ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 438 องค์หญิงเชียนหลิงต้องพิษ
หยุนชางเรียกเฉี่ยนอินมาช่วยนางแต่งตัวทำผม เมื่อเสร็จแล้วก็มีคนมาจากในวัง ไม่ใช่หลิวเหวินอัน แต่กลับเป็นขันทีของฮองเฮา “พระชายา เมื่อคืนนี้องค์หญิงเชียนหลิงทรงปวดท้อง หมอหลวงวินิจฉัยออกมาว่านางต้องพิษ ฮองเฮาจึงเรียกตัวพระชายาเข้าวังพ่ะย่ะค่ะ”
หยุนชางยกมือขึ้นลูบปิ่นดอกบ๊วยพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย ท่าทางราวกับกำลังประหลาดใจมาก “องค์หญิงเชียนหลิงถูกวางยาพิษ?”
ขันทีผู้นั้นรีบตอบใช่และกล่าวเสริมอีกว่า “ฮองเฮาเรียกตัวทุกคนที่เมื่อวานได้สัมผัสกับองค์หญิงมารวมกันพ่ะย่ะค่ะ เมื่อวานนี้องค์หญิงมาที่จวนอ๋องและพระชายาส่งนางกลับวัง ฮองเฮาบอกว่าพระชายามีเมตตาทั้งยังรูปโฉมงดงามต้องไม่ทำเรื่องเช่นนั้นแน่ เพียงแต่ขั้นตอนที่ควรปฏิบัติก็ต้องทำเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นอาจตกเป็นขี้ปากของผู้อื่นได้พ่ะย่ะค่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง… ” หยุนชางหรี่ตาและพยักหน้าลง “เช่นนั้นข้าจะตามเจ้าเข้าวังไปก็แล้วกัน”
ในยามที่หยุนชางมาถึงวัง ตำหนักหยุนชีของหยุนกุ้ยเฟยก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว ฮองเฮาสังเกตเห็นนางเป็นคนแรก “พระชายารุ่ยอ๋องมาถึงแล้วหรือ? มานั่งลงตรงนี้เถอะ” นางพูดและสั่งให้คนไปยกเก้าอี้มา หยุนชางเข้าไปถวายพระพรอย่างสง่างาม จากนั้นจึงเดินไปนั่งลงที่ด้านข้าง ใบหน้าฉายแววกังวลเล็กน้อย “หม่อมฉันได้ยินมาว่าองค์หญิงเชียนหลิงถูกวางยาพิษตั้งแต่เช้า ตอนนี้นางสบายดีไหมเพคะ?”
“หมอหลวงกำลังรักษาอยู่ นางโวยวายปวดท้องทั้งคืน เมื่อครู่ข้าเพิ่งไปเยี่ยมนางมา ใบหน้าน้อยๆ นั้นซีดขาวจนน่าสงสาร” ใบหน้าของฮองเฮาก็ดูหม่นหมองเช่นกัน
“จับตัวคนร้ายได้หรือยังเพคะ?” หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองผู้คนในตำหนัก นอกจากเหล่านางกำนัลและขันทีแล้ว ยังมีนางสนมอีกสองสามคน สีหน้าของผู้คนในตำหนักต่างก็ดูหนักอึ้ง
ฮองเฮาส่ายหัวเล็กน้อย “ยังเลย องค์หญิงเชียนหลิงเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทมาโดยตลอด เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ช่างน่าเจ็บใจนัก เราต้องไม่ปล่อยให้คนร้ายลอยนวลไปได้” ฮองเฮาพูดแล้วก็หันไปมองนางกำนัลอาวุโสด้านข้าง “แม่นม ดูเหมือนเมื่อวานเชียนหลิงจะไปที่ตำหนักเซียงจู๋ เซียงกุ้ยผินมาที่นี่หรือยัง?”
เซียงกุ้ยผิน นั่นไม่ใช่หนิงเชียนหรอกหรือ?
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไปแล้วจึงเอ่ยกับฮองเฮาว่า “เมื่อวานองค์หญิงเชียนหลิงไปที่ตำหนักเซียงจู๋กับหม่อมฉันจริงๆ แต่ตอนนั้นฝ่าบาทก็อยู่ด้วย องค์หญิงเชียนหลิงก็อยู่ในอ้อมแขนฝ่าบาทตลอดเวลา ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สัมผัสกับเซียงกุ้ยผินเลย”
“ไม่ได้สัมผัสก็ไม่ได้หมายความว่าจะพ้นข้อสงสัย หม่อมฉันก็ไม่ได้สัมผัสตัวองค์หญิงเลย เพียงแต่องค์หญิงเชียนหลิงชอบกินอาหาร นางกินอัลมอนด์ที่ตำหนักของหม่อมฉัน บางทีองค์หญิงเชียนหลิงอาจกินอะไรบางอย่างเข้าตอนอยู่ที่ตำหนักเซียงจู๋ก็เป็นได้” หญิงสาวด้านข้างที่แต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายสวยงามแค่นเสียงเย็นชาและตอบกลับอย่างดูแคลน
หยุนชางเห็นฮองเฮาขมวดคิ้วเล็กน้อยราวไม่พอใจ แต่เพียงแค่กวาดตามองนางแล้วสั่งว่า “ส่งคนไปที่ตำหนักเซียงจู๋แล้วเชิญผินกุ้ยเฟยมาที่นี่”
เซี่ยหวนอวี่ไม่อยู่ที่นี่ หยุนชางแอบคิดในใจว่าเมื่อเช้าตอนที่นางได้รับข่าว ลั่วชิงเหยียนยังไม่ได้เข้าวังมาเข้าเฝ้าและหากองค์หญิงเชียนหลิงเกิดความผิดปกติตั้งแต่เมื่อคืนนี้ หยุนกุ้ยเฟยก็ไม่มีเหตุผลที่จะปิดบัง เชียนหลิงเป็นองค์หญิงอันเป็นดังแก้วตาดวงใจของเขา หากหยุนกุ้ยเฟยรายงานเรื่องนี้ให้เซี่ยหวนอวี่รู้ เขาย่อมจะต้องมาดูแน่
ในใจหยุนชางคิดกลับไปกลับมาหลายครั้ง สงสัยว่าเมื่อวานนี้เซี่ยหวนอวี่ไปพักอยู่ที่ไหน?
คำถามในใจของหยุนชางยังไม่ได้รับคำตอบ เซี่ยหวนอวี่ก็มาถึงตามหลังด้วยหนิงเชียนที่สวมชุดสีเรียบ
เซี่ยหวนอวี่ดูโมโหเล็กน้อย เขาเดินเข้ามาในตำหนักโดยไม่สนใจเหล่าคนที่ย่อกายถวายพระพร เขาเดินตรงไปหาสนมผู้มีเสน่ห์คนนั้น “เมื่อคืนเชียนหลิงเกิดเรื่องเช่นนี้ ทำไมเจ้าจึงปิดบังข้า? หากข้าไม่ได้ออกจากว่าราชการแล้วไปที่ตำหนักเซียงจู๋แล้วได้ยินเซียงกุ้นผินเอ่ยถึง เกรงว่าข้าก็คงยังถูกปิดบังอยู่”
นางสนมผู้นั้นดูเหมือนจะตกใจเป็นอย่างมาก นางรีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “หม่อมฉัน หม่อมฉันคิดไม่ถึง…”
เซี่ยฮวนหยูโกรธจัด ยกเท้าขึ้นถีบหญิงสาวผู้นั้น “คิดไม่ถึง? เจ้าคิดไม่ถึงอะไร?” เขาพูดแล้วหันไปหาฮองเฮา “แล้วหมอหลวงล่ะ? หมอหลวงว่ายังไง?”
ฮองเฮารีบตอบอย่างรวดเร็ว “หมอหลวงกำลังดูอยู่เพคะ เมื่อคืนค่อนข้างร้ายแรง หมอหลวงเกรงว่าจะยุ่งยาก หยุนกุ้ยเฟยกำลังเฝ้าอยู่ในห้องด้านหลัง ฝ่าบาทจะเข้าไปดูข้างในหรือไม่เพคะ?”
เซี่ยหวนอวี่ไม่ตอบสนอง เขาสาวเท้าเข้าไปยังห้องด้านหลัง ฮองเฮาก็เดินตามเข้าไปเช่นกัน หยุนชางก้มศีรษะลงเล็กน้อยยืนอยู่ที่เดิม สายตาเหลือบมองหนิงเชียนอย่างเงียบๆ หนิงเชียนแอบใช้มือส่งสัญญาณให้หยุนชางแล้วจึงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
หญิงที่ถูกถีบลงไปกองกับพื้นกัดฟันคุกเข่าตัวตรง ดวงตาของนางแข็งกระด้างเล็กน้อย
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นเพราะศึกแย่งชิงความโปรดปรานในวังหลัง หยุนกุ้ยเฟยส่งคนไปรายงานว่าองค์หญิงเชียนหลิงปวดท้อง ขณะนั้นเซี่ยหวนอวี่คงจะพักอยู่ในตำหนักของนางสนมผู้นี้ นางคิดว่านั่นเป็นวิธีการที่หยุนกุ้ยเฟยจะดึงดูดความสนใจของเซี่ยหวนอวี่มาที่ตำหนักหยุนซีจึงจงใจขัดขวางการรายงานนั้น
เกรงว่านางสนมผู้นี้จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้อีกต่อไป เพียงแต่เมื่อดูท่าทางของนางแล้ว ดูเหมือนนางจะยังไม่รู้ตัวเลยสักนิด
ทันใดนั้นเสียงตวาดของเซี่ยหวนอวี่ก็ดังขึ้นจากห้องด้านหลัง “ใช้ยาที่ดีที่สุดของเจิ้น หากรักษาไม่หายก็ตัดหัวมาให้เจิ้น”
หยุนชางขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางนึกว่าองค์หญิงเชียนหลิงผู้นี้จะเพียงต้องพิษเล็กน้อย แต่เมื่อฟังเสียงของเซี่ยหวนอวี่แล้วก็ดูร้ายแรงไม่เบา
ขณะที่นางกำลังคิดก็เห็นเซี่ยหวนอวี่เดินออกมาอีกครั้ง เขาเดินไปหานางสนมผู้นั้นและถีบนางอีกครั้งแล้วสั่งหลิวเหวินอันว่า “ลากนางผู้หญิงสารเลวนี่ออกไปขังไว้ในตำหนักเย็น”
หยุนชางเห็นว่าสีหน้าดูแคลนเมื่อครู่ของนางสนมนั้นเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน นางมองเซี่ยหวนอวี่อย่างแทบไม่เชื่อสายตา นางคิดไม่ออกว่าทำไมคนรักที่เมื่อวานยังคงนอนด้วยกันอย่างอ่อนโยนจึงได้เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา จนกระทั่งเมื่อขันทีเข้ามาจับแขนนาง ทันใดนั้นนางจึงได้สติ “ฝ่าบาทๆ หม่อมฉันถูกปรักปรำ หม่อมฉันไม่รู้ว่าองค์หญิงเชียนหลิงจะป่วยหนักเช่นนี้ จริงสิ ขันทีที่เฝ้าประตูตำหนัก เขาบอกว่าเขาเห็นท่าทางของนางกำนัลนั่นดูเย่อหยิ่งจองหองราวกับองค์หญิงไม่ได้เป็นอะไร หม่อมฉันจึงคิดว่าหยุนกุ้ยเฟยต้องการแย่งฝ่าบาทไป ฝ่าบาทไม่ได้มาหาหม่อมฉันสามเดือนกว่าแล้ว หม่อมฉันจะให้นางแย่งชิงโอกาสอันล้ำค่านี้ไปได้อย่างไร…”
เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้ว “เอาตัวไป นางกำนัลทั้งหมดในตำหนักของเหมยกุ้ยเหริน ให้ส่งตัวไปที่สำนักซักล้างให้หมด
เมื่อเหมยกุ้ยเหรินได้ยินดังนั้น นางก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างขมขื่นและต้องการจะอ้อนวอน แต่ขันทีหยิบก้อนผ้ามาปิดปากนางไว้แล้วจึงลากนางลงไป
ฮองเฮาถอนหายใจเบาๆ และย่อกายให้เซี่ยหวนอวี่เล็กน้อย “หม่อมฉันที่ล้มเหลวในการดูแลนางสนมในวัง เป็นความผิดของหม่อมฉันเองเพคะ”
“ตอนนี้แต่ละคนต่างก็บอกว่าตนเองมีความผิด? มันจะมีประโยชน์อะไร? ยังไม่รีบไปหาตัวคนร้ายอีก?” เซี่ยหวนอวี่แค่นเสียงเย็นชาแล้วนั่งบนที่เก้าอี้หลัก