ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย - ตอนที่ 246
โม่ถิงเซียวไปหาเจ้าสัวโม่ในห้อง
คนรับใช้เฝ้าอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นโม่ถิงเซียวก็โค้งตัวอย่างเคารพนบนอมพร้อมเรียก“คุณชาย”
หลังจากนั้น ก็ยื่นมือช่วยผลักประตูให้โม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวก้าวเดินเข้าไป คนรับใช้ก็ปิดประตูห้อง
เจ้าสัวโม่ยังนั่งอยู่บนโซฟา เงยหน้าขึ้น เอนหลังพิงอยู่บนโซฟา โทรทัศน์ก็ยังเปิดอยู่
โม่ถิงเซียวเดินเข้าไปใกล้ๆ จึงพบว่าเจ้าสัวโม่ได้หลับไปแล้ว
ไม่รอให้โม่ถิงเซียวพูด เจ้าสัวโม่ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาแหลมคมยังมีความขุ่นมัวอยู่ตลอด
เขาจ้องมองไปที่โม่ถิงเซียวที่อยู่เบื้องหน้า คล้ายกับตกใจ รูม่านตาหดลง
รวดเร็วมาก ดวงตาของเขาก็กลับคืนสู่สภาพใสสะอาดเหมือนเดิม
“มาแล้วเหรอ”
น้ำเสียงของเขาแหบเล็กน้อย โม่ถิงเซียวได้ยินเข้ามาในหู รู้สึกคล้ายว่าคำพูดนี้ไม่ได้พูดกับเขา
โม่ถิงเซียวขมวดคิ้วนั่งลงตรงหน้าเจ้าสัวโม่ มองสังเกตเจ้าสัวโม่อย่างละเอียด
เขานึกถึงก่อนหน้านี้ในเวลาที่มู่นวลนวลกลับไป ท่าทางเหมือนอยากจะพูดแต่ก็หยุดไป ตอนนี้ได้พบกับท่าทางของเจ้าสัวโม่ เขาก็นับว่าเข้าใจแล้วว่าทำไม
เขาสามารถเย่อหยิ่งต่อหน้าเจ้าสัวโม่ได้ ยังสามารถถูกเจ้าสัวโม่อดทน ที่สำคัญคือเป็นเพราะว่าเจ้าสัวโม่รู้สึกว่าโม่ถิงเซียวเหมือนเขา เป็นธรรมชาติที่จะรักและทะนุถนอมเขา ก็ไม่อาจที่จะใส่ใจความเย่อหยิ่งของโม่ถิงเซียว
เจ้าสัวโม่ฉลาดแหลมคมและมีวิสัยทัศน์ ไม่แสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็นง่ายๆ
โม่ถิงเซียวเคยชินกับสไตล์พูดจาคำไหนคำนั้นของเจ้าสัวโม่ มองเห็นสีหน้าของเจ้าสัวโม่ที่มีความเหนื่อยล้าและอ่อนแอของผู้สูงอายุได้อย่างชัดเจน ก็แปลกใจไปชั่วขณะ
โม่ถิงเซียวขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม ถามเขาตามตรง“ท่านเป็นอะไร?”
เขากับโม่ถิงเซียงทั้งสองคน ใครก็ไม่ยอมแพ้ใคร ถึงจะเป็นปู่และหลาน บ่อยครั้งเหมือนทั้งสองคนเป็นเพื่อนต่างวัยและเป็นคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือพอๆกัน
ถึงแม้ว่า ก่อนหน้านี้เจ้าสัวโม่ไม่ให้เขาตรวจสอบเรื่องของแม่ ทำให้เขาห่างเหินกับเจ้าสัวโม่ แต่ว่าในใจก็ยังแคร์เจ้าสัวโม่
เจ้าสัวโม่ไม่ให้เขาตรวจสอบเรื่องของแม่เขา เป็นธรรมชาติที่จะมีเหตุผลอื่น แต่ไม่มีวันที่เรื่องของแม่ไปเกี่ยวข้องกับเจ้าสัวโม่อย่างแน่นอน
“พรุ่งนี้ก็เป็นวันส่งท้ายปีแล้ว ผ่านปีนี้ไปฉันก็แก่ขึ้นมาอีกปี มีชีวิตหนึ่งวันน้อยลงหนึ่งวัน ก็อยากจะพูดกับนายหลายประโยค”เจ้าสัวโม่มองเขา ในแววตามีความรู้สึกยากที่จะเข้าใจ
น้ำเสียงนี้ของเจ้าสัวโม่ ทำให้โม่ถิงเซียวใจร้อนไม่เป็นสุข“มีอะไรก็รีบพูดมา”
เจ้าสัวโม่ไม่พาลโกรธเพราะว่าน้ำเสียงของโม่ถิงเซียว กลับจะหัวเราะและพูด“ในบรรดาลูกหลานในตระกูลโม่ ก็นับว่านายกับเสี่ยวเฉินซื่อตรงจริงใจที่สุด ทำการใหญ่ ซื่อตรงจริงใจเกินไปก็ไม่ได้”
“นวลนวลอายุยังน้อย นิสัยก็ห่างกับนายราวฟ้ากับดิน เป็นเด็กที่ไม่เลว แต่ถือว่าเป็นภรรยาของนาย ฉันuคิดว่าเธอไม่เหมาะสม…”
สายตามองเห็นโม่ถิงเซียวขมวดคิ้วขึ้นก็คือจะโหแล้ว เจ้าสัวโม่หัวเราะและพูด“ฉันยังไม่ทันได้พูดจบ จะรีบทำไม!”
โม่ถิงเซียวแสดงความไม่พอใจ เอนหลังกลับไป รอให้เขาพูดต่อไป
“ความอดทนไม่เลว ให้เธอเป็นเพื่อนฉันดูรายการโทรทัศน์หนึ่งชั่วโมง ก็ไม่ได้รำคาญ มีความคิดดี รูปร่างหน้าตาก็สวย ถ้าเปลี่ยนเป็นตอนที่ฉันวัยรุ่น พบกับสาวสวยขนาดนี้ ก็หวั่นไหวเหมือนกัน”
ครึ่งประโยคแรกยังฟังได้ ประโยคหลังโม่ถิงเซียวได้ฟังก็รู้สึกไม่เข้าหู
โม่ถิงเซียวเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าเข้มงวด“ตาเฒ่า พูดให้ดีดี”
เจ้าสัวโม่ขมวดคิ้วขึ้น“ปัง”ตบฝ่ามือลงบนโซฟา ชี้นิ้วไปที่โม่ถิงเซียวและพูด“เจ้าเด็กคนนี้ ไม่ว่าจะพูดยังไงฉันก็เป็นปู่แท้ๆของนาย ตอนที่ยังเล็กเวลาที่ฉันอุ้มนาย นายยังเคยฉี่ใส่ฉันฉันยังไม่ตีนายเลย ตอนนี้มีภรรยาก็มองไม่เห็นหัวฉันแล้ว?นายมีความสามารถลองพูดต่อหน้าเธอแบบนี้?”
ตาเฒ่านี้ท่าทางวางมาดใหญ่โต ดูแล้วไม่ขัดหูขัดตา
โม่ถิงเซียวเอียงหน้ามอง พูดอย่างหน้าตาเฉย“เธอเป็นสาวน้อย ยอมให้เธอหน่อย ท่านจะเอาอายุมาเปรียบเทียบกับสาวน้อย?”
เจ้าสัวโม่โมโหมากจนนำรีโมทที่อยู่บนโต๊ะชาตรงหน้า หยิบขึ้นมาโยนไปที่โม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถูกรีโมทแข็งๆปะทะเข้ามา เจ็บจนต้องหายใจเข้า
โม่ถิงเซียวกดลงที่ถูกรีโมทปะทะเข้ามา“พูดไม่ชนะผม ก็ใช้กำลัง?”
เจ้าสัวโม่สีหน้าเก็บอาการ ใช้คำพูดที่เย็นชาที่โม่ถิงเซียวไม่เคยได้ยินมาก่อน“ถิงเซียว ผ่านปีนี้ไปก็ใช้ชีวิตอย่างสงบ เรื่องที่นายอยากรู้ เพียงแค่ฉันรู้ชัดเจน ฉันจะบอกนายทั้งหมด”
ที่แท้ เจ้าสัวโม่พูดมากมาย อยากจะพูดมากที่สุดก็คือประโยคนี้
โม่ถิงเซียวท่วมตัวก็แข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ผ่านไปนานมากก็ยังไม่มีท่าทีโต้ตอบ
ทั้งสองคนจ้องมองกันครู่ใหญ่ๆ โม่ถิงเซียวจึงนั่งยืดตัวตรง และพูดออกไป“รวมถึงเรื่องของแม่ผม?”
เจ้าสัวโม่พยักหน้า“ใช่ รวมถึงเรื่องของแม่นาย”
โม่ถิงเซียวเข้าใจนิสัยพูดจาคำไหนคำนั้นของเขา รู้ว่าในเมื่อเจ้าสัวโม่รับปากแล้ว ก็ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน
เขากัดริมฝีปาก ตอบกลับด้วยเสียงหนักหน่วง“ได้”
…
ออกมาจากเจ้าสัวโม่ ก็ห้าทุ่มแล้ว ก็ดึกแล้ว
โคมไฟที่ติดอยู่ระเบียงทางเดิน แสงไฟสลัว ก็มีคนรับใช้เดินผ่านไปมาตลอด ก้มศีรษะเรียกเขา
“คุณชาย”
“อืม”
โม่ถิงเซียวเดินไปข้างหน้าทีละก้าว เดินเฉื่อยๆ
เรื่องของแม่ปีนั้น เขาแน่ใจว่าคุณปู่ไม่มีส่วนร่วม แต่ว่าอาจจะรู้อะไรบางอย่าง
และเรื่องที่คุณปู่รู้ และอาจจะรู้หลังจากเรื่องคดีจับตัวเรียกค่าไถ่ได้เกิดขึ้นแล้ว
ครั้งแรกที่เขาพามู่นวลนวลกลับมาบ้านเก่า คุณปู่ก็บังคับด้วยกฏหมายไม่ให้เขาตรวจสอบเรื่องของแม่อีก
ในเมื่อคุณปู่ไม่มีส่วนร่วม ถ้าอย่างนั้นเหตุผลที่เขาขัดขวางไม่ให้โม่ถิงเซียวตรวจสอบเรื่องของแม่ก็มีแค่เหตุผลเดียว…
คุณปู่กลัวว่าเขาจะตรวจสอบถึงความจริง
ความจริง หรือว่าเป็นความลับที่ไม่สามารถพูดได้
หรือว่าเป็นความลับที่ไม่สามารถให้ใครรู้
พูดอย่างเป็นรูปธรรมก็คือ ความจริงของเรื่องนี้ แม้แต่คุณปู่ที่เคยผ่านวิบากขวากหนามในธุรกิจมาเยอะ ก็ยังยากที่จะรับได้
แต่ตอนนี้ คุณปู่ยอมนำความจริงบอกเขาแล้ว
งั้นเรื่องอะไรที่กระตุ้นคุณปู่ล่ะ?
ในเวลาที่โม่ถิงเซียวได้สติกลับมา ก็พบว่าตัวเองเดินมาถึงประตูห้องแล้ว
“คุณชาย ยังไม่นอน?”
มีคนรับใช้เดินผ่านมาอีก
โม่ถิงเซียวหันหน้ากลับไปมองคนรับใช้
คนในตระกูลโม่มีจำนวนมาก คนรับใช้ก็มีจำนวนมาก
แต่คนพวกนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับเขาล่ะ?
หันหน้ากลับมา เขามองตรงไปที่ประตูห้อง
มีเพียงแค่ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในห้อง จึงทำให้เขารู้สึกสงบจิตใจลงได้จริงๆ
เขาผลักประตูเข้าไป มู่นวลนวลก็รีบเดินเข้ามาทันที
“เป็นยังไงบ้าง?คุณปู่พูดอะไรกับคุณ?คุณก็รู้สึกว่าเขาแปลกๆใช่ไหม?”
เห็นได้ชัดเจนว่าเธอรอเขากลับมา ดังนั้นในเวลาที่เขาเข้ามาก็พูดถามไม่หยุด
โม่ถิงเซียวเดินตรงเข้าไปในห้อง และไม่พูดจา
มู่นวลนวลเงยหน้ามองสีหน้าของเขา พบว่าเขาไปที่ห้องเจ้าสัวโม่และกลับมา ก็เปลี่ยนเป็นแปลกๆ