มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน (เฉินเกอรีรัน) - บทที่ 1262
มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน บทที่ 1262
เจซรีบโน้มน้าวให้ทุกคนใจเย็นลง ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่
หากจะให้พูดตามตรง แม้แต่ตัวเจซเองก็ยังแปลกใจที่ได้ยินเจออรัลด์พูดเรื่องการระบายออกซิเจนจากเลือดเด็กขึ้นมา เพราะเขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย
แต่ถึงกระนั้น เขาได้เคยเห็นทักษะความสามารถของเจอรัลด์มาด้วยตาของตัวเอง เขาจึงเชื่อมั่นในตัวเจอรัลด์ และคิดว่าเขารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
“ห๊า! เห็นไหมครับ คุณหมอแมบบ์? ผมบอกแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ! เขาไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย! เด็กขนาดนี้ จะไปรู้เรื่องอะไรได้! ใครได้ยินคำอธิบายของเขา ก็คงจะคิดว่าเขากำลังมาถ่ายทำภาพยนตร์!” วอลบริดจ์บ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ
ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดเสียงดังชัดเจนนัก แต่ทุกคนในห้องก็ได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมา
เห็นได้ชัดว่า วอลบริดจ์อิจฉาริษยาเจอรัลด์ หลังจากที่เขาได้เห็นบริแอนน่า หญิงสาวที่เขาหลงรัก และยังเป็นศิษย์น้องของเขา มองเจอรัลด์ด้วยความชื่นชม และนั่นก็ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายของเขา!
ในเมื่อเจอรัลด์ทำให้เขาโกรธแค้น เขาจึงมีเจตนาที่จะทำให้เจอรัลด์รู้สึกอับอายต่อหน้าทุกคน
เมื่อได้ยินคำพูดของลูกศิษย์ของตัวเอง เจซก็มีสีหน้าอึมครึม ก่อนที่เขาจะหันไปมองหน้าวอลบริดจ์ และพูดว่า “เงียบก่อน วอลบริดจ์! ฉันเชื่อว่าคุณคลอฟอร์ดต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างถึงพูดแบบนั้นออกมา! ลองฟังดูก่อนว่า คุณคลอฟอร์ดจะพูดอะไรต่อ! แล้วถ้าทฤษฏีของเขาเป็นจริงขึ้นมาล่ะ?”
ขณะนี้เจอรัลด์เองก็มีสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก หากใครถูกวิจารณ์และทำให้อับอายแบบนั้น ย่อมรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
“ยังมีอะไรอีกมากมายในโลกนี้ ที่คนอย่างพวกคุณยังไม่รู้!” เจอรัลด์ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“… ผมขอถามได้ไหมครับ ว่ามันพอจะมีวิธีรักษาอาการเหล่านี้ไหม…?” เจซถาม เขาเลือกที่จะเชื่อในคำพูดของเจอรัลด์
“มีครับ การฝังเข็มและยาจะช่วยรักษาอาการเหล่านี้ได้ แต่ถึงกระนั้น เราก็ต้องรีบทำในทันที เพราะถ้ารอให้อวัยวะภายในล้มเหลวจนหมดแล้ว เราอาจจะรักษาชีวิตของเด็ก ๆ เอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว!”
“คุณรู้หรือเปล่าว่ากำลังใจร้อนมากแค่ไหน? เราจะมองการรักษาหลายร้อยชีวิตเป็นเรื่องเล่น ๆ ไม่ได้ คุณหมอแมบบ์! เขาเป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่ไม่มีประสบการณ์อะไรเลยด้วยซ้ำ! เขาจะรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?!” คุณหมออีกคนตะโกนด้วยความโมโห
“แล้วคุณมีความคิดที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ?” เจซพูดอย่างเย็นชา
“ถึงแม้ว่าผมจะไม่มี แต่เราก็ไม่ควรจะดำเนินการโดยไม่ไตร่ตรองแบบนี้! และอีกอย่าง เราจะให้ยากับเด็กทารกอย่างนั้นเหรอ? แล้วถ้าอาการของพวกเขาแย่ลง หลังจากที่ได้รับยาล่ะ? พวกคุณทุกคนก็น่าจะรู้ดีว่าเด็กทารกบอบบางมากแค่ไหน! เพราะฉะนั้น เราไม่ควรมองเรื่องสุขภาพของเด็กเล็กเป็นเรื่องเล่น ๆ จนกว่าจะคิดค้นวิธีรักษาที่เหมาะสมและถูกต้องได้!” หมออีกคนยกเหตุผลขึ้นมา เพราะไม่ต้องการเห็นเจอรัลด์มองการรักษาอาการของเด็กทารกเป็นเรื่องล้อเล่น
เซนเองก็หันมามองเจอรัลด์ เขากำลังคิดว่า เขาควรจะเชื่อคำพูดของเด็กหนุ่มคนนี้ดีหรือไม่ ถึงแม้ว่าคำอธิบายของเขาจะฟังดูโง่เง่าที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา แต่แววตาที่ดูแน่วแน่และจริงจังของเขา ก็ทำให้คนที่เห็นรู้สึกได้ถึงความเชื่อมั่นที่เขามี
เจอรัลด์มั่นใจกับคำตอบของเขาถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เซนก็ตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง ในเมื่อคนอื่น ๆ ไม่มีคำแนะนำที่ดีกว่านี้ เขาจะมีทางเลือกไหนอีก นอกจากเชื่อมั่นในคำแนะนำของเจอรัลด์?
“… ให้เขาลองดูก็แล้วกัน” เซนพูด
“… ว่าอย่างไรนะ? คุณจะให้เขาลองใช้วิธีนั้นเหรอ? แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบ ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา?!”
“ผมเอง!” เจซ เซน และเจอรัลด์ตะโกนขึ้นพร้อมกัน
หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสามคนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้ากันและกัน
“… ถ้าอย่างนั้นก็ได้! ในเมื่อคุณทั้งสามคน ตกลงที่จะรับผิดชอบผลที่จะตามมาร่วมกัน ก็เอาตามนั้นได้เลย!”
ในเมื่อมีคนโง่ยอมออกหน้ารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว พวกเขาก็ยอมปล่อยให้เจอรัลด์ได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ!
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พวกแพทย์เหล่านี้ไม่ได้สนใจเรื่องความเป็นความตายของเด็ก ๆ เลยแม้แต่น้อย พวกเขาสนใจแต่การปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง!
“แน่ใจนะครับ คุณหมอแมบบ์ ว่าคุณจะไม่ลองคิดดูใหม่อีกครั้ง? เราไม่ควรใจร้อนจนเกินไป! เรากำลังเดิมพันกับชีวิตคนเป็นร้อยเลยนะครับ! มันไม่ใช่แค่เรื่องคุณหญิงสมิทแค่คนเดียวแล้ว!” วอลบริดจ์พูดด้วยความริษยาที่ทวีคูณขึ้น เมื่อเห็นคณบดีเข้าข้างเจอรัลด์เหมือนกัน มันเป็นไปได้อย่างไร?
วอลบริดจ์ไม่อยากจะเชื่อว่าอาจารย์ของเขาจะเชื่อในคำพูดที่ไร้สาระของเจอรัลด์ ทำไมคุณหมอแมบบ์ถึงหลงเชื่อในทฤษฏีที่ไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ได้?
วอลบริดจ์ยิ่งประหลาดใจมากกว่าเดิม เมื่อเจซจ้องหน้าเขา ก่อนจะป่าวประกาศออกมาว่า “วอลบริดจ์ เธอ… ฉันมองเธอผิดไปจริง ๆ…!”
วอลบริดจ์ที่กำลังตกตะลึงตอบ “… อะไรนะครับ? ผม… ผมก็แค่ไม่อยากให้ชื่อเสียงของคุณดิ่งลงเหวเท่านั้นเองครับ คุณหมอ! เพราะคุณเองก็เป็นหมออัจฉริยะคนหนึ่ง!”
“ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ…มันเป็นแค่ฉายาที่คนไข้ของฉันตั้งให้เท่านั้น วอลบริดจ์ ฉันจะบอกให้เธอรู้เอาไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าชื่อเสียงของฉัน เป็นสิ่งเดียวที่ช่วยชีวิตคนเหล่านั้นได้ ฉันก็พร้อมจะโยนมันทิ้งไป! เธออายุสามสิบกว่าปี และเล่าเรียนการแพทย์มาเป็นเวลานานแล้วนะ วอลบริดจ์… ทำไมเธอยังมีวิธีคิดที่ผิดเพี้ยนแบบนี้อยู่อีก? ถ้าเธอยังคงเลือกเดินทางนี้ต่อไป ฉันเกรงว่าเธอจะไม่มีวันประสบความสำเร็จในโลกของวงการแพทย์อย่างแน่นอน!” เจซพูด ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกผิดหวัง
ใบหน้าของวอลบริดจ์บึ้งตึงด้วยควมโกรธและอิจฉา จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมา “…ม ไม่ว่าจะอย่างไร ผมก็ไม่เชื่อว่าเขาสามารถรักษาเด็ก ๆ ได้!”
“แล้วถ้าผมทำได้ล่ะ?” เจอรัลด์ถาม ในขณะที่จ้องหน้าวอลบริดจ์อย่างเยือกเย็น