ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 194 ฮวากั๋วกงเข้าเฝ้าจิ้งอ๋องง
หลังจากถูกจิ้งอ๋องพูดตัดบทแล้ว. หยุนชางกลับลืมเรื่องราวที่จะพูดก่อนหน้านั้นไปหมดสิ้น ครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็นึกไม่ออกพลางถอนหายใจออกมา ตั้งใจจะไม่คุยกับจิ้งอ๋องอีกต่อไป พลางได้ยินจิ้งอ๋องเอ่ยขึ้นมาว่า "ท่านตาของเจ้าส่งจดหมายมาบอกว่า พรุ่งนี้ท่านจะมาที่พระราชวัง" หยุงชางเงียบไป
สักพักถึงรีบร้อนถามต่อว่า "จริงหรือ? ช่วงเวลานี้ เสด็จแม่ใกล้จะคลอดแล้ว ท่านตาจะมาที่พระราชวังทำไมกัน"
จิ้งอ๋องขบริมฝีปากพลางกลั้นยิ้ม "หืม ? คุณชายเซียวจะมาที่พระราชวังงั้นหรือ ข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย"
เมื่อหยุนชางเห็นดวงตาแพรวพราวระยิบระยับของจิ้งอ๋อง จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกเสียแล้ว แววตาที่ดูอับสิ้นหนทางนั้น นางไม่คิดมาก่อนเลยว่า เทพเจ้าสงครามอย่างจิ้งอ๋องก็จะมีช่วงเวลาแบบนี้ด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะอดไม่ได้ที่จะแกล้งนางแต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีลักษณะเช่นนี้เมื่ออยู่ต่อหน้านางเท่านั้น ทว่ายังอดมิได้ที่จะมีกลิ่นเปรี้ยวๆหวานๆ ออกมา
ถึงแม้ว่าสถาณการณ์อารมณ์แบบนี้เพิ่งจะเกิดขึ้น กลับถูกหยุนชางปัดตกไปทั้งสิ้น ตอนนี้มีปัญหามากเกินไปแล้ว นางยังมีกะจิตกะใจมาคิดถึงเรื่องแบบนี้งั้นหรือ
หนุนชางก้มหน้าลงไม่พูดจาอะไร เดินเข้าไปในตำหนักฉิงซินอย่างรีบร้อนโดยไม่รีรอจิ้งอ๋อง ฉินยีนำอาภรณ์สีเหลืองไข่ห่านออกมาให้หยุนชางผลัดเปลี่ยน หยุนชางมองดูรูปร่างที่สะท้อนอยู่ในกระจกพลางขวดคิ้วลง "สีแบบนี้ เหมาะกับสาวน้อยใส่มากกว่ากระมัง"
รอยยิ้มพาดผ่านในดวงตาของฉินยีที่มองไปยังหยุนชาง "องค์หญิง ท่านมิใช่สาวน้อยอยู่หรอกหรือ?"
หยุนชางตกตะลึงไปเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ เนื่องจากตัวเองมีความทรงจำของชาติที่แล้วอยู่ด้วย ดังนั้นจึงคิดว่าตัวเองอายุมิได้อายุน้อยแล้ว ไม่คิดว่าตัวเองในตอนนี้เพิ่งจะอยู่ในวัยปักปิ่น
เมื่อหยุนชางเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จแล้ว จึงเดินออกมาเห็นจิ้งอ๋องจ้องมองมาที่ตัวเอง ใบหน้าของหยุนชางสีแดงระเรื่อ รู้สึกเสียดายที่เมื่อครู่มิได้ขอให้ฉินยีเปลี่ยนอาภรณ์กลับให้
จิ้งอ๋องมองเห็นใบหน้าที่ไม่สบายใจของหยุนชางแล้วยิ้มพลางลุกขึ้นมา "ไปกันเถอะ วันนี้คงจะมีหลายสิ่งที่เราต้องรับมือ "
หยุนชางพยักหน้ารับคำ พลางเดินตามหลังจิ้งอ๋องออกไป ได้ยินเสียงจิ้งอ๋องเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ว่า "ข้าให้คนไปตรวจดูสถาณที่ตั้งงานเลี้ยงชมบุปผชาติแล้ว หากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น พวกเราจะได้รับมือทัน"
เมื่อได้ยินจิ้งอ๋องพูดถึงเรื่องนี้ หยุนชางพลันสงบจิตใจลง " หลี่จิ้งเหยียนคงไม่สบายใจเป็นแน่ ทว่าเขาคงจะคาดเดาได้ว่าพวกเราเตรียมการรับมือไว้ หากพวกเราได้รับอันตรายใด ๆ จากงานบุปผชาติ บุคลที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกนั้นต้องเป็นเขา ในเมื่อท่านกับเขาไม่ลงรอยกัน ทำไมเขาต้องมาเสี่ยงตัวเองอะไรแบบนี้ด้วยเล่า"
จิ้งอ๋องนิ่งพลางครุ่นคิด ถึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ ว่า "บางที เขาอาจจะไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเราก็เป็นได้"
หยุนชางได้ยินดังนั้น ก็เข้าใจความหมายที่ที่จิ้งอ๋องสื่อออกมาทันที "ท่านหมายถึง เขาอาจจะให้พวกเราเป็นแพะรับบาปหรือ ?" ไม่ทันได้คำตอบจากจิ้งอ๋อง "พรุ่งนี้ ในงานเลี้ยงชมบุปผชาติ อาจจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น"
จิ้งอ๋องได้ยินอย่างนั้นพลางเลิกคิ้วพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ พร้อมแสร้งทำเป็นถอนหายใจออกมา "ไม่คิดว่า เจ้าจะคิดคำนวณเองสิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า โดยมิคิดจะพึ่งพาคนอื่นเชียวหรือ"
หยุนชางนึกถึงชีวิตในชาติที่แล้วตระกลูหลี่ทำอะไรกับเธอไว้บ้าง ความเกลียดชังพาดผ่านในแววตา " หากจะตีหมาป่า ต้องไม่วิ่งหนี นี้ไม่ใช่โอกาสที่ดีหรอกหรือเป็นเขาที่พาตัวเองมาที่นี่ หม่อมฉันจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไร"
หยุนชางและจิ้งอ๋องเดินมาถึงหน้าประตูวังแล้วนั้น คนขับรถม้าตระกูลหลี่จอดรออยู่ก่อนแล้ว ทว่าเมื่อเห็นหยุนชางและจิ้งอ๋องเดินมาด้วยกันนั้น หลี่จิ้งเหยียนจึงรีบร้อนลงมาจากรถม้าพลางโบกมือหาจิ้งอ๋อง " กระหม่อมเห็นรถม้าของท่านอ๋องแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้น กระหม่อมขอไม่เชิญท่านอ๋องมานั่งรถม้าร่วมกับกระหม่อมนะพะยะคะ ขอท่านอ๋องนั่งรถม้าตามกระหม่อมมา"
จิ้งอ๋องตอบรับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พร้อมทั้งพยุงหยุนชางขึ้นรถม้า
งานเลี้ยงชมบุปผชาติจัดขึ้นณ สถาณที่ที่เฟื่องฟูที่สุดในพระราชวัง ตั้งอยู่ในถนนทิศตะวันออกของเมืองหลวง บนถนนเส้นทางหลักถูกสร้างเป็นหอคอยสูงใหญ่ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารที่ล้วนติดอันดับหนึ่งในสิบของเมืองหลวง ด้านล่างเป็นที่โล่ง ทำให้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการจราจรแต่อย่างใด
"พรุ่งนี้เพียงแค่ นำโต๊ะเก้าอี้มาวางบนหอคอยทั้งสองข้าง ก็สามารถจัดเป็นงานเลี้ยงใหญ่โตได้" หลี่จิ้งเหยียนยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ
ดวงตาที่สดใสของ หยุนชางยิ้มพร้อมพูดว่า" ท่านเสนาบดีทุ่มเทกับการทำงานเสียจริง งานที่ออกมามีความคิดสร้างสรรค์ยิ่งนัก "
ไม่ว่าใครก็ชอบคำพูดที่ยกยอปอปั้น ไม่เว้นแม้แต่เสนาบดีหลี่ ถึงแม้ว่าผู้ที่ยกย่องจะเป็นบุคคลที่ตนเองไม่ชอบก็ตาม ทว่าในใจของเสนาบดีก็ยังมีความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง
เมื่อพูดถึงรายละเอียดของการคัดสรรดอกไม้เพื่อเลือกสาวงามแล้ว หยุนชางกับจิ้งอ๋องก็ให้ความร่วมมือในการฝึกซ้อมการแสดงเป็นอย่างดี เสนาบดีหลี่พอใจยิ่งนักถึงกับเอ๋ยชมหลายรอบ "ท่านทั้งสองช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก"
เสนบดีหลีพาทั้งสองไปรับประทานอาหารบนภัตตาคาร พลางสั่งให้คนนำอาภรณ์มาส่งให้ และจากไป
หยุนชางจ้องมองไปยังอาภรณ์พร้อมทั้งยิ้มอย่างสนใจ "เนื้อผ้าของอาภรณ์ชุดนี้ ชั่งน่าสนใจเสียจริง"
เมื่อจิ้งอ๋องได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้ามองมาที่หยุนชางพลางเลิกคิ้วอย่างสนใจ "หื้ม ? ชางเอ๋อร์ดูเหมือนจะรู้จักเนื้อผ้านี้ดี ทำไมมิเคยเห็นพูดให้เปิ่งหวางฟังบ้างเล่า"
หยุนชางยิ้มเพียงเล็กน้อย พลางนำมือมาจับเนื้อผ้า "ผ้าผืนนี้คือไหมป่า เป็นเนื้อผ้าหายาก เป็นผ้าที่คนมิค่อยรู้จักมากนัก เนื้อผ้าบางเบา อาภรณ์ชุดนี้มีถึงหกชั้น ทว่าหากสวมใส่เข้าไปแล้วน้ำหนักจะเท่ากับชุดธรรมดาที่สวมใส่เพียงแค่สองชั้นเท่านั้น นั่นจึงทำให้ผู้คนนำเนื้อผ้านี้มาใช้ทำอาภรณ์ค่อนข้างน้อย อีกเหตุผลนึงคือกลิ่นของเนื้อผ้า หากสวมใส่เข้าไปแล้วมีเหงื่อออกก็จะทำให้มีกลิ่นเหม็นมาก"
จิ้งอ๋องเงียบไปสักพัก จึงพูดขึ้นมาว่า "ถ้าอย่างนั้นหลี่จิ้งเหยียนทำทุกวิธีทางเพื่อนำผ้าผืนนี้มาทำเป็นอาภรณ์ให้เราสวมใส่เพื่ออะไร"
หยุนชางก้มหน้าลงพร้อมจ้องมองอาภรณ์สีชาดในมือ เนื้อผ้านั้นมีความนุ่มเรียบเป็นอย่างมาก หากใครได้เห็นก็จะรับรู้ได้ว่าเป็นเนื้อผ้าหายาก ทว่าหยุนชางนั้นรู้ถึงความลับของเนื้อผ้าผืนนี้ดี ดวงตาแวววาวแปล่งประกาย "บางที หม่อมฉันอาจจะรู้เหตุผลนั้นแล้วเพคะ"
หยุนชางเงยหน้าขึ้นมามองจิ้งอ๋อง "อาภรณ์ชุดนี้หม่อมฉันขอนำกลับไปที่วังนะเพคะ พรุ่งนี้หม่อมฉันจะนำไปให้พระองค์ที่วังของท่าน"
จิ้งอ๋องพยักหน้ารับคำ "ตกลง"
เมื่อจิ้งอ๋องส่งหยุนชางกลับถึงประตูวังแล้ว จึงกลับไปยังจวนจิ้งอ๋อง เมื่อเดินเข้ายังจวนจิ้งอ๋อง พลางเห็นพ่อบ้านรีบร้อนเดินมาหา "ท่านอ๋อง ฮวากั๋วกงแคว้นเซี่ยมาขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ"
"หื้ม? มานานแล้วหรือ ?"จิ้งอ๋องประสานมือไว้ในเสื้อ พลางสอบถาม
พ่อบ้านรีบตอบกลับ "ประมาณหนึ่งก้านธูปได้แล้วพะยะค่ะ กระหม่อมแจ้งกับท่านกั๋งกงแล้วว่าท่านอ๋องเข้าวังแล้วอาจจะไม่กลับจวน ทว่าท่านกั๋วกงเพียงตอบว่าจะรอท่านอ๋องที่จวน กระหม่อมเห็นว่าท่านฮวากั๋วกงอายุเยอะแล้ว อีกทั้งยังเป็นอำมาตย์ผู้ช่วยของแคว้นเซี่ย กระหม่อมจึงให้รออยู่ที่ห้องโถงด้านหน้าของจวน"
จิ้งอ๋องพยักหน้า "เจ้าทำได้ดีมาก ช่วยไปนำชามาให้เปิ่นหวางหน่อยเถิด"
จิ้งอ๋องพูดจบพลางเดินไปยังห้องโถงด้านหน้าของจวน เมื่อเดินเข้าไปยังห้องโถงแล้ว พลางเห็นฮวากั๋วกงยืนหันหลังให้ประตู เสมือนจ้องมองอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อจิ้งอ๋องเดินเข้าไปพลางหยุดยืนดูรูปภาพรูปหนึ่ง นั้นคือภาพม้าร้อยตัว ซึ่งเป็นภาพที่จิ้งอ๋องวาดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทว่าพ่อบ้านบอกว่ามันดูเข้ากับกับตัวตนของเขาในฐานะเทพเจ้าแห่งสงคราม จึงแขวนภาพวาดไว้ที่ห้องโถงด้านหน้า
เมี่อราชครูได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามานั้น จึงหันกายกลับมา จิ้งอ๋องผงะไปเล็กน้อย ทำไมแววตาของท่านฮวากั๋วกงถึงมีแววตาโศกเศร้าอยู่ในนั้น ?
ทว่าเป็นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น เมื่อจิ้งอ๋องกระพริบตากลับพบว่าอารมณ์ในดวงตาของท่านกั๋วกงได้หายไปแล้ว เหลือแต่เพียงรอยยิ้มที่มองมายังจิ้งอ๋อง พร้อมพูดขึ้นมาว่า "ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ?"
จิ้งอ๋องพยักหน้ารับ พร้อมทั้งเดินลงไปนั่งบนแท่นนั่ง "ไม่ทราบว่าท่านกั๋วกงมาเข้าเฝ้า ขออภัยที่ทำให้กั๋วกงรอนานแล้ว"
ฮวากั๋วกงส่ายหัวปฏิเสธ "เป็นกระหม่อมที่มิได้บอกกล่าวท่านก่อน เมื่อนึกได้จึงรีบร้อนมาหาท่าน แต่มิคิดว่าท่านจะไม่อยุ่ที่จวน "
"ฮวากั๋วกงมาหาเปิ่นหวางเช่นนี้ มีเรื่องอะไรหรือ ? "จิ้งอ๋องพลางหันไปหาฮวากั๋วกงที่นั่งลงแล้ว