ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 21 ครอบครัวพบหน้ากัน
ล้อหมุนดัง "กุ้กๆ " หยุนชางนอนอยู่บนเกวียนม้าแล้วหลับตานึกถึงเรื่องต่างๆ ที่อยู่ในใจของตน การได้เกิดใหม่ในชาตินี้ พอมานับๆ แล้วเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ตนนั้นได้ลองไปหลายครั้ง แม้ว่าตนจะใช้ความทรงจำของชาติที่แล้วได้เปรียบเล็กน้อย แต่เกมสุดท้ายนี้ ตนแพ้ได้อย่างน่าสมเพชจริงๆ
หากปราศจากความช่วยเหลือของเสด็จแม่ ตนคงตายไปแล้ว
เธอเร่งรีบเกินไปจริงๆ หยุนชางถอนหายใจออก ตนเกิดใหม่ในชาตินี้ ในใจของตนนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เธอจึงเริ่มแก้แค้นโดยไม่คำนึงถึงเรื่องอื่นๆ เลย แต่เธอลืมไปว่าเธอในตอนนี้ไม่มีอำนาจนั้นที่จะแก้แค้นเลย
ปราศจากการว่างแผนอย่างรอบคอบ ไม่มีอำนาจที่เป็นของตัวเองและไม่มีใครสนับสนุน มันให้ความรู้สึกเหมือนเอาไข่ไปสู้กับหินจริงๆ นะ แต่ยังดีที่ตนคิดได้ในตอนนี้ มันยังไม่สายเกินไป ในเมื่อเสด็จแม่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะส่งตนออกจากวัง ตนก็ห้ามพลาดโอกาสนี้ไป ต้องใช้ประโยชน์จากโอกาสครั้งนี้ให้ดี และเตรียมทุกอย่างให้พร้อม
หยวนเจินฮองเฮา หัวจิ้ง คอยดูเถิด แล้วข้าจะกลับมาอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน เกวียนม้าก็หยุดลง หยุนชางลงจากเกวียนม้าภายใต้การพยุงของฉิงยี แล้วเธอก็เห็นว่าตรงหน้าเธอนั้นเป็นบันไดทอดยาวตรงหน้าประตูของวิหารแคว้นหนิง หยุนชางเดินตามอู๋น่า ขึ้นบันไดไป จากนั้นก็เข้าไปในวิหาร
อู๋น่าพาหยุนชางเดินไปที่เรือนเล็กที่อยู่ในภูเขาด้านหลัง จากนั้นเขาจึงหยุดและพูดว่า "ที่นี่คือตำหนักที่ทางวิหารจัดไว้สำหรับองค์หญิงฮุ่ยกั๋ว ต่อจากนี้ไปองค์หญิงจะพักผ่อนอยู่ที่ตำหนักนี้"
ขณะที่อู๋น่าพูดอยู่นั้น หยุนชางก็เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับเด็กหญิงคนหนึ่ง หยุนชางจ้องตาโตอย่างห้ามไม่ได้ รูปร่างของเด็กหญิงคนนั้นเหมือนกับหยุนชางมาก และแม้แต่ใบหน้าของเธอก็คล้ายกันอย่างมากเช่นกัน
"เจ้าอาวาสคะ นี่คือ?" หยุนชางขมวดคิ้ว และไม่เข้าใจว่าเจ้าอาวาสอู๋น่าต้องการทำอะไร
ดวงตาของอู๋น่าเป็นประกาย เขายิ้มและพูดว่า "นี่คือองค์หญิงฮุ่ยกั๋วที่จะมาอาศัยและพักผ่อนอยู่ที่ตำหนักแห่งนี้… "
หยุนชางได้ยินคำสองคำที่สำคัญนั้น "จะมาอาศัยอยู่ … "
หลังจากครุ่นคิดไปสักพัก หยุนชางจึงพูดออกมาว่า " เธอมาแทนที่ข้าหรือ? "
อู๋น่าพยักหน้าและพูดกับฉินยีว่า " โยมผู้นี้อาศัยอยู่ที่นี่เพื่อดูแลองค์หญิงฮุ่ยกั๋วดีกว่านะ" หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็หันไปหาหยุนชางและกล่าวว่า " โยมโปรดเชิญทางนี้ โยมหย่วนซานรอนานแล้วขอรับ"
โยมหย่วนซาน?
หยุนชางตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นจึงนึกขึ้นได้ว่า ฉินยีเพิ่งพูดถึงเมื่อเช้านี้ว่า โยมหย่วนซานที่พูดถึงนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะเป็นท่านปู่ของเธอ ที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนในชาติที่แล้ว เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หยุนชางจึงพูดกับฉินยีว่า "เจ้าอาศัยอยู่ที่วิหารต่อเถิด หากมีเรื่องอันใดก็ฝากจดหมายให้คนอื่นเอามาให้ข้าก็พอ"
ฉินยีเองก็คงรู้แล้วว่าอู๋น่าวางแผนว่าอย่างไร เธอจึงพยักหน้าและกล่าวว่า "บ่าวทราบแล้วค่ะว่าต้องทำเช่นไร องค์หญิงโปรดวางใจได้เลยเพคะ มีบ่าวอยู่ที่นี่รับรองว่าไม่เกิดอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ"
หยุนชางส่งเสียง "อืม" อย่างนุ่มนวล แววตาของเธอก็มองตามสายตาของฉินยีไป และเธอก็เห็นเด็กหญิงเหมือนตัวเองเล็กน้อย หลังจากมองดูสักพัก เธอก็หันไปพยักหน้าใส่อู๋น่า "ขอให้ท่านเจ้าอาวาสนำทางให้หน่อยนะคะ"
อู๋น่าพาหยุนชางเดินทะลุผ่านป่าไม้ไผ่ขนาดใหญ่ไป ในส่วนลึกของป่าไม้ไผ่นั้นมีบ้านเล็ก ๆ อยู่สองสามหลัง ก่อนที่จะเดินใกล้เข้าไป เธอก็เห็นชายวัยกลางคนอายุราวๆ สี่สิบปียืนอยู่หน้าประตูบ้าน เขาใส่เสื้อสีน้ำเงิน มองจากไกลๆ นั้นไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของเขาได้ แต่เธอรู้สึกเพียงว่าบุคลิกของเขานั้นมีเอกลักษณ์ แม้ว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็เผยกลิ่นอายของความไม่ธรรมดาออกมา
ชายคนนั้นดูเหมือนจะเห็นพวกเขาเช่นกัน เขาเดินเข้าไปหาพวกเธอโดยไม่ลังเล และยืนอยู่ไม่ไกลจากหยุนชางมากนั้นจากนั้นก็พลางยิ้ม หยุนชางเองก็หยุดเดิน เธอรู้สึกว่ารูปลักษณ์ของบุคคลนี้ดูงดงาม แม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว แต่ก็เต็มไปกลิ่นอายของความสง่าและมีความรู้ จึงทำให้เห็นถึงความสง่าของเขามากขึ้น เพียงแวบเดียวหยุนชางก็รู้ว่าตัวตนของคนตรงหน้าคือใคร เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เธอยืนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มและเรียกเขาว่า "ท่านตา"
เมื่อคนผู้นั้นได้ยินเช่นนี้ มุมปากของเขาก็โค้งงอขึ้นไป เขายิ้มและพูดว่า " เธอเป็นลูกของซูจิ่นจริงๆ ด้วย หน้าตาของเจ้า เหมือนกับตอนที่เธอยังเป็นเด็กเลย และความเฉลียวฉลาดนี้ก็เหมือนกันทุกประการ"
หยุนชางยืนอยู่กับที่และเงยหน้ามองเขา เธอเองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ในใจของเธอเต็มไปด้วยความอบอุ่น นี่คือท่านตาของตนนี่เอง
เซียวหย่วนซานเดินเข้าไป แล้วอุ้มหยุนชางขึ้นมา "แค่พริบตาเดียว ชางเอ๋อร์โตขึ้นมาเยอะเลยนะครั้งที่แล้วที่เจอหนูเพิ่งคลอดเอง ตัวเล็กนิดเดียว"
หลังจากพูดจบเขาก็หันไปหาอู๋น่าและพูดว่า "คราวนี้ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้านะ รอบหน้าเราเล่นหมากรุกด้วยกันอีก ข้าจะยอมเจ้า3หมากแล้วกันนะ"
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนี้ เธอก็หันศีรษะและมองไปที่อู๋นาอย่างสงสัย แต่เห็นว่าใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงออกสีหน้าใดๆ แต่สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นกลับทำให้หยุนชางตกตะลึงเล็กน้อย "วันนี้อาตมาได้ทำผิดศีลนะ อาตมาได้พูดปดจึงได้พาองค์หญิงออกมา ยอมอาตมาสามหมากนั้นสามารถทดแทนได้หรือ? เจ้าคิดว่ามันง่ายเกินไปนะ ครั้งหน้าหากจะขึ้นมาอีกนำดอกท้อหมักมาให้อาตมาหนึ่งเหยือกก็จะดีที่สุดแหละหนา"
เซียวหย่วนซานเลิกคิ้ว "พระต้องอาบัติ" หลังจากพูดแล้วเขาก็อุ้มหยุนชางเดินไปถึงทางของลานบ้าน " ชางเอ๋อร์อย่าไปคุยกับพระต้องอาบัติรูปนี้เลย คำพูดของเขานั้นไม่น่าฟังเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนมากมายถูกเขาหลอก"
หยุนชางพาดอยู่บนไหล่ของเซียวหย่วนซาน เธอรู้สึกว่าจิตใจนั้นสงบสุขอย่างยิ่ง แม้แต่เสียงของเธอเองก็เบาลงเช่นกัน "ชางเอ๋อร์เชื่อฟังคุณตาค่ะ"