มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน (เฉินเกอรีรัน) - บทที่ 1325
มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน บทที่ 1325
“คาดไม่ถึงว่าไก่อ่อนอย่างนายจะมีกำลังภายในอันมหาศาลเช่นนี้!” อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าว พวกเขาทั้งสามคนดูเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น และได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ขณะที่พวกเขาจ้องมองเซมัส ซึ่งมีร่างกายที่ดูร้อนระอุ ด้วยความร้อนที่สูงเกินไปจากการใช้พลัง
แม้ว่าตอนนี้เซมัสจะหอบเล็กน้อย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาอดทนได้ดีในการต่อสู้ เมื่อรู้เช่นนั้น เขาก็พูดอย่างอวดดีว่า “ผมหวังว่าตอนนี้พวกคุณคงเข้าใจสิ่งที่พ่อและอาของผมพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วนะ! แค่ยอมจำนนเพื่อรักษาชีวิตของพวกคุณเอาไว้! นี่เป็นคำเตือน ถ้าหากพวกคุณยังฝืนสู้ต่อ ผมจะไม่ยั้งมืออีกต่อไป! จงเข้าใจว่าการมาเยือนของเราในวันนี้ มุ่งเป้าไปที่รูเพิร์ทเท่านั้น! ถ้ายังไม่อยากตายก็หลีกไป!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อาจารย์ทั้งสามก็ได้แต่ถอนหายใจ พวกเขาแทบจะไม่มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้หลงเหลืออยู่ในตัวอีกต่อไปแล้ว พวกเขารู้ดีว่า หากพวกเขาไม่สามารถโค่นเซมัสลงได้ แม้ว่าทั้งสามคนจะร่วมมือกันแล้วก็ตาม พวกเขาก็ลืมไปได้เลยว่าจะสามารถต่อกรกับแบรดลีย์ได้
เมื่อเห็นเช่นนั้น รูเพิร์ทและคนอื่น ๆ จากคิงวัลเลย์ก็รู้สึกราวกับว่า พวกเขากำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งหินของเหวลึก เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไปแล้ว รูเพิร์ทก็จ้องเขม็งไปที่แฟร์ลีห์ ก่อนจะตะโกนด้วยความโกรธว่า “เอาเลย!”
เมื่อได้ยินคำสั่ง มือปืนสองคนก็เผยตัวออกมาจากหลังโขดหินที่เรียงรายอยู่เป็นจำนวนมากของลานประลองในทันที! ทั้งสองคนได้รับการว่าจ้างด้วยเงินจำนวนมหาศาล และต่างก็อ้างตัวว่าเป็นเทพแห่งนักแม่นปืน ด้วยเหตุนี้ รูเพิร์ทจึงวางพวกเขาไว้เป็นแนวป้องกันสุดท้ายของเขา
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเปิดฉากยิง จู่ ๆ แบรดลีย์ก็ใช้กำลังภายในของเขายกหินสองก้อนขึ้นจากพื้น ก่อนจะขว้างมันใส่มือปืนทั้งสองโดยตรง! ก้อนหินลอยไปกระแทกเข้าที่หว่างคิ้วของพวกเขา ทำให้ทั้งคู่กรีดร้องพร้อมกัน ขณะที่ล้มลงกับพื้น!
จนถึงขณะนี้ พวกแฟร์ลีห์ที่เพิ่งปรากฏตัวได้เพียงสิบนาทีเท่านั้น ก็ทำให้คนของรูเพิร์ทที่มีฝีมือหลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัสและพ่ายแพ้ไป แม้ว่าจะยังมีบอดี้การ์ดอีกประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบคนที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเขา แต่รูเพิร์ทก็รู้ดีแก่ใจว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตเพื่อสิ่งนี้ เหลือเพียงอีกคนเดียวที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ก็คือตัวเขาเอง และผู้อาวุโสอีกสองสามคนเท่านั้น แต่มันก็แค่นั้น
ขณะที่เขากำลังจะก้าวออกไปข้างหน้า ฉันจะรับช่วงต่อเอง!”
แบรดลีย์จ้องรูเพิร์ทด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก และเริ่มเดินไปหาเขาอย่างช้า ๆ แต่น่ากลัวสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะนั้น ทั้งเฟลอร์และเยนนี่ก็วิ่งขึ้นไปที่ลานประลอง ทั้งสองรู้สึกตื่นตระหนก และประหลาดใจเป็นอย่างมากกับภาพความวุ่นวายที่กำลังพบเห็น จากนั้นพวกเธอก็ตะโกนขึ้นมาพร้อมกันว่า “พ่อ…!”
เมื่อถึงจุดนี้ ใบหน้าของรูเพิร์ทก็ซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ด้วยขาที่สั่นเทา เขาค่อย ๆ หันไปมองลูกสาวแสนสวยทั้งสองของเขา… แม้ว่าเขาจะกำหมัดแน่น และพยายามหักห้ามใจไม่ให้รู้สึกหวาดหวั่น แต่สุดท้ายเขาก็รู้ว่าเขาต้องทำแบบนี้อยู่ดี
“… เอาอย่างนี้ดีกว่า… แบรดลีย์ เฮอร์เชล… ผมขอบอกตามตรงว่า พวกเราไม่เคยโกรธแค้นอะไรพวกคุณเลยจริง ๆ… นับเป็นบุญที่บรรพบุรุษของคุณได้เรียนรู้ศิลปะการปรุงยาจากคิงวัลเลย์ของเรา และในที่สุดมันก็นำไปสู่การก่อตั้งแฟร์ลีห์วัลเลย์ขึ้นมาได้! ไม่ว่าจะยังไง ผมก็รู้อยู่เสมอว่าเซมัสสนใจในตัวเฟลอร์ของเรา… คุณจะว่ายังไง หากเราจะร่วมมือกันเปลี่ยนความเกลียดชังในครั้งนี้ให้กลายเป็นมิตรภาพ…?”
“ฮะ! นายคิดว่าหลานชายของฉันชอบเฟลอร์ของนายจริง ๆ เหรอ? หยุดพล่ามเสียที และปล่อยให้ฉันฆ่านายเลยดีกว่า! เมื่อจบเรื่องแล้ว ฉันจะเอาตัวลูกสาวของนายไป เพื่อให้หลานชายของฉันได้ตอบสนองความต้องการของเขา!” แบรดลีย์เย้ยหยัน และไม่คิดแม้แต่จะกลั่นกรองคำพูดของเขาอีกต่อไป ขณะที่เขาเริ่มเดินเข้าไปหารูเพิร์ทอย่างเอาจริงเอาจัง จากสิ่งที่ทุกคนเห็นตอนนี้ ความอาฆาตแค้นในใจของเขาได้มาถึงจุดเดือดแล้ว
ในขณะนั้น ไมลส์รีบวิ่งไปยืนต่อหน้ารูเพิร์ทพร้อมกับตะโกนว่า “นายท่าน!”
อย่างไรก็ตาม ในวินาทีที่เขาวิ่งไปถึงจุดนั้น แบรดลีย์ก็เพียงแค่เอามือตบไหล่ของไมลส์ จนทำให้เขาถึงกับยืนไม่อยู่ และล้มลงกับพื้นทันที!
แบรดลีย์ใช้หลังมือตบหน้ารูเพิร์ท เขายืนอยู่ต่อหน้าชายวัยกลางคนแล้วพูดว่า “นายรู้ไหม รูเพิร์ท เมื่อนายถูกกำจัดออกไปแล้ว แฟร์ลีห์วัลเลย์ก็จะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเคยต้องการมาโดยตลอด เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว นายคิดจริง ๆ เหรอว่าเราจะสนใจสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่นายยกมาเป็นข้อต่อรองกับเรา?”
“พ พี่ชาย พี่แบรดลีย์ ผมยอมรับในความผิดของผมแล้ว…! ตอนนั้นผมเองที่ตาบอด ดังนั้นโปรดยกโทษให้ผมด้วย…! ก่อนที่คุณจะทำอะไรวู่วาม โปรดจำไว้ว่าบรรพบุรุษของคุณสามารถสร้างทุกอย่างขึ้นมาได้เพราะคิงวัลเลย์! ด้วยเหตุนี้ คุณจึงไม่ควรกำจัดรากเหง้าของบรรพบุรุษของตัวเอง…!” รูเพิร์ทขอร้อง เมื่อตอนนี้ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเข้าได้แล้ว รูเพิร์ทที่ตัวสั่นเทาก็รู้ว่า เขาก็ไม่ต่างอะไรจากผู้ชายธรรมดาทั่วไป
เสี้ยววินาทีต่อมา แก้มขวาของรูเพิร์ทก็ถูกตบทันที!
“‘กำจัดรากเหง้าบรรพบุรุษของเราไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?’ นายพูดราวกับว่านายมีค่าพอที่จะเรียกตัวเองว่าอย่างนั้น! บอกเลยว่าสำหรับฉันแล้ว การฆ่านายนั้นง่ายเหมือนการทุบแมลงตัวหนึ่ง! นอกจากนั้นแล้ว เมื่อแฟร์ลีห์วัลเลย์เข้ายึดครองอุตสาหกรรมของคิงวัลเลย์แล้ว ฉันแน่ใจว่าหุบเขาอื่น ๆ ก็คงจะไม่กล้าพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน ฉันคิดถูกไหม?”
“ช ใช่! มันเป็นไปตามที่คุณพูด! ด้วยเหตุนี้ โปรดไว้ชีวิตผมด้วย พี่แบรดลีย์!” รูเพิร์ทขอร้อง เนื่องจากทนแรงกดดันไม่ไหวอีกต่อไป อันที่จริงเขากลัวมากจนคุกเข่าลงต่อหน้าลูกสาว และคนอื่น ๆ ทันทีด้วยเสียงที่ดัง ‘ตุ๊บ’ ก่อนจะกอดและเอาหน้าผากซุกขาของแบรดลีย์เอาไว้
ไม่ว่าเขาจะตัวใหญ่แค่ไหน แต่เขาก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง และยังคงกลัวความตายไม่ต่างจากคนอื่น ๆ ที่เขาพยายามยืนหยัดมาได้เป็นเวลานาน เพราะเขาเคยลิ้มรสอำนาจและความมั่งคั่งมาก่อน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขากลัวที่จะสูญเสียทรัพย์สินทางวัตถุมากกว่าชีวิตของเขาเองเสียอีก
เมื่อมองดูอดีตศัตรูของเขากำลังคุกเข่าอ้อนวอนเหมือนสุนัข แบรดลีย์ก็หัวเราะลั่นอย่างผู้มีชัยทันที ความไม่พอใจที่เขามีในใจมากว่าสิบปีดูเหมือนจะค่อย ๆ สลายไป
สำหรับอาจารย์ทั้งสามคนก่อนหน้านี้ พวกเขาได้แต่เอามือขึ้นมาทาบอกเอาไว้ และไม่แม้แต่จะก้าวเดินไปข้างหน้าหรือก้าวถอยหลัง พวกเขาแอบถอนหายใจอยู่ในใจ และคิดพร้อมกันว่า ‘วันนี้ช่างเป็นวันที่ผิดพลาดเสียจริง… ตอนนี้เราสูญเสียทุกอย่างไปแล้ว…’
เมื่อเห็นว่าผู้นำที่เคยยิ่งใหญ่ของซันฮิลล์ไรซ์มีสภาพที่ดูน่าสมเพชเวทนาเพียงใด หัวใจของทุกคนก็รู้สึกขมขื่นเป็นอย่างยิ่ง ท้ายที่สุด ไม่ว่าเขาจะคุกเข่าหรืออ้อนวอนขอความเมตตามากเพียงใด ชายคนนั้นก็ยังเป็นเจ้านายของพวกเขา
“นายท่าน คุณต้องไม่ทำแบบนี้…! การคุกเข่าในวันนี้ มีแต่จะทำให้คุณกลายเป็นเรื่องตลกให้คนในหุบเขาอื่น ๆ ครหาได้ เช่นเดียวกับลูกค้านักธุรกิจต่างชาติของเรา!” ไมลส์พูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ