ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 162 หัวจิ้งแท้งบุตร
เมื่อหยุนชางออกมาจากป่า ท่าหยุนดูหงุดหงิดเล็กน้อย และท่าทีของม้าดูรุนแรงขึ้นมาก มันวิ่งไปที่เส้นชัย หยุนชางแสร้งทำเป็นทรงม้าไม่เป็นและรู้สึกตกใจอย่างมาก หลายครั้งเกือบจะตกจากหลังม้า เมื่อเข้าใกล้เส้นชัยมากขึ้น หยุนชางก็เห็นชางยางอวี่เอ๋อร์และจิ่งเหวินซีมองมาที่ตนด้วยสายตาที่เยาะเย้ย นางจึงตบที่คอของท่าหยุน ท่าหยุนก็เร่งความเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน ดวงตาของหยุนชางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และเมื่อตัวนางกระเด็นออกจากหลังม้า ร่างกายนางเอนตัวและกระแทกลงกับพื้น
"ชางเอ๋อร์…" หยุนชางได้ยินเสียงร้อยนี้ดังขึ้นมาสองเสียง เสียงหนึ่งเป็นของจิ้งอ๋อง และอีกเสียงหนึ่งมาจากจักรพรรดิหนิง
หยุนชางเห็นว่าตนกำลังจะกระแทกลงที่พื้น จากนั้นก็เห็นเงาร่างสีม่วงและแดงพุ่งเข้ามาที่ตน และนางก็ตกลงในอ้อมกอดที่อบอุ่นอย่างปลอดภัย
แม้ว่าตนจะควบคุมความเร็วที่กระแทกลงมาไว้ได้ แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เสียงของจิ้งอ๋องดังขึ้น "เกิดอะไรขึ้น?"
หยุนชางเบะริมฝีปากและลืมตาขึ้น แต่กลับพบหวังจินเหยียนยืนอยู่ตรงหน้าตนด้วยความกังวล ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "องค์หญิงเป็นอย่างไรหรือไม่ขอรับ?"
หยุนชางตกตะลึงอยู่นาน จึงส่ายหัว นางดูเหมือนหญิงสาวที่ตกใจเป็นอย่างมาก หยุนชางชี้ไปที่ท่าหยุนที่วิ่งไปหมอบลงกับพื้นและกล่าวว่า "ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อสักครู่นี้ทุกอย่างยังปกติอย่างมาก แต่จู่ๆ ม้าก็บ้าคลั่งขึ้นมา……." แม้จะพูดเช่นนี้ แต่แววตาของนางกลับจับจ้องไปที่ชางยางอวี่เอ๋อร์และจิ่งเหวินซีที่ดูผิดหวังเล็กน้อย
จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว จ้องมองไปที่ศีรษะของหยุนชาง เขารู้ดีว่าหยุนชางเก่งแค่ไหน อีกอย่าง ท่าหยุน…..จิ้งอ๋องมองไปที่ท่าหยุนแล้วค่อยๆขมวดคิ้วขึ้น คร่ำครวญครู่หนึ่ง เขาก็พยุงหยุนชางเดินไปหาท่าหยุน พบว่าท่าหยุนหันหน้ามาและพ่นลมหายใจใส่จิ้งอ๋อง และเหมือนว่ามีฟองขาวอยู่ตรงปากของท่าหยุน
จิ้งอ๋องหรี่ตามองไปที่ท่าหยุนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหันกลับไปตรัสกับจักรพรรดิหนิงว่า "มีคนลงมือกับท่าหยุนพ่ะย่ะค่ะ มันกินอะไรบางอย่างที่ไม่ควรกินลงไป ฝ่าบาทโปรดอนุญาตให้กระหม่อมพาท่าหยุนไปดูอาการด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะสืบให้แน่ชัดอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ…"
จักรพรรดิหนิงมองไปที่จิ้งอ๋อง และมองไปที่หยุนชางที่ยังคงหวาดกลัวและอยู่ในอ้อมแขนของจิ้งอ๋อง จึงพยักหน้า "พระอนุชาเป็นคนเดินเรื่อง แน่นอนว่าเจิ้นไว้ใจอย่างมาก ชางเอ๋อร์ตกใจอย่างหนัก พระอนุชาพาชางเอ๋อร์กลับไปพักเถิด"
หยุนชางแอบเขียนคำบางคำที่หลังของจิ้งอ๋อง ตัวจิ้งอ๋องก็แข็งทื่อขึ้นมา และเงยหน้าขึ้นพร้อมตรัสว่า " ไม่เป็นอันใดไรพ่ะย่ะค่ะ ผลของการแข่งขันยังไม่ได้รับการพิจารณา ในฐานะกระหม่อมเป็นผู้ตัดสิน จึงไม่สะดวกที่จะขอลาตอนนี้พ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งไม่นานก็จะสามารถทราบได้แล้วว่าท่าหยุนเป็นกระไรพ่ะย่ะ เมื่อตอนที่กระหม่อมเดินทางมา กระหม่อมกลัวว่าจะเกิดเหตุขึ้น ดังนั้นจึงได้เชิญท่านหมอชิงเวยมาพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าท่านหมอชิงเวยจะไม่สามารถเทียบเท่ากับหมอเทวดาเสวี่ยเหยียนได้ แต่ทักษะทางการรักษาของท่านนั้นไม่เลวพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้สั่งให้ทหารไปเชิญท่านหมอชิงเวยมาตรวจดูอาการของชางเอ๋อร์พ่ะย่ะค่ะ"
จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้ว พระองค์ทรงไม่เห็นด้วยเล็กน้อย หยุนชางเห็นเช่นนี้ จึงออกจากอ้อมแขนของจิ้งอ๋องแล้วลุกขึ้นยืน และตรัสกับจักรพรรดิหนิงว่า " เสด็จพ่อเพคะ กว่าชางเอ๋อร์จะมีโอกาสได้ออกมานอกวังนั้นยากมาก หากว่ากลับวังไปเช่นนี้ ชางเอ๋อร์ก็คงรู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อยเพคะ ชางเอ๋อร์ไม่เป็นอันใดเพคะ อีกประเดี๋ยวให้ท่านหมอชิงเวยตรวจดูอาการให้หยุนชางก็เพียงพอแล้วเพคะ"
เมื่อเห็นความอุตสาหะของหยุนชาง จักรพรรดิหนิงก็พยักหน้า "เอาล่ะ เชิญท่านหมอชิงเวยเข้ามาเถิด"
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายชราผมหงอกก็เดินเข้ามา "กระหม่อมกราบถวายบังคมฝ่าบาท พระราชินี จิ้งอ๋อง องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ…"
"ท่านหมอชิงเวยมิต้องพิธีรีตอง รีบตรวจอาการของชางเอ๋อร์เถิด ว่านางบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่" จักรพรรดิหนิงกล่าวอย่างเร่งรีบ
ท่านหมอชิงเวยไม่ได้กล่าวอะไรมาก เขาเดินไปหาหยุนชาง " ขออภัยองค์หญิงขอรับ กระหม่อมขออนุญาตตรวจดูชีพจรขององค์หญิงได้หรือไม่ขอรับ?"
หยุนชางพยักหน้าและยื่นมือออกมา
ท่านหมอชิงเวยยื่นมือออก เวลาผ่านไปนาน เขาจึงหรี่ตาลงเล็กน้อย เก็บมือกลับไปและถวายบังคมพร้อมทูลต่อจักรพรรดิ " ฝ่าบาทมิต้องกังวลไปพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงมิได้เป็นกระไรมากพ่ะย่ะค่ะ"
สีหน้าของจักรพรรดิหนิงจึงได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย พระองค์ทรงพยักหน้ากำลังจะตรัส ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมา
ทุกคนต่างจ้องมองไปตามทิศทางที่มีเสียงดังมา และพบหลายคนทรงม้าวิ่งออกจากป่าทึบ ชายผู้นำขบวนคือหลี่เย่าฉี หลานชายคนโตของมหาเสนาบดีหลี่ และเขากำลังอุ้มหญิงในชุดสีม่วงอยู่ในอ้อมแขนของเขา
สีหน้าของฮองเฮาเปลี่ยนไปในทันที และนางก็ยืนขึ้น " จิ้งเอ๋อร์หรือ?"
เมื่อทุกคนค่อยๆ เข้ามาใกล้ สีหน้าของฮองเฮาก็ขาวซีดขึ้นมา นั่นคือจิ้งเอ๋อร์อย่างแน่นอน เมื่อฮองเฮาจ้องมองให้แน่ชัด ก็เห็นคราบเลือดบนเสื้อผ้าสีม่วง ฮองเฮารู้สึกกังวลใจอย่างมาก แล้วรีบเดินลงจากอัฒจันทร์ไป "นี่มันอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกับจิ้งเอ๋อร์หรือ?"
หลี่เย่าฉีรีบอุ้มตัวหัวจิ้งลงจากม้า " เสด็จป้าขอรับ องค์หญิงถูกหมีดำโจมตีและได้รับบาดเจ็บขอรับ…" เมื่อจักรพรรดิหนิงเห็นหัวจิ้งเป็นเช่นนี้ ก็ทราบดีว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก แม้ว่าพระองค์จะทรงผิดหวังอย่างมากกับพระราชธิดาคนนี้ แต่นางก็ยังคงเป็นลูกสาวของตน สีหน้าของจักรพรรดิหนิงหนักหน่วงเล็กน้อย
"รีบไปตามหมอหลวงมาประเดี๋ยวนี้!" ฮองเฮามองดูหัวจิ้งที่มีเลือดเต็มตัว นางรู้สึกเพียงแค่ว่าหมดแรงอย่างหนัก และนางยืนอยู่กับที่อย่างหมดแรง แม้แต่แรงจะก้าวเดินก็ไม่มี
"ท่านหมอชิงเวยอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ เขาเป็นหมอเทวดานะ ทักษะการรักษาของเขาดีกว่าหมอหลวงอยู่มาก ลองให้ท่านหมอชิงเวยตรวจดูก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ?" หยุนชางลุกขึ้นยืน สีหน้าของนางดูกังวลเล็กน้อย
ฮองเฮาจึงรู้สึกตัวขึ้นมาได้ "ใช่ใช่ ท่านหมอเชิงเวยอยู่ที่นี่ ท่านหมอชิงเวยเจ้าคะ โปรดช่วยตรวจดูหน่อยว่าจิ้งเอ๋อร์ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?"
หยุนชางหรี่ตาลงเล็กน้อย พระราชธิดาแท้ๆและพระราชธิดารับเลี้ยงมันต่างกันเยี่ยงนี้นี่เอง เมื่อสักครู่ที่ตนตกจากหลังม้า ฮองเฮาไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมาแม้แต่น้อย แต่ทันทีที่เกิดเรื่องขึ้นกับหัวจิ้ง นางกลับกังวลเป็นอย่างมาก ชาติที่แล้วนางหลอกตนมานาน และตนคิดว่านางดีกับตนมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ตนเมื่อชาติที่แล้วไร้เดียงสาเสียจริง
ท่านหมอชิงเวยรีบก้าวเข้าไปข้างหน้าและตรวจดูอาการของหัวจิ้ง จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับชีพจรของหัวจิ้ง สีหน้าของเขาหนักหน่วงเล็กน้อย จากนั้นจึงทูลว่า "องค์หญิงได้รับบาดเจ็บสาหัสพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเกรงว่าบุตรในครรภ์ขององค์หญิงคงจะแท้งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ส่วนพระชนม์ขององค์หญิงนั้น กระหม่อมจะพยายามพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะพยายามอย่างเต็มที่ คงมิน่าจะเป็นปัญหาใหญ่อันใดพ่ะย่ะค่ะ
ทันทีที่ท่านหมอกล่าวจบสิ้น บรรยากาศที่เสียงดังวุ่นวายนั้นก็เงียบลงทันที
จักรพรรดิหนิงมีปฏิกิริยาขึ้นมาก่อน สีหน้าของพระองค์เคร่งเครียด " ท่านหมอชิงเวยกำลังพูดจาเหลวไหลอะไรกัน?"
ท่านหมอชิงเวยได้ยินเช่นนี้ ก็ตกตะลึง กล่าวพร้อมขมวดคิ้ว "ฝ่าบาททรงสงสัยว่ากระหม่อมพูดจาเหลวไหลหรือพ่ะย่ะค่ะ? ฝ่าบาททรงเห็นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงไม่มีบาดแผลอื่นใดนอกจากรอยถลอกเล็กน้อย แต่ร่างกายส่วนล่างขององค์หญิงเต็มไปด้วยเลือด คนที่พอมีความรู้อยู่บ้างก็จะทราบดีว่าองค์หญิงท่านทรงแท้ง เมื่อสักครู่กระหม่อมได้ลองจับชีพจรแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทารกในครรภ์ขององค์หญิงไม่รอดแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่พระวรกายขององค์หญิงนั้นมิได้มีปัญหาอันใด แต่หากไม่รีบจัดการให้ทันเวลา กระหม่อมเกรงว่าองค์หญิงก็คงจะ…….หากฝ่าบาททรงสงสัยในคำวินิจฉัยของกระหม่อม ฝ่าบาททรงเชิญหมอหลวงมาตรวจดูอีกสักสองสามคนก็ย่อมได้พ่ะย่ะค่ะ….."
จักรพรรดิหนิงจ้องไปที่หัวจิ้งที่มีเลือดเปื้อนทั้งตัว พระองค์ทรงกัดฟันและกล่าวว่า "ทหาร ไปตามตัวหมอหลวงมา"
ไม่นาน ก็มีหมอหลวงสามท่านมาพร้อมถือกล่องยามาด้วย เมื่อเห็นภาพของหัวจิ้ง หมอหลวงทั้งสามก็ตกใจอย่างมาก จึงรีบเข้าไปตรวจสอบอาการ และสีหน้าของพวกเขาก็แย่ลงอย่างมาก
ท่านหมอชิงเวยเป็นเพียงหมอชาวบ้าน จึงไม่ค่อยทราบเกี่ยวกับเรื่องในวังมากนัก แต่หมอหลวงเหล่านี้กลับทราบเป็นอย่างดีว่า พระสวามีของหัวจิ้งอยู่ที่ชายแดนโดยตลอด เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้หายตัวไปด้วยซ้ำ ได้ข่าวว่าท่านสิ้นชีวิตแล้ว แต่องค์หญิงหัวจิ้งกลับ……….
หยุนชางจ้องมองไปที่ฮองเฮา แต่นางกลับพบว่าฮองเฮาดูเย็นชา มีเส้นเลือดสีฟ้าจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของนาง หยุนชางเห็นว่ามีเลือดหยดจากมือของนาง
เป็นอย่างไรล่ะรู้สึกดีหรือไม่? หยุนชางเม้มปาก ประกายแห่งความสุขผุดขึ้นในหัวใจของนาง
จักรพรรดิหนิงเห็นความผิดปกติบางอย่างจากสีหน้าของเหล่าหมอหลวง จึงกระทืบเท้าและตรัสว่า "เกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิงหัวจิ้ง? บอกความจริงกับเจิ้นประเดี๋ยวนี้ โทษของการหลอกลวงฮ่องเต้นั้นเป็นเช่นไร เจิ้นไม่ต้องพูดพวกเจ้าก็คงทราบดีใช่หรือไม่….."
หมอหลวงทั้งสามสั่นสะท้านและรีบคุกเข่าลงกับพื้น "ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคาดว่า องค์หญิงหัวจิ้ง……องค์หญิงหัวจิ้งทรงแท้งพ่ะย่ะค่ะ…"
เสียงดัง "ปั้ง" แก้วชาที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าจักรพรรดิหนิงก็ถูกพระองค์โยนลงกับพื้นจนน้ำชาสาดไปทั่ว "นำตัวองค์หญิงหัวจิ้งกลับไปที่ห้องทางนั้นเพื่อรับการรักษา .."
ทุกคนรีบตอบรับและพยุงหัวจิ้งออกไป
หยุนชางยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วหาที่นั่งนั่งลง แล้วจ้องมองไปที่ฮองเฮาที่ยืนอยู่เหตุการณ์ ด้านหน้าฮองเฮาเป็นเหล่าผู้คนที่ยืนอึ้งอยู่ หยุนชางเห็นว่าชางเจียชิงซูยืนขมวดคิ้วราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ชางเจียชิงซูคงสงสัยเล็กน้อย แม้ว่าจะไม่ใช่การสงสัย แต่ก็มีการคาดเดาอยู่บ้าง คาดเดาว่าทารกที่อยู่ในครรภ์ของหัวจิ้งนั้น เป็นคนเขา…………
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย แล้วละสายตากลับมา และพบว่าจิ้งอ๋องกำลังมองมาที่ตน หยุนชางตกตะลึงและเลิกคิ้วใส่จิ้งอ๋อง นางหมายความว่าอย่างไรนั้นทั้งสองก็ทราบกันดี
ผ่านไปอยู่นาน ฮองเฮากัดฟัน ค่อยๆหันหน้ากลับมาอย่างช้าๆ แล้วมองไปที่จักรพรรดิหนิงที่ทรงพระพิโรธอย่างมาก แล้วค่อยๆคุกเข่าลงไปอย่างช้าๆ "ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันสอนพระราชธิดาได้ไม่ดียิ่งนัก ฝ่าบาทโปรดลงโทษหม่อมฉันเถิดเพคะ………."