ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 445 ศาสตร์แห่งคุณไสย
หัวหน้าพ่อบ้านส่ายหน้า “หลังจากทราบเรื่อง หม่อมฉันก็สั่งปิดทุกทางเข้าออกของจวนในทันที และได้ปรึกษากับลั่วอี้ ให้เขาส่งสายลับไปคอยจับตาความเคลื่อนไหวของทุกคนในจวน แต่ว่า คำสั่งปิดทางเข้าออกจวนคงจะใช้เป็นคำสั่งระยะยาวไม่ได้ เพราะจะต้องมีคนคอยออกไปซื้ออาหารการกินและข้าวของเครื่องใช้พ่ะย่ะค่ะ……”
หยุนชางเดินครุ่นคิดไปมา นางพูดขึ้นมาว่า “เช่นนั้นก็ปิดประตู 1 คืน เรามีเวลาเพียงคืนเดียวเท่านั้น จะต้องหาตุ๊กตาผ้านั่นให้เจอภายในคืนนี้ให้ได้”
“ค้นจวน?” หัวหน้าพ่อบ้านครุ่นคิด “แต่ว่าจวนของเรามีพวกข้ารับใช้เก่าแก่ของอดีตรัชทายาทอยู่ หากเราค้นจวนกระทันหัน เกรงว่าพวกเขาจะเกิดความสงสัยเอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นเราต้องคิดหาสาเหตุที่ทำให้ต้องค้นจวน” ลั่วชิงเหยียนขมวดคิ้ว “ไปบอกว่าเครื่องประดับหยกที่พระชายาพกติดตัวตลอดเวลาหายไป เกรงว่าในจวนจะมีโจรผู้ร้าย คืนนี้ทุกคนห้ามเข้านอกออกในจวนเป็นอันขาด และจงยอมให้เข้าไปตรวจค้นด้วย”
หัวหน้าพ่อบ้านรับคำ แล้วรีบไปจัดการ
หยุนชางและลั่วชิงเหยียนมองหน้ากัน พวกเขานั่งอยู่ในห้อง เฉี่ยนอินยกน้ำชามาถวาย หยุนชางยกถ้วยน้ำชาขึ้นมา “ในจวนมีคนมากหน้าหลายตา เป็นความผิดของหม่อมฉันเอง ที่ตอนเข้ามาในจวนไม่ได้ไล่บ่าวไพร่คนเก่าคนแก่ของอดีตรัชทายาทออกไปจากจวนเพคะ”
ลั่วชิงเหยียนส่ายหน้า “ไล่ออกไปได้แล้วอย่างไร สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด พวกเราพาคนจากข้างนอกจำนวนหนึ่งเข้ามาในจวน ผู้ที่ต้องการส่งคนเข้ามาสอดแนมเรา ทำให้เราต้องพบเจอกับปัญหาเช่นครานี้ ที่ผ่านมาเราคิดแค่เพียงไม่ให้คนอื่นๆเข้ามาในห้องส่วนตัวก็คงจะวางใจได้ แต่พวกเรากลับลืมคิดไปว่า ผืนดินทุกจุดของจวนรุ่ยอ๋องแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับข้า มีคนต้องการเล่นงานข้า ก็ไม่จำเป็นต้องบุกเข้ามาลงมือภายในห้องอย่างเดียว”
แล้วคนทั้งสองก็เงียบไป
เวลาค่อยๆเดินผ่านไป จนมาถึงช่วงเที่ยงคืน
ด้านนอกมีเสียงคนพูดคุยกันฟังไม่ถนัดเท่าใดนัก กาน้ำชาที่อยู่ตรงหน้าของหยุนชางถูกเติมน้ำเข้าไป 3 ครั้งแล้ว
“หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้! จะไปไหนน่ะ?” เสียงดังขึ้นมาจากด้านนอก หยุนชางรีบลุกแล้วตามไปดู ก็เห็นบ่าวไพร่กำลังถือคบเพลิง ท่าทางเหมือนกำลังไล่ล่าใครบางคน
หยุนชางหันไปส่งสัญญาณให้เฉี่ยนอิน เฉี่ยนอินปรบมือ ก็มีเงาดำ 2 เงาปรากฏกายขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน ก็จับตัวผู้ต้องสงสัยมาได้
หยุนชางจ้องมองชายวัยประมาณ 30 ปี เขาไม่ใช่คนรูปงาม ท่าทางของเขาช่างดูลุกลี้ลุกลนยิ่งนัก
“เจ้าจะวิ่งไปทำไม?” สายลับผลักเขาลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกเจ็บเป็นอย่างมาก
หัวหน้าพ่อบ้านเดินมาบอกว่า “ทูลท่านอ๋อง เขาคนนี้มีชื่อว่าโจวอี้ เป็นบ่าวไพร่ในห้องครัว เมื่อครู่นี้พวกเราได้ทำการค้นที่พักของเขา ก็ได้เห็นเขากำลังขุดดิน ท่าทางเหมือนกำลังฝังอะไรบางอย่าง เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เดินไป เขาก็คิดจะวิ่งหนีออกไปนอกจวน เมื่อเขาพบว่าประตูด้านหลังมีคนคอยเฝ้ายาม เขาก็พยายามที่จะวิ่งไปทางอื่นพ่ะย่ะค่ะ”
หยุนชางจ้องมองโจวอี้ นางเห็นว่าบริเวณอกของเขาเหมือนมีสิ่งของซุกซ่อนอยู่ด้านใน “นำของออกมาจากอกเขา”
สายลับรับคำ เขาเดินเข้าไปแล้วพยายามจะหยิบของออกจากอกของโจวอี้ โจวอี้เห็นดังนั้นแล้วก็กอดอกไว้แน่น ไม่ยอมให้สายลับเฉียดใกล้
สายลับสองคนพยายามช่วยกัน คนหนึ่งจับตัวเขาเอาไว้ อีกคนพยายามยื้อแย่งสิ่งของ ในที่สุดก็นำวัตถุต้องสงสัยออกมาได้สำเร็จ เป็นเสื้อชั้นในสีชมพูปักลายดอกกุหลาบ
หยุนชางขมวดคิ้ว “นี่มันอะไรกัน?”
โจวอี้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเห็นว่าของถูกแย่งไปให้คนอื่นๆดูแล้ว เขาก็รีบคุกเข่าในทันที “ไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเถิดพระชายา โปรดทรงไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันไม่ควรลักลอบทำเรื่องน่าอายกับสาวใช้ในจวน ขอพระชายาได้โปรดให้อภัยหม่อมฉันด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
หยุนชางถอนหายใจ นางแทบไม่อยากจะมองหน้าเขา “เอาตัวออกไป จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่เถิด”
หยุนชางคิดไม่ถึงเลยว่า การค้นจวนครั้งนี้จะได้เจอเรื่องเหลือเชื่อมากมาย ทั้งสาวใช้ขโมยเครื่องประดับของอีกคน ไหนจะบ่าวไพร่ลักเอาของในจวนไปเก็บเอาไว้ บทสรุปก็คือ ยังคงไม่พบร่องรอยของตุ๊กตาคุณไสย
หยุนชางขมวดคิ้วแล้วมองไปยังลั่วชิงเหยียน “ท่านอ๋อง นี่ก็ผ่านไปอีก 1 ชั่วยามแล้วนะเพคะ เรายังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย หม่อมฉันคิดว่าตอนนี้เราจะต้องใช้แผน 2 แผนแล้วเพคะ”
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้า “ชางเอ๋อร์คิดว่าเราควรจะทำเช่นไรกันดี?”
“นั่งรอไม่สู้ออกไปลุยหรอกเพคะ” หยุนชางเอ่ยขึ้น สีหน้าของนางในตอนนี้ไม่มีความกังวลหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย “ตุ๊กตาคุณไสยมีดวงพระชาตาของฮ่องเต้เขียนกำกับไว้ หม่อมฉันเพิ่งคิดได้ว่า ความจริงแล้ว ตุ๊กตาคุณไสยยังคงอยู่ภายในเขตจวนเพคะ ผู้ร้ายเพียงแค่ต้องการใช้ตุ๊กตาคุณไสยอีกตัวเพื่อใช้ในการกราบทูลฮ่องเต้ว่าได้พบตุ๊กตาเช่นนี้ในจวนของเรา เมื่อฮ่องเต้เสด็จมาทำการตรวจค้น ก็จะเข้าแผนของผู้ร้าย ถึงตอนนั้น ฮ่องเต้ก็จะมาเห็นพวกเรากำลังหาของ ทำให้ฮ่องเต้ปักใจเชื่อว่าเราได้ทำความผิดลงไปจริงๆ พวกเราต้องแย่แน่ๆเลยเพคะ”
“ในเวลานี้ ฮ่องเต้คงจะทรงพักผ่อนแล้ว สำหรับแผนการในวันนี้ พวกเราต้องเตรียมรถม้าให้พร้อม เพื่อเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้” หยุนชางพูดจบก็ให้เฉี่ยนอินสั่งการสายลับให้ส่งข่าวไปบอกหนิงเชียน ขอแค่คืนนี้ฮ่องเต้ทรงเลือกที่จะไปค้างคืนกับหนิงเชียน
ลั่วชิงเหยียนขมวดคิ้ว แล้วพยักหน้า “ข้าจะเข้าวังไปก่อน เจ้ารออยู่ที่จวนนี่แหละ”
แต่หยุนชางกลับส่ายหน้า “ท่านอ๋องอยู่ที่จวน หม่อมฉันจะเข้าวังเองเพคะ ในเวลานี้ ท่านอ๋องจะเสด็จเข้าไปในเขตวังหลังไม่ได้ จะต้องทรงรออยู่ที่ตำหนักหารือนะเพคะ”
ลั่วชิงเหยียนฟังแล้วก็คิดตามอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะให้หัวหน้าพ่อบ้าน เฉี่ยนอิน และลั่วอี้อยู่ค้นจวนต่อไป ข้าจะเข้าวังไปกับเจ้าด้วย”
หยุนชางรู้ดีว่าเขาอดเป็นห่วงนางไม่ได้ จึงจำต้องพยักหน้าอย่างจำใจ นางสั่งให้หัวหน้าพ่อบ้านไปเตรียมม้า แล้วขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังพระราชวังในทันที
ประตูวังในเวลานี้ได้ถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา ทหารยามที่คอยเฝ้าประตูเห็นลั่วชิงเหยียนมาก็ตกใจ “ท่านอ๋องและพระชายา ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ต้องการเข้าไปในวังด้วยเหตุด่วนอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“มีเรื่องด่วนที่ต้องเข้าไปกราบทูลฮ่องเต้ ช่วยเปิดประตูให้ที” ลั่วชิงเหยียนชูป้ายประจำตัว ทหารยามรับป้ายมาตรวจดูสักพักก็พยักหน้าแล้วเปิดประตูวังให้คนทั้งสองเข้าไป
ลั่วชิงเหยียนเข้าไปในเขตวังหลังไม่ได้ เขาได้แค่เพียงรออยู่ที่ตำหนักหารือ หยุนชางถามขันทีดูแล้ว ราวกับสวรรค์เข้าข้าง ทุกอย่างเป็นไปตามที่หยุนชางปรารถนา สถานที่ที่เซี่ยหวนอวี่ทรงเลือกที่จะมาค้างคืนในคืนนี้ ก็คือตำหนักของเฉี่ยนอิน
หยุนชางจึงมุ่งหน้าไปยังตำหนักเซียงจู๋
แม้จะเป็นเวลาดึกสงัด แต่ที่ด้านนอกตำหนักเซียงจู๋กลับมีคน 1 คนกำลังยืนคอยอยู่ หยุนชางขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าคนคนนั้นก็คือองค์หญิงไท่อัน หยุนชางใช้ความคิด แล้วนางก็ไปแอบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ คอยสังเกตด้านหน้าของตำหนักเซียงจู๋
“ให้ข้าเข้าไป ข้าต้องการพบเสด็จพี่ พวกเจ้ากล้ามาขวางทางข้าเชียวหรือ? ระวังข้าจะไปทูลฟ้องเสด็จพี่ พวกเจ้าจงระวังตัวเอาไว้เถอะ!” องค์หญิงไท่อันพูดเสียงกร้าว
นางกำนัลที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูรีบเอ่ยขึ้นมาว่า “องค์หญิงพระทัยเย็นไว้ก่อนเถิดเพคะ ไม่ใช่ว่าหม่อมฉันมิให้พระองค์เข้าไป แต่ว่านี่เป็นรับสั่งจากฮ่องเต้ ห้ามทุกคนเข้าไปรบกวนด้านใน หม่อมฉันขัดพระบัญชาของฮ่องเต้ไม่ได้จริงๆเพคะ”
องค์หญิงไท่อันสะบัดหน้า
นางกำนัลที่ติดตามนางมาก็พูดว่า “องค์หญิง ไว้ตอนเช้าพวกเราค่อยมากันใหม่เถิดนะเพคะ นี่เราก็รอมาเกือบๆ 1 ชั่วยามแล้ว นิสัยของฮ่องเต้เป็นอย่างไร พระองค์ก็คงจะเข้าพระทัยดี อย่าทำให้ฮ่องเต้พิโรธเลยนะเพคะ”
องค์หญิงไท่อันเงียบไป นางยืนอยู่ที่เดิมสักพัก ไม่นานนักก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาสะบัดอย่างแรง “ไป ข้าจะกลับตำหนักแล้ว”
หยุนชางเห็นคนทั้งสองเดินออกไป จึงค่อยๆออกมาจากที่ซ่อน นางเดินไปตรงหน้าตำหนักเซียงจู๋แล้วมองดูนางกำนัลที่กำลังยืนเฝ้าอยู่ นางยิ้ม “พระชายารุ่ยอ๋องมีเรื่องด่วนขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้และเซียงกุ้ยผิน รบกวนพวกเจ้าช่วยเข้าไปรายงานด้วย”
นางกำนัลเหล่านั้นมองหน้ากันไปมา แล้วค่อยๆตอบว่า “เชิญเสด็จเพคะ พระชายา ก่อนหน้านี้พระสนมได้ทรงสั่งเอาไว้แล้ว หากพระชายาเสด็จมา ก็ให้เข้าไปด้านในได้เลย ที่ด้านในมีคนรออยู่แล้วเพคะ”