อลินดานอนไม่หลับพลิกตัวไปมากระสับกระส่ายทั้งค่ำคืน เพราะรู้สึกระแวงแซคคารีย์ ที่ชายหนุ่มทำท่าทำทางเหมือนรู้ว่าหล่อนเป็นใคร แต่อีกใจก็แย้งว่าแซคคารีย์จะรู้ได้ยังไงกัน ในเมื่อหล่อนแต่งหน้าดำอัปลักษณ์แบบนี้
หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่ง สีหน้าอิดโรยไม่สดใสเลยแม้แต่น้อย หล่อนมองออกไปนอกหน้าต่างกระจก ก็เห็นแสงเงินยวงแต้มแต่งที่ขอบฟ้าไกล บอกให้รู้ว่าตอนนี้ใกล้จะเช้าแล้ว
เท้าบอบบางสีขาวสะอาดก้าวลงจากเตียง เดินตรงไปยังหน้าต่างห้องนอน พื้นห้องยังคงเย็นเฉียบ และทำให้หล่อนรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งหัวใจ
“ถ้าคุณแซคหายดีเป็นปกติเมื่อไหร่ ลินดาจะได้เดินจากไปอย่างหมดห่วง”
หยาดน้ำตาร่วงรินออกมาตามร่องแก้ม หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายทิ้ง แต่ยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งร่วงหล่นออกมาไม่ขาดสาย กลีบปากอิ่มสั่นระริกด้วยแรงสะอื้น
หล่อนยืนเหม่อลอยอยู่ตรงหน้าต่างยาวนาน มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงอะไรบางอย่างดังที่ประตูห้อง หล่อนรีบเปิดไฟ และกำลังจะขานเรียกออกไป แต่บานประตูไม้ก็ถูกผลักให้เปิดเข้ามาเสียก่อน พร้อมๆ กับผู้ชายที่นั่งในรถเข็น
อลินดาช็อกตาค้าง เพราะตัวเองยังไม่ได้ทาหน้าดำ และยังไม่ได้ติดไฝบนหน้าผากอีกด้วย
“คุณแซค…!”
“คุณมาทำอะไรในห้องของแก้วหรือนารี”
คำพูดจากปากของแซคคารีย์ทำให้คนที่ยืนหน้าซีดเผือดราวกับไก่ต้มต้องเป่าปากออกมาอย่างโล่งอก
นี่แซคคารีย์คิดว่าหล่อนเป็นนารีรัตน์อย่างนั้นเหรอ
“เอ่อ… คือว่า…”
“แล้วทำมาเช้าจัง” แซคคารีย์ยังคงถามต่ออีก สีหน้าของเขาราบเรียบไม่มีร่องรอยของความสงสัยใดๆ อยู่เลย
อลินดาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับสมอ้างตามที่ แซคคารีย์กำลังเข้าใจ
“คือนารี… จะมาคุยกับแก้วน่ะค่ะ จะกำชับให้ดูแลคุณแซคให้ดีๆ”
แซคคารีย์ระบายยิ้มให้กับหล่อน และเข็นรถเข็นเข้ามาหยุดตรงหน้า พร้อมกับดึงมือของหล่อนไปกุมเอาไว้
“บอกแล้วไงครับว่าไม่ต้องเป็นห่วงผมนารี แค่คุณแวะมาเยี่ยมผมบ่อยๆ แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว”
อลินดาควรจะยินดีกับพี่สาวสิที่แซคคารีย์พูดแบบนี้ออกมา แต่ทำไมนะ หัวใจถึงจุกแบบนี้
“ค่ะ… งั้นนารีขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิ จะไปไหนล่ะครับ”
จู่ๆ แซคคารีย์ที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็ลุกขึ้นยืน และคว้าร่างของหล่อนเข้าไปกอดแนบอก
“คุณแซค… จะทำอะไรคะ” หล่อนตกใจหน้าตาซีดเผือด “ปล่อยนารีก่อนนะคะ”
เขาไม่ปล่อยแถมยังก้มหน้าลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอของหล่อนอย่างหนักหน่วงหิวกระหาย
“ไม่ปล่อย…”
“คุณแซคคะ แต่ว่า… นารีต้องรีบกลับบ้าน”
เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอระหงของอลินดา และหรี่ตาแคบมอง สายตาของเขามีแต่ความหื่นกระหายจนหล่อนตกใจ
“ไม่เอา ผมไม่ยอม นอนกับผมก่อน”
“คุณแซค… อุ๊ยยย… ว๊ายยย”
ร่างของอลินดาถูกแซคคารีย์จับเหวี่ยงขึ้นไปบนเตียงนอน และเขาก็ทาบทับลงมาหาทั้งตัว
“ไม่คิดถึงกันบ้างหรือ”
“คุณแซค… อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ”
“คุณบอกว่ารักผมนี่นารี ถ้ารักผมก็ต้องนอนกับผมสิ ผมอยากเข้าไปในตัวของคุณจะแย่อยู่แล้ว”
อลินดาเจ็บไปทั้งหัวใจ ทั้งๆ ที่รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินมันคือความจริงที่ต้องยอมรับ
“แต่นารีไม่สะดวกตอนนี้ค่ะ ปล่อยเถอะนะคะ”
“ผมจะทำให้คุณสะดวกเอง…”
ไม่ใช่แค่น้ำเสียงของแซคคารีย์หรอกที่เต็มไปด้วยความโอหัง แต่สายตาและท่าทางของเขาก็แสนจะทระนงจนน่าหมั่นไส้ หล่อนส่ายหน้าไปมายืนยันความไม่เต็มใจของตัวเอง แต่เขาก็ไม่สนใจเลย เพราะไม่ช้าปากร้อนจัดที่บอกว่ารักนารีรัตน์ก็ทาบประกบลงมาหา ดูดกลืนคำปฏิเสธอ่อนแรงของหล่อนเข้าไปในลำคอแกร่งจนหมดสิ้น
อลินดาพยายามเม้มปากแน่น พยายามไม่ให้ความร่วมมือกับคนตัวโต แต่เขาช่ำชองและเชี่ยวชาญนัก แค่เพียงมือใหญ่เลื่อนต่ำลงไปกอบกุมที่ซอกขาอูมฉ่ำ สติของหล่อนก็แตกซ่านไม่เหลือชิ้นดี ปากที่เคยเม้มสนิท ตอนนี้เผยอกว้างจูบตอบ สองแขนที่ผลักไส ตอนนี้กระชากจิกทึ้งเส้นผมหนาดกให้แนบชิดลงมาหาสุดแรง
เสียงครางคำรามด้วยความพึงพอใจของแซคคารีย์ยิ่งทำให้หล่อนเดินหน้าทะลุเข้าไปในอีกมิติหนึ่งที่มีแต่ความหวามรัญจวนมากยิ่งขึ้น ยิ่งเขาจูบเรียกร้องมากเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งตอบสนองด้วยอารมณ์เดียวกันมากเท่านั้น
“อ๊า… อา…”
เขาถอนจุมพิตออกจากปากอิ่มบวมเจ่อ เลื่อนใบหน้าต่ำลงมาดูดกัดที่ซอกคอระหง ดูดแรงๆ จนเกิดรอยแดงช้ำ ในขณะที่ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปตามสัดส่วนอวบอัดทุกตารางนิ้ว ก่อนจะมาหยุดอิ่งอ้อยอยู่ที่กลีบสาวฉ่ำร้อน นิ้วยาวบี้คลึงเม็ดสวาทจนมันบวมเป่ง จากนั้นก็ดันนิ้วแกร่งลึกลงไปในซอกแคบ
“อ๊ะ…”
แซคคารีย์เคลื่อนไหวนิ้วแกร่งของตัวเองภายในร่องสวาทด้วยจังหวะร้อนฉ่า ในขณะที่ใบหน้าหล่อจัดเลื่อนต่ำลงมาคลุกเคล้าที่ร่องอกอวบอิ่ม เขาหยอกเย้ากับปลายถันชูชันด้วยลิ้นสาก โลมเลียจนยอดทรวงบวมเป่ง ก่อนจะอ้าปากดูดกลืนเม็ดปทุมเข้าไปในอุ้งปาก เขาโรมรันเม็ดเต่งด้วยปลายลิ้วและฟันคมกริบ ดูดเลียแรงๆ จนเจ้าของร่างกรีดร้องด้วยความเสียวซ่านทรมาน
“อา… คุณแซค… อ๊า…”
“ยังอยากให้ฉันหยุดอีกไหม”
หล่อนที่ถูกไฟสวาทครอบงำจนไหม้เกรียมปรือตาขึ้นมองคนตัวโต ก่อนจะวิงวอนไร้อย่างอาย
“อย่าหยุด… ได้โปรด… คุณแซค…”
แซคคารีย์หัวเราะพึงพอใจ เมื่ออลินดากระชากศีรษะของเขาให้ลงไปดูดอมปลายถันเต่งอีกครั้ง เขาดูดเลียด้วยลีลาที่ทำให้หล่อนต้องหยัดกายขึ้น ในขณะที่นิ้วยาวก็ยังคงเคลื่อนไหวที่ซอกขาอวบอย่างต่อเนื่อง
“ไม่ไหวแล้ว… คุณแซค… อ๊า…”
เขาเฝ้ามองแม่สาวน้อยคนสวยเกร็งกระตุกด้วยความพึงพอใจ หล่อนถึงสวรรค์อย่างร้อนแรงเลยทีเดียว
แซคคารีย์พยายามฉุดรั้งตัวเองเอาไว้ จากนั้นก็จับท่อนชายใหญ่ยาวจดจ่อดุนดัน
“เธอเป็นของฉัน จำเอาไว้… อืมมมม โอ้ว…”
“อ๊ะ… อ๊า…”
ความเป็นชายถูกดันลึกเข้าไปในร่างอวบที่คับแน่นจนน่าอัศจรรย์ แซคคารีย์สูดปากแรงๆ พยายามควบคุมจังหวะการเคลื่อนไหว แต่กระแสสวาทที่เกิดจากการบีบรัดของกลีบสาวภายในทำให้เขาสติแตก ความนุ่มนวลจึงหาไม่ได้จากการเคลื่อนไหวของเขาเลย ทุกจังหวะสอดใส่รุนแรงตะกรุมตะกราม กระแทกกระทั้นบดอัดราวกับมันคือสิ่งเดียวที่จะยื้อชีวิตต่อไปได้
เสียงกรีดร้องครวญครางด้วยความสุขสมของหญิงสาวใต้ร่างดังระงมขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ยังคงกระหน่ำเข้าใส่ความเป็นหญิงอย่างต่อเนื่อง รุนแรง ป่าเถื่อน และรัวระทึก
“โอ้ว… อืมมมม… ฟิตมาก”
ใบหน้าหล่อจัดแดงก่ำและบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน ปากกระด้างเผยอกว้างส่งเสียงครางตลอดเวลา ยิ่งสะโพกเปลือยกลมกลึงยกร่อนขึ้นหาเร่าร้อนเท่าไหร่ การเคลื่อนไหวของบั้นเอวแกร่งก็ร้อนแรงมากขึ้นเท่านั้น
เขาใส่ไม่ยั้ง สอดใส่ด้วยความตะกละตะกลาม ดื่มด่ำซึมซับกับความเสียวกระสันที่ไม่เคยมีหญิงใดมอบให้มาก่อนนอกจากผู้หญิงคนนี้อย่างหื่นกระหาย และไม่ช้าเขาก็แตกระส่ำออกมา
“อ๊ากกกก… โอ้ว… อืมมมมมม…”
กระแสธารสวาทฉีดพุ่งเข้าใส่ซอกลึกของร่างอวบสุดแรง เขาเกร็งกระตุกอยู่เหนือหล่อนอยู่นานเกือบนาที ก่อนจะซวบซบลงไปหาทั้งตัว
พายุสวาทแสนหฤหรรษ์ผ่านพ้นไปเกือบนานหลายที แต่อลินดาก็ยังคงนอนนิ่งอยู่ใต้ร่างทรงพลังของแซคคารีย์เช่นเดิม สองแขนกอดรัดเขาเอาไว้แน่น ความอิ่มเอมแทรกซึมอยู่ในเนื้อหัวใจมากล้น
หล่อนมีความสุขเหลือเกิน กับการได้กลับมาอยู่ในอ้อมแขนของ แซคคารีย์อีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้เลยว่าผู้หญิงที่เขาเสพสมด้วยเมื่อครู่นี้คือ อลินดา ไม่ใช่นารีรัตน์
หัวใจของหล่อนมันอ่อนไหว และไม่เคยเข้มแข็งได้เลย หากคู่ต่อกรคือผู้ชายคนนี้
น้ำตาแห่งความอัปยศอดสูไหลรินออกมาจนได้ และนั่นก็ทำให้ผู้ชายที่นอนทาบทับอยู่บนร่างขยับตัวขึ้นชะโงกมอง
“ร้องไห้ทำไม ฉันทำเจ็บหรือ”
หล่อนเสหลบสายตาคมกริบของแซคคารีย์ “ปละ เปล่าค่ะ นารีไม่ได้เจ็บ อ๊ะ…”
หล่อนถูกเขาก้มลงกัดยอดอกแรงๆ จนเจ็บร้าว “คุณแซคกัดนารีทำไมคะ อ๊ะ…” เขากัดอีกครั้งและคราวนี้แรงกว่าเดิม หล่อนเจ็บจนน้ำตาไหลริน
“ก็ถ้าแทนตัวเองว่านารีอีก ฉันจะกัดหัวนมเธอให้ขาดเชียว”
“คุณแซค?!”
นี่เขา… เขาพูดเหมือนรู้ว่าหล่อนคืออลินดา!
“ไม่ต้องมาทำหน้าตาตื่นเลย คิดว่าฉันโง่นักหรือไง”
เขากำลังพูดอะไรเนี่ย อลินดาเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว
“คุณแซค… หมายความว่าอะไรคะ”
“หึ”
หล่อนได้ยินเสียงห้าวคำรามในลำคอ ก่อนที่เขาจะเค้นเสียงดุกระด้างออกมาเสียงดังลั่น
“คิดว่าฉันโง่มากหรือไง อลินดา”
หล่อนหน้าซีดเผือด และรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “คุณแซค… เข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ฉันไม่ใช่… อลินดา… อ๊ะ…” ยอดถันของหล่อนถูกเขากัดอีกครั้งแต่ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นอีกข้าง
“ฉันรู้ทุกอย่าง เธอไม่มีวันตบตาฉันได้หรอกอลินดา”
“เอ่อ…”
“และไม่ต้องมาปฏิเสธ เพราะต่อให้เธอกลายเป็นเพียงแค่เถ้าธุลี ฉันก็จำเธอได้” แซคคารีย์ก้มหน้าลงมากระซิบชิดปากอิ่มที่กำลังสั่นเทาเพราะแรงสะอื้น “เพราะเธอเป็นเมียของฉัน”
“คุณแซค…”
“ต่อจากนี้เป็นต้นไป ฉันจะจับเธอมัดมือติดเอาไว้กับฉันตลอดเวลา”
“ไม่ได้นะคะคุณแซค…”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ในเมื่อวิธีนี้มันเป็นทางเดียวที่จะล่ามเธอเอาไว้ให้อยู่กับฉันทั้งชีวิต”
อลินดาสะอื้นเสียงดังด้วยความทรมาน “คุณแซคก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เรื่องของเรามันจบลงแล้ว และพี่นารีก็กลับมาแล้วด้วย”
“งั้นเธอกลับมาหาฉันอีกทำไม”
คำถามตรงไปตรงมาของแซคคารีย์ทำให้อลินดาต้องหันหน้าหนี หัวใจปวดร้าวทรมาน
“ฉันถาม ตอบมาสิ กลับมาทำไม ถ้าคิดว่าจะจบเรื่องของเราแล้วน่ะ”
“ลินดา… เป็นห่วงคุณแซคน่ะค่ะ”
“ฉันมีเรื่องให้เธอเป็นห่วงทั้งชีวิตนั่นแหละ ดังนั้นห้ามเธอหนีฉันไปไหนอีก เข้าใจไหม”
หล่อนหันหน้ามาสบประสานสายตากับเขา “ไม่ได้หรอกค่ะ ลินดาต้องไป ลินดาไม่ต้องการแย่งผู้ชายของพี่นารี”
“ฉันกับนารีเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว เพราะถึงไม่มีเธอ ฉันก็ไม่คิดจะกลับไปสานต่อความสัมพันธ์กับนารี”
“แต่พี่นารีรักคุณแซคมากนะคะ”
“แล้วเธอล่ะ รักฉันน้อยกว่าที่นารีรักหรือเปล่า”
“เอ่อ…” หล่อนพูดไม่ออก เสหลบสายตาคมกริบพัลวัน
“แต่ถ้าให้ฉันเดา เธอน่าจะรักฉันมาก เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่กลับมาหาฉันหรอก จริงไหม”
“ลินดาไม่ได้…”
“อย่าบอกนะว่าไม่ได้รักฉัน เพราะฉันไม่มีทางเชื่อ อืมมมม…”
ชายหนุ่มขยับตัวเคลื่อนไหวเบาๆ อย่างหยอกเย้า แต่แค่นั้นก็ทำให้คนตัวเล็กถึงกับครางฮือด้วยความเสียวกระสันเลยทีเดียว
“อ๊า… คุณแซค…”
แซคคารีย์ระบายยิ้มกว้าง ก้มลงจูบปากอิ่มหนักหน่วงอีกครั้งและแสนยาวนาน จนอลินดาแทบสำลักความสุขสมตายเลยทีเดียว และเมื่อถอนจูบ เขาก็กระซิบเสียงแหบพร่า
“มันทรมานเหลือเกิน ในค่ำคืนที่ไม่มีเธอ อลินดา…”
“คุณแซค…”
“ฉันจะไม่มีวันยอมให้เธอหายไปไหนอีกแล้ว เธอเป็นของฉันนะ อลินดา… เป็นเมียของฉัน…”
แล้วแซคคารีย์ก็นำพาให้หล่อนท่องสรวงสวรรค์ต่ออีกครั้งและอีกครั้ง จนหล่อนหมดเรี่ยวหมดแรงหลับใหลไปในที่สุด
MANGA DISCUSSION