มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน (เฉินเกอรีรัน) - บทที่ 1350
มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน บทที่ 1350
“…เธอสำคัญมากเลยเหรอคะ…? แม้แต่เจอรัลด์ก็ยังตามหาเธอ… พูดตามตรงนะคะ ถ้าในตอนนั้นคุณย่าไม่หลอกล่อเขาด้วยดอกแด้ด แอนนี่ส์ ตอนนี้เขาก็คงตามหาเธอพบแล้ว!” ยูเมะพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“แน่นอนว่าเขายังคงตามหาเธออยู่! เพราะผู้หญิงในชุดขาวคนนี้เป็นคนรักของเจอรัลด์!” อีเร็ตตอบกลับขณะที่เธอหรี่ตาลง
“…เธอคือ…ของเจอรัลด์ อะไรนะคะ? แต่… เธออยู่ในโลงศพนั้นมาไม่ต่ำกว่าหลายหมื่นปีไม่ใช่เหรอคะ?” ยูเมะเอ่ยถาม ส่ายหน้าด้วยความไม่เชื่อ
“ถ้าจะให้ละเอียดกว่านี้ เธอชื่อไซล่า ล็อคแลนด์ และเธอคือคนรักของเจอรัลด์เมื่อชาติที่แล้ว! ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เลิกขัดจังหวะฉัน แล้วให้ฉันอธิบายให้ละเอียดก่อนที่เธอจะถามอะไรเพิ่มเติม! เธอจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อฉันอธิบายจบ!” อีเร็ตตอบกลับ ขณะที่เธอวาดแขนไปไขว้หลังเอาไว้ ก่อนจะเริ่มเดินไปเดินมาขณะที่เธอค่อย ๆ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ยูเมะฟัง…
ยูเมะตั้งใจฟังที่อีเร็ตเล่า “ถึงฉันจะมั่นใจว่าแกรู้อยู่แล้วว่าตระกูลของเราเป็นตระกูลเก่าแก่ ฉันไม่คิดว่าฉันเคยบอกแกเรื่องอารยธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่มานับแสนปีมาแล้ว… มันเป็นที่รู้จักกันในนามอารยธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่!”
“ในตอนนั้น สำนักฝึกโบราณมีกันอย่างแพร่หลาย จึงมีผู้ฝึกบรรลุทิพยญาณมากมาย เพราะเหตุนี้นักรบผู้ยิ่งใหญ่และทรงพลังจึงถือกำเนินขึ้นจำนวนมาก อีกทั้งพวกเขายังสามารถทำสิ่งที่เหนือความสามารถของมนุษย์ได้ อย่างการแยกภูเขา แสดงปาฏิหาริย์ หรือแม้กระทั่งควบคุมธาตุทั้งห้า! พวกเขามีอำนาจดุจเทพเจ้า!”
“แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในบรรดาพวกเขา ได้มีคนคนหนึ่งที่ไม่เพียงแต่ฝึกตนจนบรรลุทิพยญาณเท่านั้น แต่เขายังไปถึงขั้นเป็นอมตะ! นับตั้งแต่วันที่เขาบรรลุความเป็นอมตะ เขาก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ทั้งบนสวรรค์และบนโลก โดยไม่ต้องกลับชาติมาเกิดใหม่!”
ยูเมะรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเบิกตาขึ้นกว้าง พบว่าทุกอย่างที่คุณย่าเล่าให้เธอฟังทั้งแปลกและลึกลับ…
“แต่ความรุ่งโรจน์ของอารยธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่ก็เหมือนกับดาวตก หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือแม้มันจะทั้งสว่างไสวและพร่างพราว แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน อีกทั้งมันก็ไม่ได้ค่อย ๆ มอดดับลงด้วยเหมือนกันอารยธรรมทั้งหมดนั้นได้มลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยภายในคืนเดียว!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ยูเมะจึงอดถามขึ้นมาไม่ได้ “แต่…ถ้าอารยธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่มีอยู่จริง และผู้คนในตอนนั้นทรงพลังอย่างที่คุณย่าได้เอ่ยถึง พวกเขาจะหายไป หรือตายแค่ภายในชั่วข้ามคืนได้ยังไงคะคุณย่า?”
“เป็นเพราะวิญญาณศักดิ์สิทธิ์”
“…วิญญาณศักดิ์สิทธิ์เหรอคะ…?”
“ใช่! จำเอาไว้ว่ามีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมายบนโลกนี้ในช่วงที่มีอารยธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลที่ไม่รู้สาเหตุ จู่ ๆ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มดับสูญไป พวกเขาเริ่มหายไปโดยไม่มีวี่แววมาก่อน หากไม่มีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ให้พึ่งพา พวกคนที่ยังฝึกเพื่อบรรลุทิพยญาณอยู่ก็ไม่อาจเลี่ยงความล้มเหลวได้ และวิญญาณของพวกเขาก็จะถูกกำจัดไป ด้วยเหตุนี้ เมื่อไม่มีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คอยค้ำจุน คนที่มีร่างอมตะก็ไม่อาจรักษาพลังโบราณของเขาเอาไว้ได้!”
“…ถ้าเป็นแบบนี้ ก็หมายความว่าความพยายามทั้งหมดของเขาในการได้เป็นผู้ทรงพลังอำนาจที่สุดในตอนนั้นก็สูญเปล่าใช่ไหมคะ? สุดท้ายแล้ว แม้แต่เขาก็ไม่อาจต้านทานหายนะได้” ยูเมะถามกลับ
“นั่นคือสิ่งที่แกคิดผิด!” อีเร็ตพูดขึ้นพร้อมกับฝืนยิ้มออกมา ขณะที่เธอส่ายหน้า
“…หนูคิดผิดเหรอคะ…? ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าเขาเอาตัวรอดจากหายนะมาได้ ถึงเขาจะไม่สามารถรักษาร่างอมตะของเขาเอาไว้ได้เหรอคะ?”
“ใช่แล้ว สุดท้ายเขาก็ได้เป็นยอดปรมาจารย์ผู้เป็นอมตะในช่วงอารยธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่ ย้อนกลับไปตอนที่เกิดภัยพิบัติขึ้น เหล่าปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนไม่อาจสู้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงลงเอยด้วยความตายหรือไม่ก็หลบหนีถ้าพวกเขาทำได้! แต่ผู้ชายคนนั้นเลือกที่จะเผชิญกับการกลายร่างเหนือมนุษย์ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเขามีความเชี่ยวชาญในวิชากลายร่างเหนือมนุษย์ เขาเลือกที่จะบีบอัดจิตวิญญาณที่มีอยู่แต่เดิม และใช้การกลับมาเกิดใหม่เพื่อหลบเลี่ยงจากหายนะ เพื่อให้วัฏจักรนั้นสมบูรณ์ เขาต้องกลับมาเกิดใหม่ถึงเก้าครั้ง และนี่คือครั้งที่เก้าของเขา ในที่สุดเขาก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งในช่วงชีวิตนี้!”
หลังจากนั้นอีเร็ตต้องหยุดพักชั่วคราวเพื่อสงบสติอารมณ์สักพัก เมื่อเธอสลัดความรู้สึกออกไปได้แล้ว เธอจึงเล่าต่อ “วิญญาณบรรพกาลนั้นเป็นที่รู้จักในนามวิญญาณบรรพกาลอันทรงพลัง และการกลายร่างอันทรงพลังนี้เป็นสิ่งที่เขาทำให้เกิดขึ้นมาเอง มาจนถึงตอนนี้ แกเข้าใจแล้วใช่ไหมยูเมะ? ใครก็ตามที่สามารถจัดการกับวิญญาณบรรพกาลได้ จะสามารถฝึกฝนและสำเร็จร่างอมตะได้! สิ่งที่ฉันกำลังพูดตอนนี้คือ การที่ฉันบอกความลับอันยิ่งใหญ่กับแก! มีเพียงไม่กี่คนในโลกที่รู้เรื่องนี้!”
ขณะที่ลมหายใจของยูเมะถี่กระชั้นขึ้น เธอจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่เชื่อ “คุณย่าคะ…คุณย่าคงไม่ได้กำลังจะบอกว่า เจอรัลด์คือวิญญาณบรรพกาลของยอดปรมาจารย์ในตอนนั้นใช่ไหมคะ…?!”
เมื่อเห็นว่ายูเมะตกใจมาก อีเร็ตจึงตอบกลับไป “ใช่แล้ว ฉันยังรู้ดีอีกว่านอกจากตระกูลของเรา และประตูมิติแห่งการพิพากษาแล้ว ยังมีคนอื่นอีกมากที่พยายามตามหา และเข้าใกล้เขาด้วยเหมือนกัน!”
“จำเอาไว้ว่าเจอรัลด์ยังมีพลังที่ปลดปล่อยออกมาได้อีกมาก และยังมีโอกาสอีกมากให้เขาได้พัฒนาต่อไป ด้วยเหตุผลนี้ทั้งตระกูลของเราและประตูมิติแห่งการพิพากษาจึงหวาดกลัวเจอรัลด์ เราไม่เพียงแต่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ เท่านั้น แต่เราเกรงว่าจะทำร้ายเขาจนเกินไปอีกด้วย สุดท้ายแล้วใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราบังเอิญทำให้เขาโกรธมากจนพลังและความสามารถของเขาถูกเค้นให้ออกมา? เพราะแบบนี้สิ่งเดียวที่เรากล้าทำในตอนนี้คือ จับเขาให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก! เมื่อทำได้สำเร็จแล้ว เราจะค่อย ๆ คิดหาวิธีจัดการกับเขา!”
“รู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นการพนัน และมีเพียงทางเลือกเดียวที่จะเอาชนะได้ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วฉันก็อยากให้แกมองภาพรวมในตอนนี้ แกยังคิดว่าเจอรัลด์คือคนที่แกควรจะตกหลุมรักอยู่ไหม?” อีเร็ตถามอย่างเย็นชา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยูเมะก็ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ราวกับร่างกายของเธอไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ถ้าสิ่งที่อีเร็ตพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง… ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีทางที่เธอจะคู่ควรที่จะรักเขาจริง ๆ!