบไปครู่หนึ่ง
หนิงเจียวเจียวยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มจอมปลอม
“พวกเรามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า…”
เชียงหว่านโจวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“พวกเจ้าจะร่วมมือกันกำจัดข้า”
นี่ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคบอกเล่า
ใบหน้าของหนิงเจียวเจียวแข็งค้าง
ตอนนั้นเอง หยางเซิ่นเอ๋อร์ก็พุ่งขึ้นไป เตรียมลงมือทันที!
ทันใดนั้นลูกดอกพิษก็ลอยออกไป!
เชียงหว่านโจวยกมือขึ้น เขาเปลี่ยนพลังสายหนึ่งเป็นดาบยาว!
เพล้ง!
เมื่อลูกดอกพิษกระทบกับปลายดาบ มันก็กระเด็นออกไปทันที! จากนั้นก็ตกลงไปในกองเพลิง ที่อยู่ด้านข้างแทน!
แต่ชั่วพริบตาเดียว ลูกดอกพิษนั้นก็ถูกหลอมละลายทันที!
มือของหยางเซิ่นเอ๋อร์สั่นเล็กน้อย
เชียงหว่านโจวลงมือได้อย่างแม่นยำและไร้ความปรานี อีกทั้งฝีมือยังแข็งแกร่งกว่านางมาก!
ส่วนทางด้านของหนิงเจียวเจียว นางก็ขว้างค่ายกลผลึกใสออกไป!
ค่ายกลขนาดใหญ่ ปรากฏอยู่เหนือศีรษะของเชียงหว่านโจวทันที! และกักขังตัวของเขาไว้ได้!
หนิงเจียวเจียวเองก็เป็นเพียงปรมาจารย์ระดับสี่ เพื่อที่จะชนะในงานหมื่นทูรครั้งนี้ นางจึงเตรียมการมาอย่างดี
ส่วนตราประทับที่อยู่บนค่ายกลคริสตัลนั้นเป็นระดับหก!
ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับหกก็ไม่สามารถหลบหนีออกมาจากด้านในนั้นได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นเชียงหว่านโจวเพิ่งผ่านระดับหกมาไม่นานนี้ด้วย!
เชียงหว่านโจวมองไปที่ค่ายกลนั้น
ลำแสงกลับสะท้อนในแววตาของเขา มันดูเปล่งประกายเหมือนดวงดาว!
เขาเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าซีดขาวของเขาเหมือนจะมีน้ำแข็งปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง
ในตอนที่หนิงเจียวเจียวและหยางเซิ่นเอ๋อร์กำลังคิดว่าตัวเองจะชนะแล้ว แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังลั่นของกระบี่หลงหยวน!
เปรี้ยง!
[1]ไม่กลัวหนึ่งหมื่น แต่กลัวหนึ่งในหมื่น คือ ไม่กลัวสิ่งที่คิดว่าอาจจะเกิดขึ้น กลัวก็แต่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาย