ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 128 ใส่ร้ายป้ายสี
หยุนชางหันศีรษะไปมองจิ้งอ๋อง กลับเห็นว่าสีหน้าของเขาเรียบเฉยราวกับว่าคนที่เตะนางกำนัลนั้นไม่ใช่เขา "จงใจใส่ร้ายองค์หญิง นางกำนัลเช่นนี้จะเก็บไว้ทำไม?"
หน้าผากของมหาเสนาบดีหลี่มีเส้นเลือดปูดโปนขึ้น "จิ้งอ๋อง ท่านอย่าได้รังแกกันมากไปนัก เห็นๆ อยู่ว่าความผิดขององค์หญิงหยุนชางกำลังจะถูกเปิดเผย ท่านต้องการปิดบังให้นางหรือ?"
"ท่านมหาเสนาบดีหมายความว่าอย่างไร? เหตุใดข้าจึงต้องฆ่าหลานสาวของท่านด้วย? นอกจากนี้ ก่อนจะถึงวันนี้ข้าไม่เคยพบนางมาก่อนด้วยซ้ำ…" หยุนชางเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยและชำเลืองมองจิ้งอ๋องที่อยู่ด้านข้าง
"หึหึ กระหม่อมไม่รู้ว่าท่านจะทำร้ายอิ๋งอิ๋งทำไม? กระหม่อมเพียงรู้ว่าหลักฐานแน่นหนา ท่านต้องบงการให้นางกำนัลของท่านให้เอายาพิษไปป้ายที่ผีผา ทหาร ยังไม่รีบจับตัวนางกำนัลที่ชื่อเฉี่ยนอินนี่ไปอีก!" มหาเสนาบดีหลี่แค่นเสียง นัยน์ตาแฝงแววเย็นชา
"อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าจะถามท่านมหาเสนาบดีเสียหน่อย บางทีวันนี้นางกำนัลของข้าอาจบังเอิญไปที่หอพระราชสมบัติ แต่ว่าทำไมข้าจึงต้องวางยาพิษไว้ที่ผีผา อีกอย่างเกมนี้ถูกเสนอขึ้นโดยฮองเฮา ท่านพ่อก็เป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าแม่นางหลี่จะบังเอิญจับฉลากได้เล่นผีผา?" หยุนชางมองดูสายตาทุกคนที่จ้องมาที่นางต่างก็มีแววคลางแคลงใจ หัวใจของนางก็สงบขึ้นเรื่อยๆ นางจึงนั่งลงและยิ้มกว้าง
นางกำนัลที่ชื่อหยุนซีดูเหมือนจะมีบางอย่างอยากพูด ผ่านไปครู่ใหญ่นางจึงอ้อมแอ้มกล่าวออกมาว่า "ก่อนหน้านี้ฮองเฮายังคงพักฟื้นร่างกายอยู่ ดังนั้นงานเลี้ยงนี้จึงจัดขึ้นโดยไท่เฟยเหนียงเหนียง ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันตอนที่องค์หญิงไปเข้าเฝ้า ไท่เฟยเหนียงเหนียงกำลังหารือเกี่ยวกับการเล่นเกมนี้กับสนมคนอื่นๆ อยู่…"
หยุนชางหรี่ตาลง โอ้ นี่หมายความว่านางรู้ว่าจะมีเกมนี้อยู่แล้วตั้งแต่ตอนนั้น ดังนั้นจึงมีเวลาทำอะไรกับกระบอกฉลากงั้นสิ
ไม่รู้ว่าใครในฝูงชนพูดอีกครั้งว่า "เมื่อครู่ราวกับว่าแม่นางหลี่จะสนใจจิ้งอ๋อง หากองค์หญิงหยุนชางชอบจิ้งอ๋อง หรือว่า…"
"หรือว่าอะไร? หรือว่าจะอิจฉา? หรือว่าจะหึงหวง? หรือว่าเพราะเหตุนี้เองจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะกำจัดคู่แข่งที่มีศักยภาพนี้?" หยุนชางพูดไปเรื่อยๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าจินตนาการของแม่นางและคุณชายทั้งหลายในเมืองหลวงนี้จะล้ำเลิศได้ถึงเพียงนี้…"
มหาเสนาบดีหลี่โกรธจัด "องค์หญิงฮุ่ยกั๋ว ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ท่านบอกว่าท่านไม่ได้เป็นคนวางยาอิ๋งอิ๋ง ท่านก็แสดงหลักฐานออกมาสิ!"
"หลักฐาน?" หยุนชางเงยหน้าขึ้นยิ้มแล้วเดินไปหาสาวใช้ในวังชื่อเชว่เอ๋อร์ มองดูสีหน้าเจ็บปวดของนาง โน้มตัวลงเล็กน้อย เมื่อกำลังจะพูดก็ได้ยินเสียงตวาดของมหาเสนาบดี "องค์หญิงหยุนชาง ท่านก็ต้องการฆ่านางกำนัลที่เป็นพยานผู้นี้หรือ? มีคนมากมายที่นี่กำลังเฝ้าดูอยู่…"
หยุนชางไม่สนใจและเดินตรงไปหาเชว่เอ๋อร์แล้วกล่าวว่า "วันนี้นอกจากทำความสะอาดเครื่องดนตรีในหอพระราชสมบัติแล้วเจ้าไปไหนมาอีก?"
เชว่เอ๋อร์ไอเล็กน้อยราวกับว่าความเจ็บปวดอันน่าอึดอัดนั้นมาจากเท้าของจิ้งอ๋อง"หม่อมฉันอยู่ที่หอพระราชสมบัติทั้งวัน มีเพียงเมื่อครู่เท่านั้นที่ถูกทหารนำตัวมาที่นี่"
"งั้นหรือ? จะไม่ลองคิดดูอีกหน่อยหรือ??" หยุนชางยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
เชว่เอ๋อร์ก้มหน้าลงปกปิดแววร้อนรนในดวงตาของนาง "หม่อมฉันอยู่ที่หอพระราชสมบัติตลอด…"
หยุนชางยิ้มบางๆ "หอพระราชสมบัติหรือ แต่ข้าจำได้ว่าดูเหมือนจะมีเพียงหอเหมยอิ่งเท่านั้นที่มีดอกบ๊วย เจ้าไม่ได้ไปหอเหมยอิ่งแล้วทำไมที่รองเท้าของเจ้าถึงได้มีกลีบดอกบ๊วยเล่า?" ตอนที่จิ้งอ๋องถีบนางจนกระเด็นเมื่อครู่ หยุนชางจึงได้เห็นว่าที่ใต้รองเท้านางมีกลีบดอกบ๊วยอยู่ ในใจจึงเริ่มเชื่อมโยงได้บ้าง
เชว่เอ๋อร์สะดุ้งเล็กน้อยเเล้วจึงพูดเสียงเบา "หม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ทราบ บางทีอาจมีใครไปที่หอเหมยอิ่งแล้วเหยียบกลีบดอกบ๊วยมาทำหล่นอยู่ข้างทาง ข้าไม่ทันระวังจึงไปเหยียบเข้า"
หยุนชางยิ้มบางๆ และเดินไปด้านหน้าหยุนซีอีกครั้ง "ข้าไม่เคยเห็นเจ้าอยู่กับไท่เฟยเหนียงเหนียง ที่ตำหนักฉางชุนเจ้าทำหน้าที่อะไรหรือ?"
นางกำนัลคนนั้นรีบตอบว่า "ข้าคอยรับใช้อยู่นอกตำหนักเพคะ"
"หือ? นอกตำหนัก นอกตำหนักก็ได้ยินสิ่งที่เรากำลังพูดหรือ? เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามาว่าในเช้าวันนี้ไท่เฟยเหนียงเหนียงพูดอะไร? หือ?" หยุนชางยิ้มบางๆ
หยุนซีตัวสั่นเทิ้มไปทั้งตัว "หมะ หม่อมฉัน…ลืมไปแล้ว"
"หืม? ลืมแล้ว? วันนี้ตอนเช้าพูดเรื่องอะไรไปกลับจำไม่ได้แล้ว แต่เรื่องวิธีเล่นเกมสำหรับคืนนี้แล้วกลับจำได้เยี่ยมมาก"
แทบทุกคนได้กลิ่นของแผนร้าย มหาเสนาบดีหลี่ยิ้มเย็น "องค์หญิงฮุ่ยกั๋ว ท่านจะพูดหลอกล่อนางทำไมกัน?"
หยุนชางหันไปมองมหาเสนาบดีหลี่และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ข้าได้ยินมาว่า สอบคดีต้องหลักฐานจะต้องสอดคล้องกัน แต่ตอนนี้คำให้การของนางกำนัลสองคนนี้กลับเต็มไปด้วยช่องโหว่ ท่านมหาเสนาบดีหลี่ก็จะเอาผิดข้าแล้วหรือ? หรือว่าปกติแล้วท่านมหาเสนาบดีปิดคดีอย่างลวกๆ ไปเท่านั้น?
ขณะที่นางพูดก็มีองครักษ์จับตัวขันทีผู้หนึ่งเดินเข้ามา "ฝ่าบาท นี่คือขันทีผู้มีหน้าที่เตรียมฉลาก"
ขันทีคนนั้นรีบคุกเข่าลงและกล่าวว่า "บ่าวถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับบ่าว บ่าวเพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น เป็นนางกำนัลขององค์หญิงหยุนชางที่สั่งบ่าวเปลี่ยนฉลากทั้งหมดเป็นผีผายามถึงตาคุณหนูหลี่"
ทันทีที่สิ้นเสียง ในตำหนักก็ดูเหมือนจะสว่างขึ้นทันที "ที่แท้เป็นนางจริงๆ…"
หยุนชางกลับไม่ใจร้อน "เจ้าบอกว่าเจ้าหญิงสั่งเจ้า เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?"
ขันทีรีบหยิบเงินแท่งเล็กๆ ออกมาจากแขนเสื้อของเขาอย่างรวดเร็ว "นี่เป็นสิ่งที่นางกำนัลขององค์หญิงมอบให้บ่าว นางบอกว่าหากทำสำเร็จแล้วจะมีรางวัลให้อีก บ่าวโง่เขลาไปชั่ววูบจึงได้รับปากตกลง"
"หืม?" หยุนชางเดินไปหาขันทีแล้วหยิบแท่งเงินมาตรวจดูแล้วยิ้มขึ้นที่มุมปาก จากนั้นก็กล่าวกับฮ่องเต้ที่นั่งอยู่ด้านบนด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา "เสด็จพ่อ หม่อมฉันต้องการทดสอบขันทีผู้นี้สักหน่อยเพคะ"
"อนุญาต" หยุนชางเรียกนางกำนัลหลายคนมายืนเรียงแถว นางกล่าวพลางยิ้ม "ในเมื่อเจ้าบอกว่านางกำนัลของข้าเป็นผู้ไปหาเจ้า เช่นนั้นเจ้าชี้ให้พวกเราดูหน่อยว่านางกำนัลผู้ใดที่เป็นคนไปหาเจ้า?"
ขันทีผู้นั้นตัวสั่น เขาเงยหน้าขึ้นมองอยู่ครู่หนึ่ง เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับเกือบจะเหมือนกันหมด ขันทีเห็นนางกำนัลผู้หนึ่งในชุดสีชมพูชี้ไปที่นางกำนัลที่ท่าทางสะดุดตาอีกผู้หนึ่งอย่างเงียบๆ ขันทีคนนั้นจึงกัดฟันอย่างแรงและลุกขึ้นชี้ไปที่นางกำนัลที่หน้าตางดงามคนนั้นแล้วพูดว่า "เป็นนาง นางนี่แหล่ะที่มาหาบ่าว"
หยุนชางมองดูนางกำนัลที่ถูกชี้และยิ้มออกมา "ใช่นางจริงๆ เหรอ? เจ้าแน่ใจนะ?"
ขันทีพยักหน้าซ้ำๆ "บ่าวแน่ใจ"
หยุนชางหันกลับมามองฮองเฮาที่นั่งอยู่ด้านบนและกล่าวว่า "เสด็จแม่ ดูเถิด ขันทีผู้นี้ใส่ร้ายคนอื่นอย่างมั่วซั่ว เขาว่าซิ่วซินกูกูที่อยู่ข้างกายท่านเป็นคนที่หม่อมฉันส่งไปหานาง"
ฮองเฮาเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้* นางขบกรามเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า "เหลวไหล" (*สำนวนจีน อุปมาถึงความไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของผู้ที่ตนหวังไว้)
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "เหลวไหลจริงๆ แต่ว่าชางเอ๋อร์กลับพบสิ่งที่น่าสนใจบางอย่าง ชางเอ๋อร์พบว่าแท่งเงินนี้มีกลิ่นของดอกบ๊วยอยู่ หรือว่าขันทีผู้นี้จะเคยไปที่หอเหมยอิ่ง?"
หยุนชางส่งเงินแท่งนั้นให้หัวหน้าขันทีเจิ้งและเขาก็มอบมันให้แก่ฮ่องเต้อีกทอดหนึ่ง หลังจากที่ฮ่องเต้ลองดมดู เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย "เป็นกลิ่นของดอกบ๊วยจริงๆ ทหาร นำตัวสองคนนี้ไปโบยคนละยี่สิบทีเพื่อให้สารภาพว่าใครกันแน่ที่บังอาจกล้ามาใส่ร้ายองค์หญิงแห่งแคว้นหนิงของข้า!"
จิ้งอ๋องกลับลุกขึ้น "เสด็จพ่อ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ให้หม่อมฉันจัดการเถอะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันถนัดจัดการคนเช่นนี้เป็นที่สุด ไม่ต้องลากออกไปหรอก โบยตรงนี้แหล่ะ ข้ารับใช้สองคนนี้กล้าใส่ร้ายองค์หญิงจะปล่อยไปง่ายๆ ไม่ได้ ทหาร เอาเข็มมา"
ทุกคนต่างตะลึง เข็ม? เอาเข็มมาทำอะไร?
ข้ารับใช้ด้านข้างหยิบกล่องเข็มขึ้นมา แต่พวกมันกลับต่างจากเข็มปกติที่ใช้ปักผ้าเล็กน้อย เข็มนี้ใหญ่กว่ามาก จิ้งอ๋องกระตุกยิ้มมุมปาก "เริ่มทรมานได้"
ข้ารับใช้จึงจับเข็มแล้วดึงมือของนางกำนัลและขันทีผู้นั้นขึ้นแล้วแทงเข็มผ่านเล็บมือ ทุกคนสีหน้าสยดสยองและได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวน ว่ากันว่านิ้วทั้งสิบเชื่อมกับหัวใจ กลอุบายของจิ้งอ๋องช่างโหดร้ายจริงๆ
ใครจะรู้ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากที่ข้ารับใช้สอดเข็มเข้าไปเล็บของทั้งสองคนแล้วก็นำอ่างใส่น้ำมา โยนมือที่ถูกสอดเข็มเข้าไปในน้ำ ทันทีที่สัมผัสน้ำ ทั้งสองก็กรีดร้องออกมาอีกครั้ง ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำด้วยความเจ็บปวด
"น้ำเกลือนี้มีรสชาติอย่างไร? หากยังไม่พูดอะไรอีก ข้าว่าน้ำลอยพริกก็ไม่เลวนัก" จิ้งอ๋องยิ้มเย็นและเดินเข้าไปหาทั้งสอง
ทุกคนรอบๆ ต่างตกใจ หลายคนหน้าซีดเผือดแล้ว
"หม่อมฉันพูดแล้วๆ หม่อมฉันจะสารภาพทั้งหมด ขอให้จิ้งอ๋องปล่อยหม่อมฉันไป เป็น…" เสียงของเชว่เอ๋อร์แหบแห้งเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางจะเจ็บปวดจนถึงขีดสุดแล้ว แต่ก่อนจะพูดคำสำคัญออกมานางก็ล้มลง…