ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 151 ชางเจียชิงซูลอบพบหัวจิ้ง
ในช่วงกลางคืนของวันนั้น การเฝ้ายามของคฤหาสน์องค์หญิงนั้นเข้มงวดขึ้นมากเสียจนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างเวรที่ลาดตระเวนไปมา หยุนชางกังวลว่าหากมากันจำนวนมากจะทำให้ถูกพบได้ไดยง่าย ดังนั้นนางจึงนำหนิงเชียนมาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เมื่อมาถึงแล้วจึงพบว่านางคิดมากเกินไป ทหารยามเหล่านี้เป็นเพียงคนที่สามารถต่อสู้ได้เล็กน้อยเท่านั้น หากเจอผู้มีฝีมือเล็กน้อยก็คงต้านไม่ไหว หยุนชางและหนิงเชียนจึงหาที่หนึ่งซ่อนตัวซึ่งก็คือบนหลังคาห้องนอนของหัวจิ้ง เพราะหลังคานั้นอยู่ในมุมอับพอดี เมื่อความมืดยามค่ำคืนลงปกคลุมจึงไม่สามารถถูกพบได้โดยง่าย
หลังจากที่ทั้งสองซ่อนตัวเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ค่อยๆยกแผ่นกระเบื้องหลังคาออกมาแผ่นหนึ่งและอยู่ตรงกลางห้องพอดี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีนักแต่ก็เสี่ยงที่จะถูกพบได้ง่ายเช่นกัน หยุนชางจึงวางแผ่นกระเบื้องกลับลงไปอีกครั้งและเหลือไว้เพียงช่องว่างเล็กๆ
หัวจิ้งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้อง ดูเหมือนจะกระสับกระส่ายเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็ลุกขึ้นเดินไปมา ทั้งหมดที่นางคิดในใจก็คือชางเจียชิงซู คิดว่าเขามาถึงเมืองหลวงได้อย่างไรและรู้ได้อย่างไรว่านางไม่ใช่องค์หญิงฮุ่ยกั๋ว คิดว่าหากไม่ได้การจริงๆพรุ่งนี้นางก็จะไปที่จวนของอัครเสนาบดีและขอให้เขาช่วยนางคิดหาวิธี เดิมทีนางต้องการเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าเสด็จแม่ แต่นางก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เสด็จแม่ของนางถูกกักบริเวณอยู่ และท่านตาของนางก็กำชับเป็นพิเศษว่าห้ามก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีกเป็นอันขาด
แต่ว่าหากท่านตาถามว่านางรู้จักกับชางเจียชิงซูได้อย่างไร นางก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรจริงๆ หรือจะบอกว่านางถูกเข้าลักพาตัวไปตอนที่อยู่ที่ชายแดนและยังถูกกักไว้ในค่ายทหารของแคว้นเย้หลางอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แม้กระทั่งมีความสัมพันธ์เช่นนั้นกับเขา? สิ่งเหล่านี้อย่างไรนางก็พูดไม่ออก อีกทั้งหากมีคนอื่นรู้เข้า เกรงว่านางและท่านตาอาจถูกตั้งข้อหาขายชาติร่วมมือกับศัตรู นี่ก็เป็นสิ่งที่นางไม่อาจแบกรับได้เช่นกัน
เพียงแต่ความหมายของคำพูดนั้นของชางเจียชิงซูหมายถึงว่าเขาต้องการจะแต่งงานกับนางจริงๆ หัวจิ้งกัดริมฝีปากของนาง แม้ว่าความน่าดึงดูดของตำแหน่งฮองเฮาจะมีไม่น้อย แต่นางก็รู้ดีเช่นกันว่าแคว้นเย้หลางไม่สามารถเทียบกับแคว้นหนิงได้เลย ดินแดนอันหนาวเหน็บนั้นนางไม่อยากไปเลยสักนิด
มือของหัวจิ้งสัมผัสลงบนท้องน้อยโดยไม่รู้ตัว นางรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อย สิ่งนี้ในท้องของนางก็เป็นหนามยอกใจ เดิมทีนางต้องการกินยาเพื่อกำจัดมันอย่างเงียบๆ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยานั้นจึงไม่ได้ผล นางไม่กล้าไปหาหมออย่างเผิดเผย จึงได้แต่รอช้าอยู่ หัวจิ้งรู้ดีว่ามันไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดมัน นางเพีนงต้องโหดร้ายกับตนเองเล็กน้อย เพียงแค่ล้มอย่างรุนแรงก็สามารถจัดการได้แล้ว เพียงแต่การทำเช่นนั้นออกจะสะดุดตาและยากที่จะรับรองได้ว่าจะไม่ถูกคนอื่นรู้เข้า นอกจากนี้วิธีนี้ยังอันตรายอย่างยิ่ง นางจึงใจไม่แข็งพอที่จะลงมือทำ
ในใจของหัวจิ้งเกิดระลอกแห่งความขุ่นเคืองใจขึ้น เมื่อเห็นว่าท้องของนางเริ่มนูนขึ้นอย่างช้าๆ แต่กลับยังคิดไม่ออกว่าจะทำเช่นไร เมื่อเห็นว่าอากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ นางจึงไม่สามารถซ่อนมันได้อีกต่อไป
ทันใดนั้นก็มีเสียง "กุกกัก" แว่วมาจากหน้าต่าง หัวจิ้งผงะไป สีเลือดบนใบหน้าของนางหายไปเจ็ดแปดส่วน นางรีบถามอย่างรวดเร็วว่า "ใครน่ะ?"
หน้าต่างถูกผลักเข้ามาเผยให้เห็นใบหน้าที่หัวจิ้งไม่ต้องการพบ จางเจียชิงซู เขามาแล้ว
นัยน์ตาของหัวจิ้งฉายแววตื่นตระหนก นางถอยไปด้านหลังสองก้าว "ท่านมาได้อย่างไร ท่านไม่กลัวข้าร้องเรียกคนหรือ? ในจวนองค์หญิงมีแต่คนของข้า เจ้าจะเข้าออกตามใจชอบย่างไร"
เมื่อหัวจิ้งพบชางเจียชิงซู ในใจก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก นางครุ่นคิดในใจอยู่ครู่หนึ่งก็รู้ดีว่าวันนี้คงหนีไม่พ้นแน่ นางแอบกำมือภายใต้แขนเสื้อแน่น วันนั้นยามอยู่ในค่ายนางประมาทไปได้อย่างไร ถึงได้ไปกระตุกหนวดเสือขององค์ชายปีศาจผู้นี้ เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้นางไม่อาจกระวนกระวายได้ สิ่งที่นางกังวลยิ่งกว่าก็คือชางเจียชิงซูจะรู้ว่านางมีลูกของเขา
เมื่อหัวจิ้งคิดอย่างนี้แล้วก็กัดฟันพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใสว่า "ในเมื่อองค์ชายสามได้มายืนอยู่ที่นี่แล้ว อย่างไรหัวจิ้งก็คงไม่อาจหนีพ้นเงื้อมมือของท่านได้ หากองค์ชายสามต้องการจะมาก็มาเถอะ" หลังจากพูดแบบนี้ หัวจิ้งก็พยายามแขม่วท้องอย่างหนักและปลดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นเข็มขัดสีแดงเข้ม
ชางเจียชิงซูหัวเราะ "ตอนนี้เจ้ายังมีเรี่ยวแรงคิดถึงเรื่องเช่นนี้อีกหรือ?" ขณะที่เขาพูด เขาก็ยื่นมือออกมากระตุกมันออก อาภรณ์พียงชิ้นเดียวบนร่างของหัวจิ้งก็ถูกดึงออกไป ปทุมถันอวบอิ่มสองข้างก็เผยออกมา ชางเจียชิงซูหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาเอื้อมมือออกมาและไฟทั้งหมดในห้องก็ดับลง เหลือเพียงเสียงครางที่ทั้งเจ็บปวดและสุขสมของหัวจิ้งดังแว่วมา
…
หยุนชางที่อยู่บนหลังคากระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เสด็จพี่ของนางผู้นี้ช่างไม่ยอมอยู่อย่างเดียวดายเลยจริงๆ ในชาติที่แล้วก็เป็นเช่นนี้ ชาตินี้ก็เช่นกัน เพียงแต่ชาติก่อนคนที่นางไปยั่วยวนคือน้องเขยของนาง แต่ในชาตินี้กลับเป็นองค์ชายแห่งแคว้นเย้หลาง
ในขณะที่นางกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ จู่ๆนางก็ถูกปิดปากไว้ หยุนชางเบิกตากว้างแต่กลับรู้สึกได้ถึงลมหายใจแผ่วเบาที่คุ้นเคยจากด้านหลัง ดูเหมือนจะเป็น… จิ้งอ๋อง?
หยุนชางเกรงว่าจะไปรบกวนนกยวนยางสองตัวที่กำลังเสพสมกันอยู่ในห้อง นางจึงไม่กล้าดิ้น เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่าดวงตาเบิกกว้างของหนิงเชียนเปล่งประกายเป็นพิเศษในตอนกลางคืนนี้
หยุนชางทำท่าบุ้ยใบ้บอกกับหนิงเชียนว่านางไม่เป็นไร แต่คนกลับถูกจิ้งอ๋องทำให้กระเด็นออกไปไกลแล้ว
สีหน้าของจิ้งอ๋องไม่สู้ดีนัก ร่างกายของเขาก็แผ่รัศมีเยียบเย็นออกมา เขาเอามือปิดปากหยุนชางและหิ้วหยุนชางด้วยมือเดียว กระโดดไม่กี่ก้าวก็ออกจากเขตจวนองค์หญิงไป เมื่ออกมาจากจวนแล้วจิ้งอ๋องจึงคลายมือที่อุดปากนางออกแล้วอุ้มนางขึ้นม้า ฟาดแส้หนึ่งที เสียงม้าห้อตะบึงก็ดังขึ้นในยามค่ำคืน
"ท่านทำอะไร? เฉียนเฉี่ยนยังอยู่ที่นั่น หากถูกชางเจียชิงซูพบเข้าต้องแย่แน่" หยุนชางอดไม่ได้ที่จะโมโหและกล่าวออกมาด้วยความโกรธเคือง
ผู้ที่อยู่ด้านหลังไม่พูดอะไรเลย เพียงควบม้ามาที่ประตูจวนจิ้งอ๋องอย่างรวดเร็ว อุ้มหยุนชางจากหลังม้าและเข้าไปในจวน
พ่อบ้านจวนจิ้งอ๋องประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของจิ้งอ๋องก็รู้ได้ว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี แต่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนเขา… พ่อบ้านมองดูอยู่นานจึงตระหนักว่าคือองค์หญิงฮุ่ยกั๋วและสีหน้าของนางก็ย่ำแย่มากเช่นกัน
ในใจเขาตกใจยิ่งกว่าเดิม เหตุใดท่านอ๋องจึงได้จับตัวองค์หญิงมาเช่นนี้?
แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงเพียงมองดูจิ้งอ๋องอุ้มองค์หญิงฮุ่ยกั๋วเข้าไปยังที่พักของเขา
จนกระทั่งเมื่อเข้าไปในห้องของตนเองแล้ว จิ้งอ๋องจึงวางหยุนชางลง ในใจหยุนชางเป็นกังวลหนิงเชียนจึงไม่สนใจสิ่งอื่นและพุ่งตรงจะออกไปด้านนอกอีกครั้ง